9 มกราคม 2559 21:41 น.

ค่าเพียงดิน

คนกรุงศรี

ก็เพราะไกล เกินกว่า จะคว้าถึง
แค่คะนึง พาให้ จิตไหวหวั่น
สูงสุดสอย ลอยเด่น ดั่งเช่นจันทร์
เป็กระต่าย หมายมั่น จึงพรั่นใจ
มองเงาหัว ตัวอยู่ รู้ต่ำต้อย
ค่ามีน้อย เพียงดิน สิ้นสดใส
ฤๅจะเทียบ นภา อ่าอำไพ 
ร้าวฤทัย มิกล้า มองฟ้าคราม
เป็นยาจก เหิมหาญ ทะยานสูง
กากับยูง พอเอ่ย ถูกเย้ยหยาม
ว่ามิเจียม เตรียมจิต คิดประนาม
เพราะต่ำทราม หรือชั่ว โอ้ตัวเรา
ใคร่เชยชม ดอกฟ้า จึงพาหมอง
แม้หมายปอง ต่อไป กลัวใจเหงา
เลิกคิดสอย คอยแล มองแต่เงา
แบ่งบรรเทา เศร้าทรวง ห้วงฤดี
วาสนา น้อยนัก หักใจหนอ
ถึงจะรอ ต่อไป ไม่สุขศรี
ฟ้าเคียงดาว พราวใส ในราตรี
ตัวเรานี้ คงอยู่ ไร้คู่ครอง
มีบ้างไหม ใครเล่า เขาสงสาร
เศษเสี้ยวทาน แบ่งให้ พอคลายหมอง
แม้ดอกดิน ก็ไม่ มาใฝ่ปอง
สุดจำต้อง เดียวดาย จวบวายปราน
21 กุมภาพันธ์ 2559 20:51 น.

คิดถึง

คนกรุงศรี

เคยนั่งเรียง เคียงกัน ชมจันทร์เสี้ยว
เป็นรูปเคียว ขึ้นลอย แล้วคล้อยเคลื่อน
เพราะขึ้นค่ำ ฟ้านี้ จึงมีเดือน
อยู่เป็นเพื่อน จวบแจ้ง แสงอรุณ
สายลมทุ่ง พลิ้วโบก โยกกอข้าว
กายอาจหนาว แต่ใจ มีไออุ่น
กลิ่นดอกแก้ว ริมสระ หอมละมุน
ยังขอหนุน ตักเจ้า เฝ้าชมจันทร์
จิ้งหรีดหรือ เรไร ตัวไหนหนอ
มาร้องคลอ บรรเลง เพลงสร้างสรรค์
ส่งสำเนียง กังวาน ประสานกัน
จักจั่น เสียงใส ที่ใบคูน
พอจันทร์ลับ ดับลง ตรงชายเขา
ดาราเจ้า แปรปรับ รับแสงสูรย์
ถึงกำหนด จากลา สุดอาดูร
แต่เพิ่มพูน ความสุข อยู่ทุกคืน
สัญญากัน มั่นหมาย มิคลายเคลื่อน
รอปีเดือน เหมาะสม ได้ชมชื่น
รักภิรมย์ สมปอง ต้องยั่งยืน
แต่สุดฝืน ลิขิต ที่ขีดวาง
มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า เพลานี้
มีเพียงพี่ ไร้เงา เจ้าเคียงข้าง
ความทรงจำ ในใจ ใช่เลือนราง
สุดอ้างว้าง หมองหม่น เกินทนเชียว
6 มกราคม 2559 21:43 น.

คนหนาวทรวง

คนกรุงศรี

มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า คราลมล่อง
คนหม่นหมอง รำพึง ถึงความหลัง
ค่ำนี้หนอ ทั้งหนาว ปวดร้าวจัง
เรไรดัง ดั่งเหมือน มิเลือนไกล
หนาวแบบนี้ ปีก่อน เคยอ้อนเจ้า
เมื่อสองเรา เคียงกัน ชมจันทร์ใส
เจ้าหนาวเนื้อ พี่มี แพรสีไพร
หยิบคลุมไหล่ ให้นาง เคียงข้างกาย
แล้วจันทร์เสี้ยว เลี้ยวลง ตรงทิวไฝ่
ลาลับไป ปล่อยดาว ให้พราวฉาย
กลิ่นดอกแก้ว ละมุน กรุ่นกำจาย
แว่วเสียงคล้าย ขลุ่ยบรรเลง เพลงราตรี
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น
เมื่อไร้คน เคียงใจ ไม่สุขี
ทุกหนาวเยือน เตือนใจ ในทุกที
ถึงคนที่ จากไกล แล้วไม่คืน
สัญญามั่น วันก่อน ตอนเคียงใกล้
ทุกถ้อยคำ จำได้ ไม่เป็นอื่น
รักของเรา คงยัง ต้องยั่งยืน
จะขมขื่น ปวดเจ็บ เก็บไม่นาน
ลมหนาวมา ครานี้ อีกปีแล้ว
ยังไร้แวว คนใด ใครสงสาร
คงจะเจ็บ เหน็บร้าว อีกยาวนาน
เขียนกลอนกานท์ ปลอบตน คนหนาวทรวง
2 มกราคม 2559 21:11 น.

เตรียมใจ ไว้หนาว

คนกรุงศรี

เสียงกาเหว่า ก้องกู่ อยู่ทิวสน
สายลมบน พัดผ่าน กิ่งก้านไหว
สนก้านกลม ลมฉิว โยนพลิ้วไกว
ยินเสียงใส หวิวหวีด เหมือนกรีดทรวง
ลมเหนือล่อง ต้องกาย คล้ายเคยผ่าน
ทวนเหตุการณ์ วานวัน นั้นเลยล่วง
ด้วยยังจด จำไว้ ได้ทั้งปวง
กับคำลวง เมื่อคราว ลมหนาวเยือน
แม้ร้อนฝน หนใด ก็ไม่คิด
หนาวสะกิด ก่อนำ ย้ำรอยเปื้อน
ภาพความหลัง ฝังใจ ไม่ลางเลือน
ประหนึ่งเตือน แผลช้ำ คอยตำใจ
อยากจะลบ กลบหม่น ที่ทนทุกข์
คอยปลอบปลุก อาวรณ์ ที่อ่อนไหว
แม้กายหนาว ร้าวรอน ร้อนอยู่ใน
หาสิ่งใด แปรปรับ จึงกลับคืน
เหมันต์เยือน เหมือนเก่า ปวดร้าวอีก
ยากจะหลีก ให้พ้น เฝ้าทนฝืน
หาคำตอบ ปลอบกมล ทนกล้ำกลืน
หน้าระรื่น ขื่นใน ฤทัยจัง
ต้องเตรียมใจ ไว้หนาว อีกคราวหนอ
ไม่เพ้อพ้อ ต่อกลอน ย้อนความหลัง
เพราะจำรับ กับหม่น จนเซซัง
เรื่องจะหวัง พึ่งใคร ยังไม่เคย
1 มกราคม 2559 21:10 น.

สวัสดี ปีใหม่

คนกรุงศรี

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๙
     ขออวยพรให้เพื่อนนักกลอนทุกท่าน มีความสุข ความเจริญ
ตลอดไป 
            
      รักษาสุขภาพ  ดูแลตัวเองดีดี ด้วยนะครับ
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี