14 ธันวาคม 2557 20:12 น.

ฟ้าสางเมื่อยังเยาว์

คนกรุงศรี

เสียงกาเหว่่า ดังก้อง ร้องเรียกคู่

ว่าปู๋ปู๋ อยู่ใน ทิวไพรสัณฑ์

อรุณรุ่ง เรื่อแดง แสงตะวัน

ลมเหมันต์ พัดล่อง ต้องผิวกาย

 

ข้าวใบเรียว เขียวล้ม ตามลมพัด

ดั่งคลื่อนซัด ยอดพลิ้ว ปลิวเป็นสาย

ใบสนหวีด กรีดรับ กับพระพาย

ยินที่ปลาย ทุ่งนา การ้องดัง

 

เหมือนเสียงเพรียก เรียกลุก ปลุกพวกเพื่อน

ตะวันเยือน แล้วนี่ มีความหวัง

มันบินวน พร้อมรวม ร่วมพลัง

มุ่งสู่ฝัง พนา เพื่อหากิน

 

ตะวันทอด สอดมา ฟ้าก็สาง

เงาหมอกจาง สลาย แล้วหายสิ้น

ต้นไผ่เบียด เสียดกอ พอได้ยิน

ที่พื้นดิน โคนไผ่ ใบร่วงกราว

 

แถวเหลืองเหลือง เรืองรอง ของหมู่สงฆ์

ดุ่มเดินตรง ลัดนา ก่อนฟ้าขาว

ลำประโดง โค้งขอด ทอดตัวยาว

สายลมหนาว พัดผิว เป็นริ้วลอน

 

กอดกระชับ กายา ด้วยผ้าผวย

ก็พอช่วย หนาวหาย เพียงคลายผ่อน

อรุณรุ่ง บ้านนา ป่าดงดอน

เมื่อมองย้อย หวนหลัง .....เมื่อยังเยาว์

10 ธันวาคม 2557 23:01 น.

ในส่วนลึก

คนกรุงศรี

ความระทม ตรมใจ ใครประสบ

อยากเลี่ยงหลบ หลีกลี้ แล้วหนีผละ

ทุกข์ร้อยแปด มากมาย หลายวาระ

ก็อยากจะ แปรปรับ ดับให้มิด

 

คนรักร้าง หนีไกล ไปมิกลับ

เลยยอมรับ เทวา ฟ้าลิขิต

สุดจะเอ่ย เผยใจ ในชีวิต

แอบเบือนบิด มิให้ ใจเป็นทุกข์

 

รอเวลา รักษาใจ ให้หายเจ็บ

ทนกักเก็บ เอาไว้ แม้ไม่สุข

ความคิดถึง ทวงถาม ยังลามรุก

มันซ่อนซุก อยู่ใน ใจส่วนลึก

 

น้ำตาเรา รินไหล หลั่งในอก

ต้องหยิบยก ตอบตาม ความรู้สึก

หวนคิดมา คราใด ใจระทึก

เมื่อตกดึก เหว่่ว้า กว่าระงับ

 

คนจะว่า กระไร ก็ใจเจ็บ

ถูกแนมเหน็บ พ้อบ่น ทนสะดับ

ใครเจอความ ตรมตรอม คงยอมรับ

พร้อมกันกับ เห็นใจ ไม่ท้วงทัก

 

เวลาผ่าน นานไหม จึงหายนะ

ทุกข์เกินจะ ป้องปราม และห้ามหัก

ความสัมพันธ์ ซื่อตรง มั่นคงนัก

ก็เพราะรัก เก็บไว้ ...อย่างใกล้ชิด

8 ธันวาคม 2557 21:44 น.

ปลอบใจ

คนกรุงศรี

อยากปลอบใจ ให้คลาย จงหายหม่น

ฝากึงคน อยู่ไกล ด้วยใจหวัง

ช่างแสนงอน กระไร ใจน้อยจัง

ทุกอย่างยัง คงมั่น เราสัญญา

 

สุดกังวล ปนห่วง ช่วงห่างหาย

ว่าดีร้าย ป่วยไข้ ให้กังขา

จะสืบตาม ถามใคร ไม่นำพา

จึงฝากฟ้า ดาวเดือน ให้เยือนยล

 

ถูกแนมเหน็บ เจ็บใจ แต่ให้ขัน

ไม่ว่ากัน เข้าใจ ในเหตุผล

ทำงานหนัก ตรากตรำ ไยจำทน

ดูแลตน จึงเตือน เพราะเพื่อนกัน

6 ธันวาคม 2557 21:44 น.

เมื่ออรุณรุ่ง

คนกรุงศรี

กายขยับ รับรู้ ว่าอยู่รอด

สองตาสอด แลหา ว่าอยู่ไหน

ตะวันแดง แสงทอง ส่องอำไพ

คลำหัวใจ ยังเต้น เป็นความจริง

 

สองมือกำ ค้ำกาย หมายจะลุก

คอยปลอบปลุก ใจว่า อย่าหยุดนิ่ง

ถ้าบุญหนุน เราหนอ ขอพึ่งพิง

ทุกข์หลายสิ่ง ทนอยู่ สู้ต่อไป

 

อรุณรุ่ง วันนี้ ยังมีชีพ

ต้องเร่งรีบ รับขวัญ กับวันใหม่

แม้จะหนาว ร้าวเหน็บ เจ็บเพียงใด

จะก้าวไกล ให้ถึง ซึ่งปลายทาง

 

ทางสายเปลี่ยว เดินเดียวดาย อยู่ปลายโลก

สายลมโบก ยามเช้า หนาวไม่สร่าง

รัตติกาล ผ่านผัน มันเลือนลาง

เราจะเดิน ก้าวย่าง อย่างไม่ท้อ

 

5 ธันวาคม 2557 22:08 น.

อีกแล้ว

คนกรุงศรี

มองเดือนดาว พราวฟ้า คราค่ำนี้

ขาดคนดี เคียงใกล้ ให้คิดถึง

ต้องกอดเข่า เหงาจัง นั่งรำพึง

ใครคนหนึ่ง อยู่อย่าง คนห่างกัน

 

อยากรู้จัง เจ้า หงอยเหงาไหม

แม้ตัวไกล ใจอยู่ เป็นคู่ขวัญ

สิ้นเสียงถ้อน ร้อยบท พจน์จำนรร

จึงฝากจันทร์ ส่งใจ ให้คนดี

 

เมื่อคืนวัน จันทร์กระจ่าง กลางฟากฟ้า

จงช่วยพา หัวใจ ไปถึงที่

เป็นสัญญา รักกัน มั่นทวี

ด้วยวิธี ต่างจ้อง มองดวงเดือน

 

แม้คืนใด ไม่แจ้ง ไร้แสงแข

ให้คอยแล ดารา มาเป็นเพื่อน

ขอเอ่ยปาก ฝากดาว เจ้าไปเยือน

ก็ดั่งเหมื่อน ฝากจันทร์ นั้นพาไป

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี