13 ตุลาคม 2547 21:37 น.
ขลุ่ยหลิบ
ใคร่ครวญจิตคิดแล้วแก้วตาพี่
คำรักซึ้งตรึงฤดีจะมีไหน
ณ วันนี้ขอเฉลยเอ่ยความนัย
ขอรักแก้วกลอยใจไปนิรันดร์
คำเจ้าเผยเฉลยใจในวันก่อน
พี่อาวรณ์รัญจวนใจถึงในฝัน
แต่มิกล้าจะเอ่ยเผยคำนั้น
จึงอึ้งอั้นวาจาไม่พาที
ด้วยยังหวั่นรักจะร้าวเหมือนคราวแรก
ทรวงแทบแยกร้าวรนหม่นหมองศรี
ต้องรักษารอยยับนับขวบปี
ดวงฤดีที่ยับค่อยกลับคืน
มิได้คิดเคืองเคียดหรือเดียดฉันท์
เจ้ายอดขวัญอย่าได้คิดเป็นอื่น
รักสุดรักแต่จำต้องกล้ำกลืน
กลัวทรามชื่นจะทำชอกช้ำใจ
จากวันนั้นผ่านมาจนวันนี้
ในชีวีพี่ทุกข์หาสุขไม่
ด้วยเฝ้าครุ่นคำนึงถึงทรามวัย
และคำรักจากดวงใจเจ้าคนดี
ใคร่ครวญจิตคิดแล้วแก้วตาเอ๋ย
ต้องเฉลยวาจาแก่มารศรี
ว่าพี่นี้แสนรักแก้วแววฤดี
จะขอพลีใจรักมั่นนิรันดร์กาล
11 ตุลาคม 2547 00:52 น.
ขลุ่ยหลิบ
เฝ้าถามว่าใจเรารักเขาหรือ
ใจพาซื่อตอบว่ารักอนรรฆค่า
ถามอีกครั้งถึงหัวใจยามไกลตา
ใจตอบว่าอาวรณ์จวบค่อนคืน
ไม่พบเขาวันไหนใจจะขาด
แทบไม่อาจปรามใจให้ทนฝืน
แม้รู้ว่าจะพบกันวันมะรืน
ใจก็ตื่นตาฝันเร่งวันวาร
เออกระไรรักนั้นช่างแปลกหนอ
เพียงตาต่อตากันก็ฝันหวาน
ยามเขามองอ้อยอิ่งนิ่งและนาน
ก็หวามปานจะดับกับสายตา
รอยสัมผัสตามใจถึงในฝัน
คำพูดอันตรึงใจชวนใฝ่หา
กับรอยยิ้มอันอบอุ่นกรุ่นวิญญา
คอยเตือนว่าเขาจับจองห้องหทัย
เพิ่งเคยรสเคยรักอันหนักหน่วง
จึงแดดวงวาบหวามปรามไฉน
เป็นของเขาแทบทั้งตัวและหัวใจ
ด้วยฤทธิ์ไฟรักลามตามอารมณ์
เขาจริงจังกับเราหรือเปล่านั่น
ซึ้งแก่ขวัญว่าใจคงไม่สม
ขอเพียงว่าวันนี้มีรักชม
ใจก็บ่มสุขสนองเต็มต้องการ
8 ตุลาคม 2547 16:42 น.
ขลุ่ยหลิบ
กราบคุณพ่อผู้ก่อเกิดกำเนิดลูก
จิตพันผูกลูกซึ้งอยู่มิรู้หาย
กลั่นความรักมอบแด่พ่อขอบรรยาย
เป็นความหมายยิ่งใหญ่ในกมล
พ่อจ๋าพ่อก่อกำเนิดเกิดกายลูก
พ่อฝังปลูกลูกดีมีเหตุผล
สอนให้มั่นกตัญญูรู้คุณคน
พระคุณล้นสุดสรรพรรณนา
จะหาคุณยิ่งใหญ่ในพิภพ
ไม่ประสบยากนักเกินจักหา
ทั่วเขตคามสามภพจบโลกา
เทียบพระคุณบิดายังห่างไกล
ท้องทะเลฟากฟ้าเวหาหาว
ทั่วแดนด้าวเขาเขินเนินไศล
จะหารักหนักแน่นในแดนไตร
รักพ่อใหญ่เกินร้อยถ้อยสุนทร
พ่อคือพรหมผู้สร้างทางชีวิต
ชี้ถูกผิดยับยั้งเพียรสั่งสอน
ยามลูกทุกข์พ่อจุนเจือเอื้ออาทร
พ้นเรื่องร้อนพ่อช่วยด้วยเมตตา
กราบขอพรเทวาทั่วทุกทิศ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ในแหล่งหล้า
ดลให้พ่อสุขสวัสดิ์วัฒนา
ชนม์ชันษายืนยงดำรงนาน
ขอพรชัยจตุรพิธสถิตย์มั่น
ให้พ่อเป็นมิ่งขวัญของลูกหลาน
เรื่องทุกข์โศกโรคร้ายอย่าได้พาล
เป็นศรีบ้านเป็นร่มไทรอุ่นใจเทอญ
7 ตุลาคม 2547 15:47 น.
ขลุ่ยหลิบ
ประดุจแผ่นศิลาที่กล้าแกร่ง
ประดุจแสงแห่งดวงสุริยฉาย
ประดุจจันทร์แจ่มกระจ่างกลางดาวราย
ประดุจสายฝนหลั่งพรั่งพรมดิน
ประดุจแสงเทียนทองส่องชีวิต
นำปวงศิษย์ข้ามห้วงกระแสสินธุ์
ประสบความรุ่งโรจน์แห่งชีวิน
ด้วยดวงจินต์เปี่ยมเมตตาและปรานี
ตราบชีวิตศิษย์รำลึกนึกคุณท่าน
ที่สร้างสรรค์ให้ศิษย์งามตามหน้าที่
รู้ผิดชอบ รู้รอบ กอปรกรรมดี
สมศักดิ์ศรีปูชนียบุคคล
5 ตุลาคม 2547 22:52 น.
ขลุ่ยหลิบ
สายฝนหลั่งพรั่งพรูดูชุ่มฉ่ำ
ลมกระหน่ำพัดผ่านก้านไม้ไหว
ฟ้าก็แลบแปลบเปรี้ยงยินเสียงไกล
สายฝนในความมัวน่ากลัวนัก
ฝนสร่างซาฟ้าสลัวไปทั่วฟ้า
แต่ฝนใหญ่ในอุรายังตกหนัก
หัวใจเราเศร้าสร้อยคอยคนรัก
เมื่อไรจักกลับคืนมาชื่นเชย
อยากอยู่ในอ้อมกอดยอดชีวิต
เฝ้าเชยชิดร่วมเรียงเคียงเขนย
ต้องทนหนาวเศร้าใจไปเช่นเคย
สุดจะเอ่ยรำพัน.........ฉันเดียวดาย
ทุกวันคืนขืนข่มตรอมตรมนัก
คนเคยรักจากไกล......โอ้......ใจหาย
รักสุดซึ้งคิดถึงอยู่มิรู้คลาย
อย่าใจร้าย.......อย่าไปลับ........จงกลับคืน