หนอเรา เปล่าเปลี่ยว เดียวดายอยู่ปลาย โลกร้าง ช่างเหงาที่นี่ มีแต่ แค่เราอับเฉา จริงนี่ ชีวินกู่ก้อง ร้องไป ใครหนอเฝ้ารอ ท้อใจ ไม่สิ้นแล้วหรือ คือใคร ได้ยินชาชิน เรื่องเศร้า เราเคยอยู่ต่อ ท้อทด หมดหวังแต่ยัง หายใจ ได้เอ่ยฤๅโชค ช่างร้าย ใช่เลยนิ่งเฉย เลยละ ชะตา
หยิบกระดาษ ดินสอ จ่อจรดสองสามบท อยากจาร งานอักษรถ่ายคารม คมถ้อย ร้อยเป็นกลอนเหมือนครั้งก่อน เคยสาน ร่วมงานกันกับมวลมิตร มากมาย หลากหลายผู้หมายร่วมกู้ อนุรักษ์ เรื่องศักดิ์ศรีเสกสรรถ้อย ร้อยคำ นำวลีเป็นน้องพี่ ดำรงค์ ร่วมวงวรรณอยากจรรโลง โคลงกลอน ที่อ่อนหวานสร้างผลงาน ของเรา เหล่านักฝันถ่ายความนึก ความคิด จิตสัมพันธ์ล้อเลียนกัน ก่อนเอ๋ย ก็เคยทำมาวันนี้ หนีหาย อยู่ไหนหนอยังเฝ้ารอ ไมตรี ที่ดื่มด่ำเหล่านักกลอน ใครบ้าง ยังจดจำร่วมน้อมนำ กลับมา เร่งพาที
ดอกแก้วงาม ยามฝน หล่นโลมหล้าภมรพา บินล้อม ตอมความหวานกลิ่นหอมรื่น โชยมา คราดอกบานสวยสคราญ ช่อขาว ดูพราวตาหมดฝนแล้ว แก้วแห้ง ลมแล้งล่องดินแตกช่อง รอบโคน ต้นพฤกษาบ้างใบเหลือง ร่วงลง สู่คงคาขาดคนมา เหลียวแล แม้แค่เงาจะต้องผ่าน หนาวร้อน ก่อนถึงฝนแก้วก็ทน โดดเดี่ยว บ้างเหี่ยวเฉาถ้ามีฝน หลงฤดู อุ้มชูเราช่วยบรรเทา ความแล้ง มิแห้งตายแต่ดอกแก้ว คนนี้ หลายปีผ่านในดวงมาน ท้อทด หมดความหมายผ่านกี่ร้อน ฝนหนาว ร้าวใจกายยังเดียวดาย อ้างว้าง อย่างยืนยาวเย็นลมเหนือ เมื่อไร ใจหม่นหมองยังหวังปอง คนอ้อน นอนเคียงสาวแค่อยากหา ผ้าห่ม นั่งชมดาวแล้วทุกคราว ก็ไร้ คนไมตรีพืชในไพร รอฝน หล่นโลมหล้าหมู่มัจฉา รอวาริน ทุกถิ่นที่ข้าวออกช่อ รอเคียว เขียวขจีแก้วคนนี้ นี่หนอ ....จะรอใคร
ก็เพราะไกล เกินกว่า จะคว้าถึงแค่คะนึง พาให้ จิตไหวหวั่นสูงสุดสอย ลอยเด่น ดั่งเช่นจันทร์เป็กระต่าย หมายมั่น จึงพรั่นใจมองเงาหัว ตัวอยู่ รู้ต่ำต้อยค่ามีน้อย เพียงดิน สิ้นสดใสฤๅจะเทียบ นภา อ่าอำไพร้าวฤทัย มิกล้า มองฟ้าครามเป็นยาจก เหิมหาญ ทะยานสูงกากับยูง พอเอ่ย ถูกเย้ยหยามว่ามิเจียม เตรียมจิต คิดประนามเพราะต่ำทราม หรือชั่ว โอ้ตัวเราใคร่เชยชม ดอกฟ้า จึงพาหมองแม้หมายปอง ต่อไป กลัวใจเหงาเลิกคิดสอย คอยแล มองแต่เงาแบ่งบรรเทา เศร้าทรวง ห้วงฤดีวาสนา น้อยนัก หักใจหนอถึงจะรอ ต่อไป ไม่สุขศรีฟ้าเคียงดาว พราวใส ในราตรีตัวเรานี้ คงอยู่ ไร้คู่ครองมีบ้างไหม ใครเล่า เขาสงสารเศษเสี้ยวทาน แบ่งให้ พอคลายหมองแม้ดอกดิน ก็ไม่ มาใฝ่ปองสุดจำต้อง เดียวดาย จวบวายปราน
มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า คราลมล่องคนหม่นหมอง รำพึง ถึงความหลังค่ำนี้หนอ ทั้งหนาว ปวดร้าวจังเรไรดัง ดั่งเหมือน มิเลือนไกลหนาวแบบนี้ ปีก่อน เคยอ้อนเจ้าเมื่อสองเรา เคียงกัน ชมจันทร์ใสเจ้าหนาวเนื้อ พี่มี แพรสีไพรหยิบคลุมไหล่ ให้นาง เคียงข้างกายแล้วจันทร์เสี้ยว เลี้ยวลง ตรงทิวไฝ่ลาลับไป ปล่อยดาว ให้พราวฉายกลิ่นดอกแก้ว ละมุน กรุ่นกำจายแว่วเสียงคล้าย ขลุ่ยบรรเลง เพลงราตรีจากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้นเมื่อไร้คน เคียงใจ ไม่สุขีทุกหนาวเยือน เตือนใจ ในทุกทีถึงคนที่ จากไกล แล้วไม่คืนสัญญามั่น วันก่อน ตอนเคียงใกล้ทุกถ้อยคำ จำได้ ไม่เป็นอื่นรักของเรา คงยัง ต้องยั่งยืนจะขมขื่น ปวดเจ็บ เก็บไม่นานลมหนาวมา ครานี้ อีกปีแล้วยังไร้แวว คนใด ใครสงสารคงจะเจ็บ เหน็บร้าว อีกยาวนานเขียนกลอนกานท์ ปลอบตน คนหนาวทรวง