ฝนยังพรม แม้สิ้น กฐินแล้ว
ไร้วี่แวว เหมันต์ นั้นถามหา
สะบัดร้อน สะบัดหนาว หลายคราวครา
ดั่งกับว่า โลกนั้น สุดผันแปร
เพราะพืชไพร หายสิ้น แผ่นดินแห้ง
ฤดูแล้ง ยาวนาน พากันแย่
ชาวนาไร่ คอยท่า ตั้งตาแล
ยอมพ่ายแพ้ สิ้นหวัง ช่างอาดูร
แล้วเพราะใคร ไหนเล่า เขากำหนด
คงตั้งกฏ เอาไว้ ให้โลกสูญ
ความยากจน ข้นแค้น ทวีคูณ
จะเกื้อกูล อย่างไร ใครช่วยที
มีความลับ คับใจ ไม่กล้าเผย
อยากจะเอ่ย ให้รู้ ดูยากแสน
จึงเรียงถ้อย ร้อยคำ ลำนำแทน
หวังควงแขน เกี่ยวก้อย คอยดูแล
บรรยายความ ตามนัย หลายวันแล้ว
มีวี่แวว ว่าหวัง คงพังแน่
หากแต่จิต ตั้งใจ ไม่เปลี่ยนแปร
ขอเพียงแค่ คำตอบ มอบสักครา
ยังเฉยเมย เหมือนไร้ ไมตรีมอบ
จะรักชอบ หรือชัง ด้วยกังขา
ทุกถ้อยคำ ความนัย ไร้ราคา
หรือเพราะว่า มิแจ้ง ...หรือแสร้งเมิน
มาเร็วรี่ พี่น้อง ผองเพื่อนข้า
อย่างเชื่องช้า ว่องไว ให้แข็งขัน
เตรียมกระดาษ ปากกา มาช่วยกัน
ร่วมรังสรรค์ ผลงาน กานท์กวี
เร่งจำหลัก อักษรา ภาษาศิลป์
จงตั้งจินต์ อย่างละ ปล่อยปละหนี
มาเรียงร้อย ถ้อยคำ นำวลี
ตามวิถี แนวทาง อย่งเคยมา
เป็นนักกลอน นอนเปล่า มิเหงาหรือ
มากระพือ วรรณกรรม ให้ล้ำค่า
ใช้สมอง สองมือ คือศาสตรา
ภูมิปัญญา มีทั่ว จะกลัวไย
บ้านหลังนี้ ที่ฉัน คอยสรรสร้าง
ปลูกอยู่ข้าง ธารา เพื่ออาศัย
หลังย่อมย่อม พร้อมอยู่ กับคู่ใจ
เตรียมเอาไว้ รับหมั้น กับขวัญตา
ที่หน้าบ้าน ลานโล่ง ลงพุ่มแก้ว
เรียงเป็นแนว แถวห่าง ที่ข้างขวา
ส่วนด้านซ้าย อีกฝั่ง กระดังงา
แล้วด้านหน้า ลงรัก สักสามกอ
ถนอมนัก รักเอ๋ย เราเคยฝัน
ว่าสักวัน ยอดแยก แล้วแตกหน่อ
ให้ได้ยล ผลงาน เท่านั้นพอ
กับคอยรอ รักบาน ที่ลานใจ
บ้านสีฟ้า ม่านชมพู ดูว่าสวย
หาคนช่วย ดูแล แล้วแก้ไข
เฝ้ารอคอย ติดตาม ความเป็นไป
จะมีใคร ไหนหนอ พอยินดี
ดอกรักบาน แล้วร่วง หลายช่วงฝน
กลีบแก้วหล่น โคนขาว เมื่อหนาวนี่
ทั้งร้อนฝน หนาวผ่าน มานานปี
ยังไม่มี แม่เรือน เป็นเพื่อนกัน
บ้านสีฟ้า ครานี้ เป็นสีหม่น
มีเพียงคน ดูแล แค่ในฝัน
ใต้ชายคา เรานั่ง กึ่งรำพัน
คงไร้วัน จะมี ...แม่ศรีเรือน
อยากผูกพันธ์ ไมตรี เป็นพี่เพื่อน
อยากเยี่ยมเยือน เคหา ที่อาศัย
อยากเล่าเรื่อง สนุก คุยถูกใจ
อยากห่วงใย ถามหา คราจากกัน
แต่กลัวจัง เพราะใจ เราไม่กล้า
แต่กลัวว่า ฤทัย เราไหวหวั่น
แต่กลัวเก้อ เผลอใจ หยุดไม่ทัน
กลัวใจมัน ผิดหวัง ดั่งเคยมา
เพราะต่ำต้อย เพียงดิน ไร้สินทรัพย์
เพราะเหมือนกับ กระต่าย หมายเวหา
เพราะยังกลัว คนไกล ไร้เมตตา
เพราะเกรงว่า เธอนี้ มีคนเคียง
จึงหงอยเหงา หงอยเหงา เดาไม่ออก
จึงได้บอก ตัวว่า ท่าจะเสี่ยง
จึงเตรียมรับ กับวิถี ทีเอนเอียง
จึงมีเพียง ความฝัน กับหวั่นใจ
ถ้าชาติก่อน เคยรวม ร่วมกุศล
ถ้าส่งผล มาถึง จึงพอไหว
ถ้ากรรมเก่า เราจาง หรือร้างไป
ถ้าบุญไม่ มีกรรมบัง อย่างที่เคย
คงจะสุข เกินกว่า หาใครเทียบ
คงจะเปรียบ เทวา มาอ้างเอ่ย
หรือจะเก้อ เพ้อฝัน นั้นเหมือนเคย
คงไม่เอ่ย ความนัย ให้ใครฟัง