21 กันยายน 2554 22:03 น.
คนกรุงศรี
เธอยิ้มมา พาให้ ใจสับสน
สุขใจปน ยินดี มีความหวัง
แต่ใจเธอ คิดอย่างไร ใคร่รู้จัง
ฉันก็ยัง ห่วงหา สุดอาวรณ์
แววตาเธอ ทำให้ ฉันไหวหวั่น
คำจำนรรจ์ ทักทาย หลายวันก่อน
หากวันนี้ ใจเรา สุดร้าวรอน
ก็เมื่อตอน เธอเคียงคู่ อยู่กับใคร
10 กันยายน 2554 21:34 น.
คนกรุงศรี
สายลมล่อง โลมผิว วาบหวิวนัก
เหน็บหนาวหนัก เจียนสั่น ร่างหวั่นไหว
คล้ายชำแรก แทรกเนื้อ เจ็บเหลือใจ
ดุจหทัย ปวดร้าว เมื่อหนาวมา
คิดถึงคน อยู่ไกล รู้ไหมเจ้า
เกรงจะหงา เศร้าทรวง จึงห่วงหา
อยากอยู่ใกล้ แนบติด ชิดแก้วตา
อบอุรา ให้อุ่น ละมุนมาน
ขออิงแอบ แนบแน่น โอบแขนกอด
หวังหลุดรอด ลมลิ่ว ที่พลิ้วผ่าน
รักระอุ อวลไอ ไม่รอนราน
เพียงพ้นกาล ถึงวัน เหมันต์คลาย
7 กันยายน 2554 22:17 น.
คนกรุงศรี
สองดวงตา ฝ้าฟาง ร่างผอมแห้ง
กับเรี่ยวแรง หนึ่งที่ มีความหวัง
ทุกสิ่งล้วน ไม่มี ความจีรัง
ตราบเมื่อยัง คงอยู่ สู้ต่อไป
หลายเส้นเอ็น คดโค้ง หลังโก่งงุ้ม
หนังห่อหุ้ม โครงสร้าง ร่างสั่นไหว
หูเคยรับ สรรพเสียง สำเนียงใด
ทั้งใกล้ไกล ดูเหมือน เริ่มเลือนลาง
ผิวเคยตึง กระชับ กลับแปรเปลี่ยน
จากนวลเนียน ก็ขรุขระ เริ่มกระด้าง
ผมที่เคย ดำขลับ กลับเจือจาง
ร่วงและบาง ปนหงอก สีดอกเลา
ฟันที่เคย เรียงแถว เป็นแนวสวย
ก็โย้ด้วย หลุดหรอ หมดหล่อเหลา
ทำจดจด จ้องจ้อง คล้ายย่องเบา
ทั้งแข้งเข่า แขนข้อ ทรมา
นี่แหละคือ นิยาม ของความแก่
กายอ่อนแอ สารพัน มากปัญหา
บ้างลูกหลาน เจ้ากรรม ไม่นำพา
ส่งบ้านพัก คนชรา น่าน้อยใจ
สองดวงตา ฝ้าฟาง ร่างแก่เฒ่า
คือภาพเงา อนาคตแท้ แน่ไฉน
เมื่อหนุ่มสาว ขาวผ่อง หน้ายองใย
พอหมดวัย ความชรา.. เข้ามาเยือน
7 กันยายน 2554 22:05 น.
คนกรุงศรี
นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
นกกระจาบ ฝูงใหญ่ ไกลเขตขันธ์
พอตกบ่าย บินอ้อม มาพร้อมกัน
จากไพรวัลย์ ลงทุ่ง มุ่งหากิน
สามัคคี มีอยู่ หมู่คณะ
แบ่งภาระ ร่วมกัน มิผันผิน
เป็นตัวอย่าง ให้คน น่ายลยิน
เมื่อโบยบิน พร้อมเพรียง หลบเลี่ยงภัย
พรานวางข่าย ผืนใหญ่ ไว้ยอดหญ้า
ฝูงนกมา ติดมัน มิหวั่นไหว
ต่างก็รวม ร่วมพลัง อย่างตั้งใจ
ยกข่ายไป ติดบน ต้นไม้พลัน
ก็หลุดรอด ปลอดภัย ได้ทุกหน
อยู่มาจน วันหนึ่ง จึงเปลี่ยนผัน
เกิดแบ่งพวก แบ่งคณะ ทะเลาะกัน
สามัคคี ขาดสะบั้น สัมพันธ์จาง
เป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง ต่างแบ่งแยก
มันผิดแปลก จากเดิม ที่เริ่มสร้าง
อัธยาศัย ไมตรี มีเบาบาง
เหมือนว่าต่าง พงศ์เผ่า ต่างเหล่ากอ
พอติดข่าย นายพราน เข้าวันนี้
มิบินหนี กลับเถียง เกี่ยงกันหนอ
นายพรานเขา คอยจ้อง มิต้องรอ
ตะหลบห่อ ทั้งฝูง มุ่งกลับเรือน
3 กันยายน 2554 22:32 น.
คนกรุงศรี
วสันต์ย่าง พร่างพราย ด้วยสายฝน
ตกลงบน ผืนหล้า พาชุ่มชื่น
พฤกษาพันธ์ พืชไพร ใกล้ตายยืน
กลับพลิกฟื้น ยอดแยก และแตกใบ
เยือกเย็นกาย คลายผ่อน หายร้อนรุ่ม
ค่ำเช้ากลุ่ม เมฆา พาเลื่อนไหล
พัดละลิ่ว ปลิวปน บนฟ้าไกล
มืดคลึ้มไป ทั่วแคว้น ทั้งแผ่นดิน
ทุ่งที่แยก แตกระแหง เมื่อแล้งก่อน
นิ่มนุ่มอ่อน ชุ่มไป ด้วยสายสินธุ์
ชาวไร่นา สดใส ในชีวิน
ทั่วทุกถิ่น เตรียมการ หว่านไถดำ
แลนาไร่ ไกลกว้าง กลางผืนหล้า
สุดสายตา ทุ่งทอง มองชุ่มฉ่ำ
กล้าสดเขียว เกี่ยวก้อย คอยปักดำ
ข้าวตั้งลำ ติดกอ ต้นล้อลม
ลำประโดง โค้งเคี้ยว เลี้ยวสมทบ
ไหลบรรจบ เจ้าพระยา มาผสม
ช่วยชุบเลี้ยง ชาวพารา คราทุกข์ตรม
ประชาร่ม เย็นเพราะได้ สายนที
พฤกพนา ป่าใหญ่ ต้นสายน้ำ
มากค่าล้ำ รักษ์ไว้ ไทยน้องพี่
ให้ไพรสัณฑ์ มั่นคง เป็นพงพี
เพื่อชีวี ลูกเหล่า ผองเผ่าไทย