29 กันยายน 2554 21:43 น.
คนกรุงศรี
ภาระกิจ ติดพัน ตัวปัญหา
จึงพบหน้า ไม่บ่อย น้อยกว่าเก่า
ความผูกพัน เจือจาง ดูบางเบา
สงสารเขา เสียนัก จำหักใจ
อนาคต วาดฝัน วันข้างหน้า
เราคิดว่า หมดจด แลสดใส
แม้คิดถึง มิหวง แต่ห่วงใย
เพราะเชื่อใน ความซื่อตรง คงเหมือนเคย
แต่ความจริง เรานั้น สำคัญผิด
ไม่ได้คิด เพราะเขลา ใจเราเอ๋ย
พอพบฉัน เมื่อเช้า เขาเฉยเมย
สักคำเอ่ย ถามไถ่ ยังไม่มี
28 กันยายน 2554 23:05 น.
คนกรุงศรี
เคยห่วงหา อาทร เมื่อก่อนนั้น
ยังจำมั่น มิเลือน คำเตือนสอน
สิ่งถูกผิด แนะกัน ทุกขั้นตอน
หลายวันก่อน ดูห่าง เหมือนร้างลา
เวลาเปลี่ยน เวียนไป ใจเธอเล่า
แปรหรือเปล่า สงสัย ใคร่ค้นหา
เคยสุขสันต์ วันก่อน ตอนพูดจา
สนทนา หยอกกัน ฉันสุขใจ
วันนี้ห่าง ร้างไป มิใคร่เห็น
เช้าจรดเย็น รอเขา เฝ้าสงสัย
ถ้างานเยอะ ยุ่งนัก หนักเกินไป
หยุดคิดถึง ฉันไว้ ก็ได้เธอ
27 กันยายน 2554 21:51 น.
คนกรุงศรี
กลอนสุภาพ หรือเรียกว่ากลอนแปด
หนึ่งบทมีสี่วรรค หนึ่งวรรคมีแปดคำ เจ็ดหรือเก้าก็ได้ แต่ไม่ควรถึงสิบคำ
ผังการสัมผัสบังคับ หรือเรียกว่าสัมผัสนอก
อยากสืบสาย วรรณศิลป์ ยินดี นัก ( นัก สัมผัสกับ รักษ์ )
ร่วมร้อยรักษ์ อักษรา ภาษาศานต์ ( ศานต์ สัมผัสกับ กานท์ และ นาน )
สร้างสรรค์คำ ล้ำรส ของบทกานท์
ยึดตำนาน ฉันทลักษณ์ หลักวิชา (วิชา ชา สัมผัสกับ ว่า เรียกส่งสัมผัส )
กลอนกินใจ ไพเราะ เสนาะหู
ต้องเรียนรู้ เรื่องกฎ กำหนดว่า
ถูกสัมผัส จัดไว้ ในตำรา
สัมผัสนอก นั้นหนา อย่าบิดเบือน (รา กับ หนา )ใช้คำที่ ห้าได้
ข้อห้าม
ชิงสัมผัส มีคำที่สัมผัสได้ก่อนถึงคำที่บังคับ
สัมผัสซ้ำ ใช้คำเดิมในตำแหน่งที่กำหนด
อยากสืบสาน วรรณศิลป์ ยินดี นัก
ร่วมร้อยรักษ์ อักษรา ภาษาศานต์
สร้างผลงาน ล้ำรส ของบทกานท์ ( งาน ชิง สัมผ้ส กับ ศานต์ ก่อน กานท์ )
ยึดตำนาน ฉันทลักษณ์ หลักวิชา
กลอนกินใจ ไพเราะ เสนาะหู
ต้องเรียนรู้ เรื่องกฎ กำหนดว่า
ถูกสัมผัส จัดไว้ ในวิชา (วิชา สัมผัสซ้ำกับ วิชา )
สัมผัสนอก นั้นหนา อย่าบิดเบือน
บทแรกมีคำว่างาน อยู่ด้นหน้าคำว่ากานท์ เรียกชิงสัมผัส
บทที่สองวรรคที่สามจากตำรา ถ้าเป็นวิชา จะเหมือนกับคำว่า หลักวิชา เรียกว่า สัมผัสซ้ำ
สัมผัสเลือนคือ ใช้สระไม่เหมือนกัน แต่คำจะคล้ายกัน เช่น โฉม กับคำว่า ชม,
เต้น กับคำว่า เย็น , และอื่นอื่นด้วย
เสียงท้ายวรรค ตามตารางที่ให้ไว้ คำว่า (น้อย) คือใช้ได้ แต่จะไม่เพราะ แต่ไม่ผิด
สัมผัสในเพิ่มความไพเราะ ( คำที่สาม กับคำทีสี่ คำที่ห้ากับคำที่หก ) ไม่มีก็ได้ ตำรวจไม่จับ สัมผัสด้วย สระหรือ อักษรก็ได้
24 กันยายน 2554 21:46 น.
คนกรุงศรี
พอรู้จัก รักเรา ถึงเหงาหงอย
มานก็พลอย เริ่มหม่น ปนเจ็บจิต
สุดปวดร้าว หนาวแท้ เพราะแผลพิษ
ต้องปกปิด มิให้ ใครรับรู้
อยากเอื้อนเอ่ย เผยไป แต่ไม่กล้า
พอรู้ว่า รักใคร ใจหดหู่
ยังแอบคิด แอบจัอง แอบมองดู
มิอยากอยู่ แต่ยัง อยากล้างใจ
พบเธอช้า กว่าเขา เรายอมรับ
บ่อยต้องซับ น้ำตา คราหมองไหม้
ขอเพียงรัก กับยืนดู อยู่ไกลไกล
ขอแค่ให้ รู้ว่าฉัน นั้นรักเธอ
23 กันยายน 2554 22:29 น.
คนกรุงศรี
ฉันทลักษณ์บทกลอน
อยากสืบสาน วรรณศิลป์ ยินดีนัก
ร่วมร้อยรักษ์ อักษรา ภาษาศานต์
สร้างสรรค์คำ ล้ำรส ของบทกานท์
ยึดตำนาน ฉันทลักษณ์ หลักวิชา
กลอนกินใจ ไพเราะ เสนาะหู
ต้องเรียนรู้ เรื่องกฎ กำหนดว่า
ถูกสัมผัส จัดไว้ ในตำรา
สัมผัสนอก แน่นหนา อย่าบิดเบือน
สัมผัสใน ไม่ว่า ถ้ามีเหมาะ
เพิ่มความเพราะ พิมพ์ใจ หาใครเหมือน
สัมผัสซ้ำ เคร่งครัด สัมผัสเลือน
ต้องคอยเตือน ห้ามไว้ สิ่งไม่ควร
ชิงสัมผัส อีกข้อ ก็ไม่ได้
ส่งสัมผัส บทต่อไป ให้ครบถ้วน
เสียงท้ายวรรค กำหนด จดจำนวน
ทุกอย่างล้วน ควรใช้ ให้ครบครัน
หลากวจี ลีลา ค้นหาถ้อย
มาเรียงร้อย ลำนำ คำเสกสรร
ใส่ลูกเล่น ลวดลาย ร่ายรำพัน
ภาษานั้น อยากเห็น เป็นของไทย
เขียนเรื่องราว เนื้อความ ตามที่ฝัน
มิว่ากัน เท็จจริง ทุกสิ่งไหม
บทกวี ที่ซึ้ง ตรึงฤทัย
แล้วผู้ใด ไหนพ้น มนต์กวี
คนกรุงศรี ฯ
เสียงท้ายวรรค
เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
วรรคที่ ๑ น้อย ได้ ได้ ได้ ได้
วรรคที่ ๒ ไม่ ได้ ได้ ไม่ ได้
วรรคที่ ๓ ได้ ไม่ ไม่ น้อย ไม่
วรรคที่ ๔ ได้ ไม่ ไม่ น้อย ไม่