11 กุมภาพันธ์ 2555 22:39 น.
คนกรุงศรี
ฟังเสียงขลุ่ย โหยหา พาใจหวน
จึงรัญจวน รักจาง อย่างใจหาย
รู้ว่าเจ็บ เหน็บร้าว หนาวใจกาย
แต่ก็สาย แล้วหนอ ท้อใจเกิน
คำสัญญา ยังอยู่ คู่ใจพี่
ทุกครั้งที่ มอบให้ ก็ใจเขิน
มาวันนี้ เหตุใด ดวงใจเมิน
ต้องเผชิญ ความหม่น จนใจตรม
อยากบอกว่า ยามนี้ มีใจภักดิ์
เกรงเจ็บหนัก หมองไหม้ จนใจขม
กลัวจะจาก พรากไป จนใจซม
ทุกข์ระทม จริงแท้ แพ้ใจเธอ
พอดวงจิต คิดไป พาใจหน่าย
ยังเสียดาย ตัวที่ มีใจเผลอ
ต้องผิดหวัง เพราะเขลา เราใจเบลอ
จึงมาเจอ คนซื่อ หรือใจเก
บางครั้งที่ คิดถึง จึงใจหม่น
เจ็บเสียจน หม่นไหม้ ดวงใจเขว
เพราะยังจำ สัญญา พาใจเซ
เพราะรวนเร หรือไม่ ดวงใจนี้
แว่วเสียงขลุ่ย อีกคราว ร้าวใจหวั่น
อยากลืมวัน เคยรัก หักใจหนี
ทนระทม ตรมเศร้า เข้าใจดี
ด้วยมิมี คนใด รู้ใจเรา
10 กุมภาพันธ์ 2555 21:53 น.
คนกรุงศรี
น้ำค้างพรม ลมพลิ้ว ใจหวิวหวั่น
อะไรกัน แฝงเงา ให้ร้าวฉาน
เหมือนเกาะอยู่ คู่กัน กับดวงมาน
ความร้าวราญ ผสม กับตรมทรวง
ทุกเวลา นาที ที่ผ่านผัน
หลายคืนวัน มั่นใจ ให้แหนหวง
ความสับสน ปนอยู่ คู่แดดวง
อยากจะล่วง พ้นผ่าน กาลเวลา
สิ่งใดเล่า เข้าสุม คลุมดวงจิต
ถูกหรือผิด คิดค้น ดั้นด้นหา
เป็นภาพหลอน ซ่อนกล มนต์มายา
พบเพียงว่า ลึกลึก รู้สึกดี
เฝ้าพินิจ คิดหา ว่าเหตุผล
แสนวกวน วุ่นวาย ใจเหลือที่
สิ่งพบพาน หลายหลาก แสนมากมี
ถ้อยวลี คำนั้น พรั่นฤทัย
แล้วใจก็ ค่อยค่อย เกิดรอยด่าง
กับอ้างว้าง กมล สุดหม่นไหม้
สุดหนาวเหน็บ เจ็บร้าว กับเงาใจ
ยิ่งทำให้ ดวงมาน ถึงซานซม
ความรู้สึก พลาดผิด สะกิดอยู่
กับอดสู พร้อมรับ กับขื่นขม
ปิดบังเงา เอาแนบ แอบเชยชม
สุดจะข่ม ใจพราก ให้จากลา
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
9 กุมภาพันธ์ 2555 22:56 น.
คนกรุงศรี
อธิษฐาน
เพราะว่าฝัน นั้นไกลลิบ เกินหยิบจับ
เคยยอมรับ เราคง ต้องปลงตก
กลัวจะหมอง หม่นไหม้ ใจช้ำฟก
จึงเก็บหมก เอาไว้ ในส่วนลึก
รักมิได้ ใสสว่าง ดั่งเราคิด
มันมืดมิด ร้าวรอน ดั่งตอนดึก
ทนเงียบงำ อำไว้ ด้วยใจนึก
หากฝนฝึก คงหาย คลายความทุกข์
มีเพียงรัก มอบให้ ไว้ทั้งหมด
กะกำหนด ชีวา คงผาสุข
ตั้งนิยาม ความฝัน ที่ทันยุค
คอยปลอบปลุก ถ้าพร้อม ค่อยยอมรับ
แต่กำแพง แกร่งกั้น คือพันธะ
เป็นภาระ เนิ่นนาน ชั่วกาลกัป
สร้างความดี มีมา คณานับ
กลัวตกอับ หม่นไหม้ ไร้คนคบ
รักแล้วมี ทุกข์กัน ทั้งนั้นแหละ
หากแยกแยะ มิทัน พลันสิ้นจบ
หลากหลายเรื่อง รุมเร้า เข้าสมทบ
แม้สู้รบ อย่างไร ไม่ชนะ
รักฉันมี แต่ให้ ได้ปรากฏ
วาดภาพพจน์ ความคิด อิสระ
อธิษฐาน ก่อนนอน วอนคุณพระ
หวังพบปะ ชาติหน้า อนาคต
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
8 กุมภาพันธ์ 2555 22:39 น.
คนกรุงศรี
หรือผูกพัน กันมา เมื่อคราก่อน
จึงอาทร เธออยู่ มิรู้หาย
ถึงแรมร้าง ห่างหนอ ก็เพียงกาย
จุดมุ่งหมาย มอบหวัง กำลังใจ
หลายสิ่งอย่าง ขวางกั้น มันจำกัด
จะขืนขัด แหวกแนว ณ.แถวไหน
อยากแอบอิง ยิ่งต่าง ห่างออกไป
ก็สุดไขว่ เอื้อมคว้า เอามาเคียง
เราก็รู้ ว่าใจ นั้นใกล้ชิด
คงมีสิทธิ์ ฝันใฝ่ ใช่ว่าเสี่ยง
แต่ตัวตน ต้องหมอง เลิกมองเมียง
จริงก็เพียง ความฝัน อันอำพราง
ใจอยากจะ เอื้อมคว้า มาถนอม
แล้วฤๅพร้อม ทำได้ สุดไกลห่าง
อนาคต มองเหมือน มันเลือนลาง
คิดแล้วช่าง ปวดเจ็บ จำเก็บทน
สิ่งอยู่ใน จินต ใครจะห้าม
เป็นนิยาม ความจริง ยิ่งเหตุผล
กับความฝัน ที่ใจ ใคร่เยี่ยมยล
ไร้ตัวตน แต่ว่า ยังตราตรึง
เราพอใจ แม้เป็น เช่นเพียงฝัน
แอบสุขสันต์ เมื่อจิต หวนคิดถึง
จะอยู่ใกล้ ไกลห่าง ต่างคะนึง
สักครั้งหนึ่ง ขอฝัน เท่านั้นพอ
8 กุมภาพันธ์ 2555 22:29 น.
คนกรุงศรี
เคยหลงผิด ติดยา เมื่อครานั้น
ทุกข์อนันต์ มันสุม รุมทั่วร่าง
สิ้นชื่อเสียง เกียรติยศ หมดแนวทาง
สุดอ้างว้าง ห่างไกล ไร้คนแล
มองเห็นตัว ต้อยต่ำ ทำไฉน
ขืนปล่อยไป ไม่รอด ตลอดแน่
สุดเปล่าเปลี่ยว เดียวดาย กายอ่อนแอ
มองแก่นแท้ ของตน ก็คนจริง
เลิกไม่ได้ ชาตินี้ ยอมพลีชีพ
สังคมบีบ ทำลาย เสียหลายสิ่ง
จึงหักดิบ เอาละ เลิกประวิง
เพื่อช่วงชิง ชีวา กลับมาคืน
วันนี้ลา ยาเสพติด พิชิตได้
แต่ข้างใน ใจหมอง เราต้องฝืน
มันกลัดกลุ้ม กมล ทนกล้ำกลืน
แสนขมขื่น เพราะรัก นั้นปักใจ
รักฝังลึก นึกว่าเรา เอาอีกแล้ว
ต้องแน่แน่ว คงมั่น มิหวั่นไหว
จะตัดรัก แรมร้าง จนห่างไกล
เพื่อทรวงไม่ บอบช้ำ นองน้ำตา
จะหักดิบ อีกครา คิดว่าง่าย
แต่สุดท้าย ใจเรา เศร้านักหนา
มันแสนเข็ญ เป็นพิษ กว่าติดยา
ยากเกินกว่า ตัดได้.. หักไม่ลง