แม้คราหลับ กลับผวา เบิกตากว้าง
หลากหลายอย่าง เวียนว่าย ในสมอง พรุ่งนี้เรา รอดไหม นอนไตร่ตรอง
หรือจะต้อง หลบลี้ หนีให้ไกล เพราะเหตุร้าย รายวัน มันมิหยุด
จะต้องมุด คุดคู้ อยู่ที่ไหน หวังพึ่งคน ปกป้อง คุ้มผองภัย
แล้วมีไหม ใครหนอ ขอช่วยที ก็กี่ร้อย กี่ราย ต้องตายดิ้น
หรือคนใต้ ต้องสิ้น จากถิ่นนี่ แล้วพวกท่าน อยู่ไหน มิไยดี
หรือมิมี ปัญญา มาแก้กัน ทำอะไร สักอย่าง อย่าวางเฉย
หยุดละเลย พวกเรา ยังเฝ้าฝัน จะอยู่เหนือ กลางใต้ ไทยเหมือนกัน
สิ่งสำคัญ พ้นตาย หรือไม่เรา ด้วยอยากมี ชีวิต ขอสิทธิ์ใช้
เป็นคนไทย ให้เป็น เหมือนเช่นเขา แต่ด้ามขวาน วันนี้ เป็นสีเทา
พรุ่งนี้เล่า ใครรู้ อยู่หรือตาย ถ้าอย่างแย่ แก้มิได้ อย่าอายนะ
ยอมสละ ปฐพี ตามที่หมาย ก่อนลูกหลาน พวกเรา เขามลาย
ท่านทั้งหลาย คิดเห็น เป็นเช่นไร
เมื่ออยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง ลงบึงคลอง งมปลา เป็นอาหาร กับปลูกผัก หักไม้ ไว้ใช้งาน ทั้งเผาถ่าน ขุดเผือกมัน แบ่งกันกิน ถึงหน้านา กล้าหว่าน งานเริ่มต้น เหมือนทุกคน มุ่งหน้า หาทรัพย์สิน ขอแรงควาย ช่วยฟื้น พลิกผืนดิน พอฝนริน นำกล้า ดำนากัน
มีน้ำหล่อ กอใหญ่ อีกไม่ช้า ทั่วท้องนา เขียวขจี เป็นสีสัน วัชพืช รกมาก ถากถางมัน เพลี้ยหนอนนั้น สมุนไพร ฉีดไล่ดี ข้าวตกรวง น้ำลด ดูสดใส มองออกไป ทุ่งทอง ดูผ่องสี พอลมล่อง ร่วมงาน กันอีกที ของแรงพี่ น้องนำ มารำเคียว จะลงแขก พอบอก ออกร่วมด้วย หนุ่มสาวสวย แข็งขัน ช่วยกันเกี่ยว เพลงกังวาน บ้านนา น่าฟังเชียว บทเพลงเกี้ยว แก้กัน นั้นลอยลม บนลานนวด ควายย่ำ เดินนำหน้า ข้าวจากนา เข้าฉาง ช่างสุขสม ฟ้าบ้านนอก คนบ้านนา น่าชื่นชม ความทุกข์ตรม สักครั้ง ยังไม่เคย
ภาพที่ชาย ปลายนา เมื่อครานั้น มองตะวันดวงใหญ่ ใกล้ทิวเขา
ค่อยลอยเลื่อน เคลื่อนคล้อย ลอยบังเงา ฟ้าสีเทา สลับลาย ป้ายสีแดง
หมู่นกกา กลับรัง เสียงดังก้า แล้วทั่วหล้า แดนดิน ก็สิ้นแสง
เสียงลมทุ่ง พัดไผ่ ให้ไหวแรง ยอดสนแกว่ง ใบหวีด กรีดสายลม
ตะวันลา ฟ้าดำ คราค่ำนี้ ก็เริ่มมี ดารา มาผสม
เดือนเสี้ยวดวง ช่วงนี้ มีให้ชม โลกลูกกลม หมุนเคลื่อน เดือนจึงลา
พอเดือนลับ ขับดาว ให้พราวใส ดูไสว กระจ่าง กลางเวหา
เสียงขลุ่ยผิว ผสม สายลมพา ดุจดังว่า หม่นหมอง ต้องระบายตะเกี่ยงไต้ ไกลแสง แดงริบหรี่ เสียงดนตรี เรไร ไม่ขาดสาย
นกแสกร้อง ก้องมา อย่างท้าทาย เพลงขลุ่ยหาย พร้อมกับ ดับแสงไฟ
ภาพครั้งก่อน ตอนนี้ มิมีแล้ว หมดวี่แวว จะหา กลับมาใหม่
แคร่ผุกร่อน ตัวเก่า เอาออกไป วันนี้ใช้ ม้าหินอ่อน ตอนดูดาว
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ที่ผันผ่าน มันเนิ่นนาน เกินไป หรือไรหนอ ความลึกซึ้ง ตรึงใจ เหลือไม่พอ หรือทดท้อ ยากจำ จนทำใจ ลืมความหลัง ครั้งก่อน มิย้อนคิด เพียงสักนิด ถ้อยคำ จำได้ไหม คนหนึ่งเหมือน เพื่อนพี่ ที่อยู่ไกล ยังห่วงใย ใฝ่หา ด้วยอาทร หรือป่วยไข้ ไม่สบาย จึงหายห่าง หรือไม่ว่าง งานหนัก อยากพักผ่อน หรือมีใคร อื่นเขา คอยเว้าวอน เบื่อบทกลอน เคยมอบ โต้ตอบกัน สักนิดหนึ่ง ได้ไหม บอกให้รู้ ถ้าสุขอยู่ ยินดี ที่สุขสันต์ แม้ทุกข์ท้อ ขอด้วย ช่วยแบ่งปัน คิดถึงกัน อยู่ไหม ...อยากให้แจง คนกรุงศรี ฯ
เอกราช จะมิให้ ใครข่มขี่ ทุกพื้นที่ เขตแดน สุดแหนหวง ท่านปู่ย่า สั่งไว้ ให้ถามทวง ถ้าใครล่วง ล้ำมา ไล่ล่ามัน
อธิปไตย ของข้า รักษาไว้ ความตั้งใจ แน่วแน่ มิแปรผัน แม้เหตุการณ์ พ้นผ่าน มานานวัน ต้องบุกบั่น กอบกู้ สู้ไม่เกรง
สละเลือด ทุกหยาด เพื่อชาติอยู่ เป็นนักสู้ ใครกล้า มาข่มเหง แผ่นดินเท่า รอยตีนไก่ ต้องใช้เอง ให้รีบเร่ง ทวงคืน ผืนดินไทย
ดินแดนเรา เรารักษา เป็นหน้าที่ อุดมดี พืชพันธ์ อันยิ่งใหญ่ ป่าที่เขียว ชอุ่ม พุ่มพงไพร เราตัดไม้ ใช้งาน ผลาญสบาย
หลายป่าป่น โค่นกัน จัดสรรที่ นายทุนมี เงินหว่าน มานานหลาย ทรัพยากร ค่าล้ำ ถูกทำลาย ป่าเรากลาย เป็นดินแดน แสนกันดาร
ทวงแผ่นดิน มาไว้ เพื่อใช้สอย จะเล็กน้อย เท่าไร อย่าไขขาน เลือดรักชาติ มีมา แสนช้านาน เราต้องการ ดินแดนเรา รีบเอาคืน
คนกรุงศรี ฯ กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา