20 กุมภาพันธ์ 2553 22:44 น.
คนกรุงศรี
วสันต์ปลาย สายฝน มิหล่นแล้ว
ก่อนพุ่มแก้ว กอขจี สีเขียวใส
ดอกหอมกรุ่น กลิ่นฟุ้ง จรุงใจ
แลกิ่งใบ ไหวพลิ้ว ลิ่วตามลม
ลมเหนือล่อง ต้องต้น จนหวาดหวั่น
กอแก้วนั้น สั่นไกว ให้ขื่นขม
กลีบดอกร่วง ควงต้น ขาดคนชม
กองผสม ใบแดง ที่แห้งปลิว
พิรุณขาด โคนแข็ง ระแหงแตก
เห็นดินแยก ยิ่งหม่น ทนวาบหวิว
ลมเหนือพัด พืชเอน ราบเป็นทิว
โลมไล้ผิว พาเรา เศร้าดวงมาน
และดอกแก้ว คนนี้ อีกกี่หนาว
จะหายร้าว หลีกหลบ พบความหวาน
ใจดวงน้อย คอยชะแง้ มาแต่นาน
เวลากาล ผ่านพ้น ยิ่งหม่นทรวง
ยี่สิบสี่ ปีร้าว หนาวมานัก
คราวนี้หนัก หรือไม่ ใจยังห่วง
ไร้คู่คิด เกี่ยวแขน เป็นแฟนควง
กว่าจะล่วง ลุหนาว คงร้าวรอน
กอแก้วแห้ง หมดฝน มีคนช่วย
ชุ่มชื่นด้วย น้ำรด ตามบทสอน
แต่ดอกแก้ว ดวงฤทัย ให้อาวรณ์
หลายหนาวร้อน ยังไร้ คนไยดี
ดอกแก้ว ดวงฤทัย
19 กุมภาพันธ์ 2553 23:49 น.
คนกรุงศรี
สนธยา ฟ้าหมอง นั่งตรองคิด
มันถูกผิด หรือไร ใจวิตก
ก็สับสน อยู่ท่าม ความเวียนวก
เหมือนโกหก ตนเอง เกรงเกิดทุกข์
ความจริงใจ ให้กัน นั้นมั่นนัก
ด้วยยึดหลัก รักจริง สิ่งก่อสุข
แต่มโน โต้ถาม เหมือนลามรุก
ว่าซ่อนซุก สิ่งใด ในส่วนลึก
อนาคต มองไป แลไกลลิบ
อยากจะหยิบ มาครอง เมื่อตรองตรึก
สารพัน ปัญหา ถ้าจะนึก
ความรู้สึก อาทร ย้อนสมทบ
อยากจะมอบ สิ่งดี ที่ควรรับ
เหมือนกันกับ ที่ใคร ได้ประสบ
เพราะเนิ่นนาน นักหนา กว่าจะพบ
พรหมท่านหลบ ลิขิต ผิดวาระ
ยังเผชิญ เดินไป แม้ไร้จุด
หรือว่าหยุด แล้วเรา ก้าวถอยผละ
เธออาจพบ คนดี กว่านี้นะ
เพียงแต่จะ รับไหม ให้พินิจ
ความเมตตา ปรานี ไม่มีหมด
อย่ารันทด เธอนี้ ยังมีสิทธิ์
สามารถวาด แนวทาง วางชีวิต
พูดเพราะจิต ของฉัน นั้นยังรัก
19 กุมภาพันธ์ 2553 23:21 น.
คนกรุงศรี
ขรัวตามีนิทานมาเล่าให้ฟังอีกแล้วขอบคุณทุกท่านที่เข้าชม
สุนัขล่าเนื้อ
นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
เจ้าพรานไพร ผู้หา ของป่าขาย
มีสุนัข แสนรู้ เคียงคู่กาย
เป็นสหาย เลี้ยงมา แต่คราเยาว์
มันเติบใหญ่ แข็งแรง ดูแกร่งกล้า
ตอนร่วมล่า องอาจ มิขลาดเขลา
ทั้งเก้งกวาง หมูป่า มันล่าเอา
มอบให้เจ้า นายพราน นมนานมา
ขายไดดี มีเงิน เพลินใจนัก
พรานเลี้ยงดู ฟูมฟัก เสียหนักหนา
ให้กินก่อน นอนเคียง เยี่ยงลูกยา
ผ่านไปกว่า สิบปี มีเหตุการณ์
พอออกล่า ครานี้ ผิดปีก่อน
ถึงเมื่อตอน โดดฟัด กัดประหาร
ฝังเขี้ยวคม ขย้ำ อย่างชำนาญ
แต่สังขาร อ่อนแอ เพราะแก่กาย
กวางสะบัด เขี้ยวหลุด ผลุดวิ่งหนี
เหนื่อเกินที่ จะตาม หมดความหมาย
ไม่ได้เนื้อ กลับไป ให้เจ้านาย
พลาดทุกราย พรานหนอ มิพอใจ
ทั้งตีด่า ขับไล่ กูไม่เลี้ยง
ต้องหลบเลี่ยง ออกมา อยู่นาไร่
หมดคุณค่า ขาดประโยชน์ จะโทษใคร
เพราะว่าวัย วันชรา เข้ามาเยือน
14 กุมภาพันธ์ 2553 00:11 น.
คนกรุงศรี
กุหลาบแดง แห้งแล้ว หมดแววหวัง
เห็นวางตั้ง เตือนจิต ให้คิดถึง
ผู้ที่มอบ คือใคร ใจรำพึง
สักคำหนึ่ง มิบอก เหมือนหลอกลวง
เมื่อจะรัก แล้วใย ไม่เปิดเผย
ปล่อยกาลเลย ร้างรา พาโรยร่วง
ดั่งกุหลาบ กลีบเฉา แสนเศร้าทรวง
ที่ถามทวง เพราะยัง มีกังวล
กลีบเคยแดง ดำกรอบ ร่วงรอบก้าน
ใจสะท้าน เมื่อมอง สุดหมองหม่น
ความหอมจาง ร้างไป ไม่ทานทน
คงเหมือนคน มอบให้ ใจเรรวน
หากกุหลาบ นี้คือ สื่อบอกรัก
จะฟูมฟัก ถนอม ให้หอมหวน
แม้กลีบแห้ง เหี่ยวไป ไม่รัญจวน
ยังอบอวล เอารัก ปักแจกัน
กุหลาบใคร ให้ฉัน วันวานนี้
จากไมตรี หรือเล่ห์ ที่เหหัน
ยังเคลือบแฝง แคลงใจ คิดไม่ทัน
ยิ่งนานวัน จึงจาง เริ่มร้างไป
กุหลาบโรย ช่อนี้ ไม่มีค่า
หมดเวลา จิตพรั่น หรือหวั่นไหว
ตั้งสติ รินำ จำตัดใจ
เมื่อทิ้งไป ไม่ต้อง พบหมองตรม
ดอกแก้ว ดวงฤทัย
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
13 กุมภาพันธ์ 2553 23:44 น.
คนกรุงศรี
นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
พ่อค้าใหญ่ ใจแคบ แบบมหันต์
คนที่คบ ค้าขาย คิดไม่ทัน
ต้องมีอัน ย่ำแย่ แพ้อุบาย
พ่อของเขา เฒ่าชรา สูงอายุ
มักโดนดุ ด่าว่า น่าใจหาย
ว่าหมดเรี่ยว แรงไร้ หรือใกล้ตาย
สิ้นความหมาย หมดค่า ราคาคน
วันหนึ่งเขา เอากะลา ออกมาล้าง
ลูกชายช่าง สังเกตุ หาเหตุผล
ทำอะไร หรือป๋า ท่าชอบกล
ดูน่ายล กะลานี้ มีให้ใคร
พ่อค้าหยิบ ยื่นให้ดู ของปู่เขา
ปู่ของเจ้า นั้นหนอ พ่อต้องไล่
หมดเรี่ยวแรง กำลัง อยู่อย่างไร
พ่อจึงให้ ไปขอทาน อยู่ชานเมือง
ลูกชายนิ่ง นึกไว้ ไม่คัดค้าน
เวลากาล ผ่านไป ไม่มีเรื่อง
วันนี้ลูก พ่อค้า ท่าแค้นเคือง
ความคิดเฟื่อง ฟูอยู่ คงรู้กัน
เก็บกะลา มาหนึ่งใบ ขัดให้สวย
เอาชาดช่วย แต่งเติม เพิ่มสีสัน
พ่อค้าเห็น ทำอะไร ไต่ถามพลัน
ก็ของขวัญ ของพ่อน่ะ ตอนชรา
ขรัวตา
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา