ที่บ้านกลอน ตอนนี้ มีแต่เหงา
เพื่อนเก่าเก่า เขาไป ที่ไหนหนา
เคยหยอกล้อ ต่อกลอน อ้อนวาจา
พอเปิดมา หาใคร ก็ไม่มี
คงลืมกัน วันนี้ ลืมพี่เพื่อน
จึงร้างเลือน ลับหาย ดุจหน่ายหนี
สื่อรุ่นใหม่ ใช้กัน นั้นเข้าที
ลืมกวี กาพย์กานท์ เคยสานกัน
ยังรอคอย ทุกคน บนความหวัง
แต่ก็ดั่ง ละเมอ เหมือนเพ้อฝัน
พอลืมตา มลาย แล้วหายพลัน
ภาพสุขสันต์ นั้นดับ หาบวับไป
ถอดฤดี ที่ตรม ฝากลมฟ้า
ล่องลอยหา น้องพี่ อยู่ที่ไหน
ถ้าเผลอผ่าน อ่านกลอน แล้วอ่อนใจ
จงรู้ไว้ คนหนึ่ง คิดถึงเธอ
นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
เรียบเรียงไว้ ให้ฟัง มิสั่งสอน
อัธยาศรัย ไมตรี มีขั้นตอน
รู้ผันผ่อน อารมณ์ และข่มตน
ก็ภรรยา สามี ที่บ้านทุ่ง
สานกระบุง ออกขาย พอได้ผล
ฐานะก็ พอใช้ ไม่ยากจน
ด้วยอดทน ทั้งสอง ปรองดังกัน
เมื่อสามี หงุดหงิด เคยคิดแผลง
แกเลยแกล้ง เกเร ทำเหหัน
สานกระบุง ปากใหญ่ ไม่สัมพันธ์
แล้วโยนมัน ออกมา ข้างหน้าเมีย
กระบุงนี้ ดีไหม ฉันใคร่รู้
เจ้าโฉมตรู บอกดี ไม่มีเสีย
ปากมันใหญ่ โกยง่าย หายอ่อนเพลีย
ทำแบบเนี้ยะ คงขายดี มีราคา
ผัวมิอาจ เอาเรื่อง จะเคืองขุ่น
ลงใต้ถุน สานใหม่ ให้ผิดท่า
สานก้นใหญ่ ปากเล็กนิด ผิดตำรา
แล้วโยนมา ว่าอย่างนี้ ดีกระไร
เมียรู้ตัว ผัวท่า หาเรื่องแน่
บอกเยี่ยมแท้ อันนี้ ดีแบบใหม่
ปากแคบนิด ปิดฝาง่าย สบายใจ
ผัวจึงไม่ มีเรื่องจะ ต้องทะเลาะ
นิทานกลอน สอนใจ เล่าไว้ว่า
สองยายตา หากิน แบบสิ้นหวัง
ปล่อยหญ้ารก ปรกทุ่ง แสนรุงรัง
มัวแต่นั่ง ขอพร อ้อนเทวา
พระธุดงค์ องค์เดียว ท่านเที่ยวด้น
หวังมรรคผล สงบ พบสุขา
ปักกรดที่ ท้ายคุ้ง ริมทุ่งนา
ทั้งยายตา เตรียมใจ ได้ของดี
ฉันขอลาภ หวังรวย ท่านช่วยเถิด
พระก็เกิด เมตตา เรียกมานี่
ให้ตะกั่ว เก้าก้อน สอนวิธี
อยากมั่งมี นำไป หลอมในเตา
เมื่อละลาย กลายเห็น เป็นทองแท้
กับข้อแม้ มีว่า อย่าโง่เขลา
ถ่านที่สุม รุมไฟ ให้เลือกเอา
รากต้นพริก มาเผา เก็บเถ้ามัน
ทั้งยายตา มานะ จะหาถ่าน
จึงไถหว่าน ที่นา พาขยัน
ปลูกต้นพริก หลายไร่ ไม่นานวัน
พริกพวกนั้น ออกเมล็ด ให้เด็ดกิน
ก่อนต้นแก่ เก็บขาย มากมายนัก
ยึดเป็นหลัก ถึงกับ รวยทรัพย์สิน
มีเงินทอง พอเพียง เลี้ยงชีวิน
ทิ้งเสียสิ้น ตะกั่ว ....มิมัวรอ