14 มีนาคม 2555 22:47 น.
คนกรุงศรี
แสงสุดท้าย ของวัน แม้ผันผ่าน
รัตติการ เยี่ยมเยียน เปลี่ยนแสงสี
ทุกรอยคำ ย้ำเอ่ย เผยวจี
ทุกวลี ที่ให้ มิได้เลือน
หลายวาจา หวานหอม พร้อมใจภักดิ์
ยังประจักษ์ ในใจ มิคลายเคลื่อน
มโนนั้น ตอกย้ำ คอยพร่ำเตือน
ทุกอย่างเหมือน ก่อนเก่า เราสัญญา
แม้ปางบรรพ เรารวม ร่วมสร้างหวัง
รักต้องยัง ยืนยาว เหมือนเฝ้าหา
จะกี่เดือน กี่ปี กี่เพลา
เถอะรู้ว่า เรานั้น แสนมั่นคง
10 มีนาคม 2555 23:02 น.
คนกรุงศรี
เมื่อวันวาร ผ่านผัน แสนนานเนิ่น
สองเราเดิน ร่วมทาง เพื่อสร้างฝัน
วางวิถี ชีวิต ช่วยคิดกัน
ร่วมฝ่าฟัน อุปสรรค ทั้งหนักเบา
ด้วยความรัก เข้าใจ หมายมุ่งสร้าง
แม้มีบ้าง หมางใจ ให้หงอยเหงา
ความอดทน อดกลั้น ช่วยบรรเทา
เพราะสองเรา เข้าใจ ในแนวทาง
หวังก้าวข้าม ความยาก จากวันก่อน
พบลุ่มดอน หนามขวาก ร่วมถากถาง
ด้วยความรัก ห่วงใย ไม่เจือจาง
สามารถย่าง ผ่านผัน อย่างมั่นใจ
เรือลำเดียว เกี่ยวก้อย ร่วมลอยล่อง
ช่วยสอดส่อง มองทาง สว่างใส
ถือหางเสือ คัดท้าย คุมสายใบ
พายุใหญ่ คลื่นจัด ซัดไม่จม
เป็นนางแก้ว ในใจ หาใครเท่า
ดั่งสองเรา ฟ้าสร้าง อย่างคู่สม
ทองเนื้อเก้า เราได้ ไว้ชื่นชม
รื่นภิรมย์ ร่วมอยู่ คู่ชีวี
ขอขอบคุณ สิ่งดีดี ที่มอบให้
ยากหาใคร ทั่วแคว้น มาแทนที่
แทนมะลิ ร้อยมาลัย ให้คนดี
ใจฉันนี้ นั่นหรือ ก็คือเธอ
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
๑๐/๓/๒๕๕๕
4 มีนาคม 2555 22:22 น.
คนกรุงศรี
ใจหงุดหงิด ผิดแผก แยกไม่ขาด
ดูประหลาด รุ่มร้อน สุดอ่อนไหว
เหมือนมีทุกข์ รุกเร้า เหงาฤทัย
เจ็บป่วยไข้ ใดหนอ มิรอรี
ไปหาหมอ ขอยา รักษาด้วย
ครับผมป่วย ช่วยไว้ ให้เต็มที่
หมอตรวจหา เหตุใด ก็ไม่มี
แต่ฤดี ยังหม่น กังวลใจ
เชื่อหมอ กลับมาพัก มิยักหาย
ยิ่งวุ่นวาย หงุดหงิด ผิดยกใหญ่
หรือสังขาร จะแย่ ด้วยแก่วัย
เหตุไฉน นั่งขรึม ซึมในทรวง
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงกับผอม
ใครเห็นล้อม ร้องทัก ชักเป็นห่วง
ถามพ่อมด หมอผี ดีไหมดวง
บอกโชติช่วง สดใส แต่ใจตรม
เพ่งพินิจ คิดตรอง มองสาเหตุ
เฝ้าสังเกต สังกา หาซึ่งผล
สมาธิ เสียไป ใจวกวน
พบว่าคน หนึ่งมี ที่ทำเรา
เธอเด็ดดวง ใจเรา เอาไปแน่
เป็นสุขแท้ เมื่อพบกัน พลันหายเหงา
มิพบเธอ หลายวัน มันซึมเซา
อยากให้เขา รักษาใจ ...ใครช่วยที
คนกรุงศรี ฯ
2 มีนาคม 2555 23:07 น.
คนกรุงศรี
ชมไพร
ตะวันชาย บ่ายคล้อย เมฆลอยล่อง
ชวนนิ่มน้อง ท่องไพร ไปป่ากว้าง
เลี้ยวลัดเลาะ ล่วงล้ำ นำนวลนาง
ชมแมกไม้ สำอาง ไม่วางตา
งามกุหลาบ พันปี สีสดใส
สนสามใบ เด่นนัก สักสง่า
ดุเหว่าร้อง ก้องกู่ ตามคู่มา
หมู่นกกา โผผิน บินท้าลม
ชะนีโหย หวนหา คราพลัดคู่
แต่สองเรา สุขอยู่ เปรียบคู่สม
ยอดประยงค์ ไหวแกว่ง แข่งมะยม
เธอชี้ให้ ฉันชม พรมไมตรี.. ยุคนธร
ภุมรินทร์ บินล้อม ดอมเกสร
เดี๋ยวเดียวร่อน ผกผิน โบยบินหนี
ความหวานลด หมดไป เลิกไยดี
เกรงว่าพี่ จะเป็น เช่นภมร
เห็นรักเร่ เรียงราย มิวายคิด
คนใกล้ชิด เคียงเรา ที่เฝ้าอ้อน
จะรักเร่ หรือรักซ้อน ซ่อนบังอร
กลัวร้าวรอน เหมือนกลุ่ม พุ่มลั่นทม
มาชมไพร ใจน้อง หวั่นต้องช้ำ
เห็นระกำ กอใหญ่ ใจขื่นขม
ฤๅจะเป็น เปรียบเรา เศร้าโศกตรม
เพราะหนามคม ทิ่มตำ .....จนช้ำใจ ... ..ดอกแก้ว ดวงฤทัย
2 มีนาคม 2555 22:27 น.
คนกรุงศรี
เพียงแสงดาว พราวฟ้า คราสงัด
สายลมพัด ราตรี ทีกลิ่นกรุ่น
หอมดอกแก้ว ข้างทาง ยังละมุน
เสียงเคยคุ้น ไก่ขัน กระชั้นดัง
รัตติกาล พาดาว ก้าวข้ามฟ้า
ชวนกันมา รับแสง แห่งความหวัง
แล้วดาวรุ่ง โผล่เขา พ้นเงาบัง
ที่ด้านหลัง แสงทอง ของตะวัน
ใครระบาย ป้ายสี ที่ขอบฟ้า
สีทองทา แดงแนบ แถบสีสัน
หมู่วิหก บินวน ปะปนกัน
แล้วโผผัน วกตรง สู่พงไพร
ใบข้าวเขียว เรียวพลิ้ว ปลิวลมลู่
กาเหว่ากู่ ดังก้อง ร้องเสียงใส
แถวสงฆ์เหลือง เรืองรอง ผ่องอำไพ
ท้องฟ้าใหม่ ดารา พากันจร
ก่อนมื้อเช้า ชาวนา หน้าตาใส
รีบออกไป งานนา คราแดดอ่อน
ทั้งจอบเสียม เตรียมไว้ ใส่บ่าคอน
แล้วกลับย้อน คืนมา คราแดดแรง
งานนาหนัก พักหลัง นั่งคลายเหนื่อย
พอหายเมื่อย ตะวันรอน แดดอ่อนแสง
ลงสวนผัก ตักน้ำ เร่งทำแปลง
วิถีแห่ง ชาวนา บ้านป่าเรา