6 เมษายน 2555 22:49 น.

ประณิธาน

คนกรุงศรี

ประณิธาน ที่มั่น จะสรรสร้าง		
เดินบนทาง สายนั้น วรรณศิลป์
มรดกไทย ให้อยู่ คู่แผ่นดิน			
วาดวางจินต์ รจนา ภาษากานท์

เรียงอักษร อ่อนช้อย เป็นสร้อยสาย	
ร่างระบาย คำกลอน อันอ่อนหวาน
ให้โลกรู้ รับรส พจมาน				
และลูกหลาน ของไทย ได้ยลยิน

วัยหยุดเขียน คือว่า วันลาลับ		
วันที่หลับ ตาลง คงหมดสิ้น
ถ้ายังอยู่ รู้ได้ ในใจจินต์			
จะร่ายริน หลั่งคำ ลำนำกลอน	
				
6 เมษายน 2555 22:44 น.

สมปองผู้กล้าหาญ

คนกรุงศรี

	
วีรบุรุษ สุดกล้า ผู้สามารถ			
จะประกาศ ความเกรียงไกร ให้ประจักษ์
ประชาชน ทั้งผอง ต้องพิทักษ์			
ยึดถือหลัก คุณธรรม ประจำตน

สมปองมุ่ง หมายใจ ไว้เช่นนั้น		
จึงทุกวัน ช่วยเหลือ เพื่อกุศล
ด้วยความดี มีให้ ไปทุกคน				
จึงส่งผล คุณงาม ตามติดตัว

พอวันนี้ มีเรื่อง ก็เนื่องจาก			
มีเด็กมาก มายนัก ชักจะมั่ว
วิ่งเล่นกัน ริมท่า ดูน่ากลัว				
เผลอลอดรั้ว ตกน้ำ ดิ่งดำไป

น้ำเชี่ยวกราก หลากไหล ว่ายไม่แกร่ง	
เริ่มอ่อนแรง ข้อล้า ท่าไม่ไหว
ลำลักน้ำ สุดขยาด แทบขาดใจ			
สมปองไว โจนลง ตรงประคอง

อุ้มขึ้นมา เยียวยา เหมือนว่ารู้		
เพราะเคยดู เคยเรียน เพียรจนคล่อง
แล้วหลายคน ชื่นชม เจ้าสมปอง			
อย่างนี้ต้อง ลงข่าว เล่าเรื่องมัน

นักข่าวถาม เป็นอย่างไร ในวันนี้		
ช่วยชีวี เด็กไว้ เหนือใฝ่ฝัน
สมปองกล่าว อยากรู้ อยู่เหมือนกัน 		
ใครถีบฉัน ลงน้ำ ....ช่วยถามที

ขรัวตา

				
3 เมษายน 2555 22:36 น.

คนกรุงศรี

คนกรุงศรี

				
อยากจะจาร สานกลอน อักษรศิลป์		
ตามดังจินต์ รินคำ ให้ฉ่ำหวาน
คัดวลี หลากรส พจมาน				
เป็นกลอนกานท์ หวังเพราะ เสนาะใจ

เกิดที่ย่าน บ้านทุ่ง เมืองกรุงศรี		
ก็หลายปี มีมา อายุขัย
ก็มากอยู่ ดูแย่ เพราะแก่วัย				
แต่ว่าไฟ ไม่มอด ตลอดมา

ที่ว่าไฟ ในนิยาม มีความหมาย		
อยากกรีดกราย เรียงคำ นำภาษา
อักษรศิลป์ กินใจ ในอุรา				
อยากนำพา ให้ดำรง อยู่คงทน

เรียนเพื่อนพ้อง น้องพี่ ที่นับถือ		
พวกเราคือ ผู้หนึ่ง ซึ่งหวังผล
ด้วยใจภักดิ์ รักกวี ที่ยินยล				
ขอทุกคน ร่วมด้วย ช่วยบรรเลง

หยิบปากกา คว้ากระดาษ วาดอักษร		
ทุกวรรคตอน เขียนไป ไม่รีบเร่ง
บางถ้อยคำ หยอกเย้า เรากันเอง			
มิกลัวเกรง โกรธเคือง กันเรื่องไร

ฉันทลักษณ์ หลักกฎ กำหนดนิด		
สิ่งถูกผิด ร่วมกัน นั้นแก้ไข
ต้องคงรูป บทกลอน อักษรไทย			
ดำรงไว้ ให้อยู่ คู่แผ่นดิน
				
29 มีนาคม 2555 22:46 น.

เข้าใจผิด

คนกรุงศรี

                         
                           เมื่อเราต้อง ท่องแคว้น แดนอีสาน
                           พักอยู่บ้าน คำมี ที่เป็นเพื่อน
                           แสวงโชค เรื่อยไป ไม่แชเชือน
                           วันหนึ่งเยือน บ้านหมอ ขอเลขดัง
                                     หมอใบ้หวย ช่วยอย่างดี ชี้ข้างหน้า
                                     ดูกิ้งก่า ตัวโต โอ้ของขลัง
                                     เมื่อเห็นแล้ว อย่าไป บอกใครฟัง
                                     ต่างหันหลัง อำลา ท่านมาพลัน
                           ตีตัวเลข  กิ้งก่า ว่าเก้าเก้า
                           งวดนี้เรา รวยแน่ มิแปรผัน
                           เจ้าคำมี คิดอะไร ไม่สำคัญ
                           อีกสองวัน แล้วนะ ข้าจะรวย
                                     วันที่หนึ่ง เลขออกมา ว่าเก้าแปด
                                     เราต้องแผด เสียงก้อง ร้องว่าฮ่วย
                                     เมื่อถูกกิน สิ้นหวัง ช่างงงงวย
                                     มันถูกหวย หรือไม่ อ้ายคำมี
                          ถามเจ้าเกลอ เป็นไง ถูกไหมวะ
                          ข้าเกือบจะ ร่ำรวย เพราะหวยนี่
                          เห็นกิ้งก่า ซื้อเก้าเก้า น่าเข้าที
                          แต่เลขหนี เป็นแปดเสีย จึงเพลียใจ
                                     อ้ายคำมี เว้าว่า เสี่ยวข้าเอ้ย
                                     เจ่าสิเชย เหลือล้น คนเมียงไหน
                                     ตัวกะปอม เก้าแปดเด้อ  เซ่อกระไร
                                     แล้วจั๊งได๋  ชื้อเก้าเก้า เว้าบ่จำ

คนกรุงศรีฯ
				
27 มีนาคม 2555 21:35 น.

คะนึงหา เมื่อราตรี

คนกรุงศรี


                 คะนึงหา เมื่อราตรี

คืนเดือนแรม แต้มดาว บนราวฟ้า		
แหวกเมฆา มาจ้อง คนหมองศรี 
ใต้สะเดา เหงาใจ ในฤดี			
เพราะใจที่ กังวล จนหม่นมัว

เพลงเรไร ร้องดัง ดั่งเย้ยเยาะ		
เสียงหัวเราะ รัตติกาล ขับขานทั่ว	
สุดปวดร้าว หนาวกมล จนเกรงกลัว		
รอบรอบตัว ดูคล้าย เดียวดายจัง

บอกลมล่อง พัดหวน รบกวนด้วย		
นะจงช่วย ปลอบใจ ให้ความหวัง
ถึงคนไกล แน่งน้อย จงคอยฟัง			
คนหนึ่งยัง ห่วงหา แสนอาทร

เป็นห่วงจัง ยังเรา เฝ้าไต่ถาม		
ทุกโมงยาม ใจเรา เฝ้าออดอ้อน
อยากฝากเดือน ฝากดาว ให้เว้าวอน		
มีทุกข์ร้อน สุขใจ อย่างไรกัน

สายลมเงียบ เยียบเย็น ไม่เป็นมิตร		
สักน้อยนิด แบ่งใจ ได้ไหมนั่น
หากสงสาร วานช่วย ด้วยแบ่งปัน			
ฟากฟ้านั้น บอกเธอ ข้าเหม่อลอย

เหลือบแลดาว ระยิบ กระพริบแสง		
ช่วยอีกแรง บอกเขา ข้าเหงาหงอย
อีกหนึ่งนั้น จันทรา ตั้งตาคอย			
อย่าหนีถอย ทิ้งเรา ให้เหงาเลย

คนกรุงศรี ฯ
๒๔/๓/๒๕๕๕
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี