9 สิงหาคม 2557 23:12 น.

เมื่อวสันต์

คนกรุงศรี

   เมื่อร้อนคลาย กายผ่อน สิ้นอ่อนล้า    แลดูนา ลิบลิ่ว สุดทิวเขา    ซังข้าวกรอบ ยังอยู่ ดูซบเซา    เริ่มย่างเข้า วสันต์ อันชุ่มเย็น

    ท้องฟ้าปิด มิดมัว สลัวฝน     ที่เบื้องบน แสงแปลบ แลบให้เห็น     ลมแรงจัด พัดกอง ของกระเด็น     สาดกระเซ็น ฝนปราย เป็นสายมา

   ดินที่แยก แตกระแหง เมื่อแล้งก่อน    ค่อยชุ่มอ่อน ดูดี มีคุณค่า    น้ำนองไหล หลากตรง ลงธารา    แล้วยอดหญ้า เขียวแยง แทงจากดิน

    หาคันไถ ควายจอบ พร้อมงอบเสียม     เพื่อจะเตรียม พลิกนา หาทรัพย์สิน     นี่แหละแหล่ง ปฐพี ที่ทำกิน     เลี้ยงชีวิน เรามา ครั้งตายาย

   ถือหางไถ ไล่ทุย เดินลุยทุ่ง    ตะวันรุ่ง รีบจร ก่อนจะสาย    ดินยังเปียก อุ้มน้ำ ทำสบาย    ขอแรงควาย กายมัน ช่วยกันทำ     

2 สิงหาคม 2557 22:41 น.

คนสอนคน

คนกรุงศรี

บนถนน คนสอน มองย้อนคิด    ถูกหรือผิด เลือกไว้ ไม่หมดหวัง อุทิศตน ข้นเข้ม เต็มพลัง     สิ่งมุ่งหวัง สมปอง ที่ต้องการ

            เริ่มชั้นตรี สมัยนั้น เราขั้นต้น               อุทิศตน ด้วยใน ใจห้าวหาญ             อุดมคติ มีอยู่ คู่หลักการ                  แม้เนิ่นนาน สานต่อ มิท้อใจ

มีหลายร้อย เยาวชน เราคนสอน    เมื่อมองย้อน ผลสัมฤทธิ์ ประสิทธิ์ไหม หลายชีวิต หลายช่วงชั้น หลายวันวัย    มีสดใส ขุ่นข้น ปะปนกัน

           เป็นแม่พิมพ์ หล่อชน คนของชาติ               ก็หวังวาด ให้ดี ด้วยสีสัน            บ้างก็วิ่น เว้าแหว่ง แต่งไม่ทัน                ให้ผ่านผัน ตามบท กฎสังคม

รับภาระ หน้าที่ หลายปีผ่าน   ปณิธาน ตั้งไว้ ทำได้สม   ถูมิใจแท้ แม้ไร้ คำใครชม      อิ่มอารมณ์ ก่อนถึง ซึ่งวันลา

         คนสอนคน บ่นมา เพราะว่าเหงา             สมัครเข้า วงการ สานภาษา          ถ้าได้มิตร ไมตรี มีให้มา                หวังพึ่งพา คราวัย ที่ไร้งาน 

31 กรกฎาคม 2557 22:44 น.

