22 กันยายน 2554 21:49 น.
คนกรุงศรี
ภาษาศิลป์ จินตกรรม หวานล้ำลึก
ซอกซอนความ รู้สึก ให้ฮึกเหิม
เฝ้าร้อยเรียง ถักทอ ตามต่อเติม
นับวันเพิ่ม พูนพจน์ รสลีลา
ภาษาศิลป์ สื่อสาร งานอักษร
ให้บวร ยิ่งยง ดำรงค่า
วัฒนธรรม สืบทอด ตลอดมา
พัฒนา ฝึกปรือ ลายสือไทย
ภาษาศิลป์ งดงาม ยามสร้างสรร
แวดวงวรรณ หลอมรวม ร่วมสมัย
อนุรักษ์ อักษรา อ่าอำไพ
เทิดทูนให้ คงอยู่ คู่แผ่นดิน
กวีฤๅ จะแล้ง แหล่งสยาม
ทั่วเขตคาม สามารถ ทั้งศาสตร์ศิลป์
ไม่เว้นแม้ จักรีวงศ์ องค์ภูมินทร์
วลีริน หวานรื่น ชื่นชีวา
อักษรไทย เทียบค่า ภาษาชาติ
จึงเด่นคู่ เอกราช ศาสนา
หลายร้อยล้าน ดวงใจ ใฝ่ศรัทธา
เจตนา ค้นคิด ประดิษฐ์คำ
ภาษาศิลป์ อ่อนช้อย รอยจารึก
ความรู้สึก นุ่มนวล ชวนดื่มด่ำ
ทุกวรรคตอน ตรึงตรา น่าจดจำ
ศาสตร์ศิลป์ล้ำ รุ่งเรือง เมืองกวี
นก สุวิมล
22 กันยายน 2554 21:39 น.
คนกรุงศรี
เปิดประตู หัวใจ ให้กว้างกว้าง
สองเท้าย่าง ย่ำไป ในวิถี
ก้าวสู่ลาน อักษร กลอนกวี
โรยเส้นสี งดงาม ตามอารมณ์
ความคิดเปรียบ อาภรณ์ สะท้อนภาพ
คอยซึมซาบ ซอกเซาะ อย่างเหมาะสม
มีสุขเศร้า เง้างอน ซ่อนเงื่อนปม
แทรกผสม ฝากไว้ ในผลงาน
อักษรา คล้ายมี เงาชีวิต
โสตสถิต สดับ ยามขับขาน
อ่อนโยนและ อ่อนไหว ในดวงมาน
ก้องกังวาล ภวังค์ สิ้นกังวล
แม้เหนื่อยนัก พักผ่อน เสียก่อนนะ
ทุกสิ่งจะ ผ่อนคลาย หายสับสน
มาสิฟัง ดนตรี มากมีมนต์
ที่เปี่ยมล้น เสน่ห์ แห่งเสรี
ลองนับดาว อย่างฉัน วันละครั้ง
เติมพลัง หัวใจ ให้เต็มที่
ขอแผ่นฟ้า แสนกว้าง ต่างเวที
เติมแสงสี สดสวย ด้วยจันทรา
แล้วเขียนบท กวี ที่แสนรัก
เรียงสลัก ทุกช่วง ความห่วงหา
อยู่กลางอ้อม แดนสรวง ดวงดารา
พักสายตา พร้อมกับ หลับฝันดี
เมขลา
21 กันยายน 2554 22:03 น.
คนกรุงศรี
เธอยิ้มมา พาให้ ใจสับสน
สุขใจปน ยินดี มีความหวัง
แต่ใจเธอ คิดอย่างไร ใคร่รู้จัง
ฉันก็ยัง ห่วงหา สุดอาวรณ์
แววตาเธอ ทำให้ ฉันไหวหวั่น
คำจำนรรจ์ ทักทาย หลายวันก่อน
หากวันนี้ ใจเรา สุดร้าวรอน
ก็เมื่อตอน เธอเคียงคู่ อยู่กับใคร
10 กันยายน 2554 21:34 น.
คนกรุงศรี
สายลมล่อง โลมผิว วาบหวิวนัก
เหน็บหนาวหนัก เจียนสั่น ร่างหวั่นไหว
คล้ายชำแรก แทรกเนื้อ เจ็บเหลือใจ
ดุจหทัย ปวดร้าว เมื่อหนาวมา
คิดถึงคน อยู่ไกล รู้ไหมเจ้า
เกรงจะหงา เศร้าทรวง จึงห่วงหา
อยากอยู่ใกล้ แนบติด ชิดแก้วตา
อบอุรา ให้อุ่น ละมุนมาน
ขออิงแอบ แนบแน่น โอบแขนกอด
หวังหลุดรอด ลมลิ่ว ที่พลิ้วผ่าน
รักระอุ อวลไอ ไม่รอนราน
เพียงพ้นกาล ถึงวัน เหมันต์คลาย
7 กันยายน 2554 22:17 น.
คนกรุงศรี
สองดวงตา ฝ้าฟาง ร่างผอมแห้ง
กับเรี่ยวแรง หนึ่งที่ มีความหวัง
ทุกสิ่งล้วน ไม่มี ความจีรัง
ตราบเมื่อยัง คงอยู่ สู้ต่อไป
หลายเส้นเอ็น คดโค้ง หลังโก่งงุ้ม
หนังห่อหุ้ม โครงสร้าง ร่างสั่นไหว
หูเคยรับ สรรพเสียง สำเนียงใด
ทั้งใกล้ไกล ดูเหมือน เริ่มเลือนลาง
ผิวเคยตึง กระชับ กลับแปรเปลี่ยน
จากนวลเนียน ก็ขรุขระ เริ่มกระด้าง
ผมที่เคย ดำขลับ กลับเจือจาง
ร่วงและบาง ปนหงอก สีดอกเลา
ฟันที่เคย เรียงแถว เป็นแนวสวย
ก็โย้ด้วย หลุดหรอ หมดหล่อเหลา
ทำจดจด จ้องจ้อง คล้ายย่องเบา
ทั้งแข้งเข่า แขนข้อ ทรมา
นี่แหละคือ นิยาม ของความแก่
กายอ่อนแอ สารพัน มากปัญหา
บ้างลูกหลาน เจ้ากรรม ไม่นำพา
ส่งบ้านพัก คนชรา น่าน้อยใจ
สองดวงตา ฝ้าฟาง ร่างแก่เฒ่า
คือภาพเงา อนาคตแท้ แน่ไฉน
เมื่อหนุ่มสาว ขาวผ่อง หน้ายองใย
พอหมดวัย ความชรา.. เข้ามาเยือน