คนเมืองใต้

คนกรุงศรี

แม้คราหลับ กลับผวา เบิกตากว้าง  

หลากหลายอย่าง เวียนว่าย ในสมอง พรุ่งนี้เรา รอดไหม นอนไตร่ตรอง   

หรือจะต้อง หลบลี้ หนีให้ไกล         เพราะเหตุร้าย รายวัน มันมิหยุด 

        จะต้องมุด คุดคู้ อยู่ที่ไหน         หวังพึ่งคน ปกป้อง คุ้มผองภัย   

       แล้วมีไหม ใครหนอ ขอช่วยที  ก็กี่ร้อย กี่ราย ต้องตายดิ้น  

 หรือคนใต้ ต้องสิ้น จากถิ่นนี่  แล้วพวกท่าน อยู่ไหน มิไยดี   

 หรือมิมี ปัญญา มาแก้กัน        ทำอะไร สักอย่าง อย่าวางเฉย  

       หยุดละเลย พวกเรา ยังเฝ้าฝัน        จะอยู่เหนือ กลางใต้ ไทยเหมือนกัน   

       สิ่งสำคัญ พ้นตาย หรือไม่เรา  ด้วยอยากมี ชีวิต ขอสิทธิ์ใช้ 

 เป็นคนไทย ให้เป็น เหมือนเช่นเขา  แต่ด้ามขวาน วันนี้ เป็นสีเทา   

 พรุ่งนี้เล่า ใครรู้ อยู่หรือตาย         ถ้าอย่างแย่ แก้มิได้ อย่าอายนะ 

       ยอมสละ ปฐพี  ตามที่หมาย        ก่อนลูกหลาน พวกเรา  เขามลาย 

       ท่านทั้งหลาย คิดเห็น เป็นเช่นไร

31 กรกฎาคม 2557 22:17 น.

คนบ้านนา ฟ้าบ้านนอก

คนกรุงศรี

            เมื่ออยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง               ลงบึงคลอง งมปลา เป็นอาหาร             กับปลูกผัก หักไม้ ไว้ใช้งาน             ทั้งเผาถ่าน ขุดเผือกมัน แบ่งกันกิน                         ถึงหน้านา กล้าหว่าน งานเริ่มต้น                           เหมือนทุกคน มุ่งหน้า หาทรัพย์สิน                         ขอแรงควาย ช่วยฟื้น พลิกผืนดิน                            พอฝนริน นำกล้า ดำนากัน         

            มีน้ำหล่อ กอใหญ่ อีกไม่ช้า                ทั่วท้องนา เขียวขจี เป็นสีสัน             วัชพืช รกมาก ถากถางมัน                เพลี้ยหนอนนั้น สมุนไพร ฉีดไล่ดี                        ข้าวตกรวง น้ำลด ดูสดใส                           มองออกไป ทุ่งทอง ดูผ่องสี                        พอลมล่อง ร่วมงาน กันอีกที                           ของแรงพี่ น้องนำ มารำเคียว             จะลงแขก พอบอก ออกร่วมด้วย               หนุ่มสาวสวย แข็งขัน ช่วยกันเกี่ยว             เพลงกังวาน บ้านนา น่าฟังเชียว                บทเพลงเกี้ยว แก้กัน นั้นลอยลม                        บนลานนวด ควายย่ำ เดินนำหน้า                          ข้าวจากนา เข้าฉาง ช่างสุขสม                        ฟ้าบ้านนอก คนบ้านนา น่าชื่นชม                           ความทุกข์ตรม สักครั้ง ยังไม่เคย

30 กรกฎาคม 2557 22:08 น.

ภาพหลังครั้งเก่า

คนกรุงศรี




ภาพที่ชาย ปลายนา เมื่อครานั้น           มองตะวันดวงใหญ่ ใกล้ทิวเขา

ค่อยลอยเลื่อน เคลื่อนคล้อย ลอยบังเงา           ฟ้าสีเทา สลับลาย ป้ายสีแดง

        หมู่นกกา กลับรัง เสียงดังก้า         แล้วทั่วหล้า แดนดิน ก็สิ้นแสง

เสียงลมทุ่ง พัดไผ่ ให้ไหวแรง                 ยอดสนแกว่ง ใบหวีด กรีดสายลม

        ตะวันลา ฟ้าดำ คราค่ำนี้             ก็เริ่มมี ดารา มาผสม

เดือนเสี้ยวดวง  ช่วงนี้ มีให้ชม               โลกลูกกลม  หมุนเคลื่อน เดือนจึงลา

        พอเดือนลับ ขับดาว ให้พราวใส       ดูไสว กระจ่าง กลางเวหา

เสียงขลุ่ยผิว ผสม สายลมพา                ดุจดังว่า หม่นหมอง ต้องระบาย

        ตะเกี่ยงไต้ ไกลแสง แดงริบหรี่        เสียงดนตรี เรไร ไม่ขาดสาย

นกแสกร้อง ก้องมา อย่างท้าทาย            เพลงขลุ่ยหาย พร้อมกับ ดับแสงไฟ

        ภาพครั้งก่อน ตอนนี้ มิมีแล้ว         หมดวี่แวว จะหา กลับมาใหม่

แคร่ผุกร่อน  ตัวเก่า เอาออกไป             วันนี้ใช้  ม้าหินอ่อน ตอนดูดาว
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี