11 มิถุนายน 2551 12:29 น.
ก้าวที่...กล้า
ฉันจะเก็บความทรงจำให้จำหลัก
คอยฟูมฟักคำหวานให้หวานอยู่
ว่าครั้งหนึ่งหัวใจเคยได้รู้
ถึงความรักที่เคียงคู่ฤดูกาล
ยามคิมหันต์เยือนใจอุ่นไอร้อน
ก็สุมซ่อนก่อนปรุงจนฟุ้งซ่าน
ร้อนร้อนร้อนเผาไหม้จวบใครคร้าน
เหมือนคนพาลขวางตาไม่น่ามอง
ยามเหมันต์เยือนใจข้างในหนาว
ในทุกคราวคิดถึงคนหนึ่งหมอง
ก็เพียรร้อยถ้อยคำผ่านทำนอง
หัวใจคล้องหัวใจของใครนั้น
ยามวสันต์เยือนใจดอกไม้บาน
ก็อ่อนหวานซาบในหัวใจฉัน
ดั่งสายฝนเย็นฉ่ำคอยจำนรรจ์
โปรยปรายฝันสวยงามในยามเช้า
14 พฤษภาคม 2551 12:59 น.
ก้าวที่...กล้า
โลกจะกว้างเท่าไหนหรือใคร่รู้
มีกี่เหลี่ยมกี่คูให้ดูหน่อย
ก็คงเพียงแต่มองเหมือนกองกอย
เห็นกระโดดผล็อยผล็อยแล้วปล่อยเลย
โลกที่ไร้จิตวิญญาณ
หมุนเวียนผ่านแอบอิงความนิ่งเฉย
ไม่มีสิ่งย้ำเตือนอยู่เหมือนเคย
หัวใจเปรยเงียบเหงาก็เท่านั้น
โลกของฉันมีด้านเดียว
จะซีดเซียวสดใสหรือไหวหวั่น
จะแปรเปลี่ยนอย่างไรไม่สำคัญ
แต่ละวันผ่านเยือนเพื่อเลือนลับ
5 พฤษภาคม 2551 11:59 น.
ก้าวที่...กล้า
ฉันกับคำลา
รู้ไหมว่าเป็นนามของความเหมือน
ไม่แตกต่างวันนี้หรือปีเดือน
ต้องคล้อยเคลื่อนมุ่งหน้าสู่ฟ้าไกล
น้ำตากับความเหงา
เป็นเพื่อนเก่าปะปนกับหม่นไหม้
เฝ้ารอคอยเรียกหาอย่างอาลัย
จะกลับไปคืนฝันนิรันดร
ตรงเส้นขอบฟ้า
ฝากรักมาผูกขวัญเหมือนวันก่อน
ฝากคิดถึงกล่อมเกลายามเข้านอน
ฝากหัวใจอ่อนอ่อนไว้อ้อนเธอ
ในวันที่เหนื่อยล้า
บนขอบฟ้ามีฉันตรงนั้นเสมอ
แม้มืดมนเพียงใดจะได้เจอ
เพราะน้ำตาที่เอ่อให้เธอแล้ว
2 พฤษภาคม 2551 10:54 น.
ก้าวที่...กล้า
พ.ศ.๒๓๐๗
๑. กรุงศรีอยุธยาไคลคลาเข้า
สู่ดวงดาวแห่งสงครามติดตามผลาญ
ทัพศัตรูรุดบุกเข้ารุกราน
ทุกทิศผ่านทำร้ายทำลายยับ
๒. มังมหานรธาตีมาข้าง-
หัวเมืองทางทวายมุ่งหมายขับ
กาญจน์บุรีสุพรรณคอยกั้นรับ
พร้อมสัประยุทธ์ไม่หยุดยั้ง
๓. เนเมียวสีหบดีเคลื่อนตีมา-
จากทางเหนือมุ่งหน้า...ไม่ล้าหลัง
รุดลงใต้กระหนาบย้ำเป็นกำลัง
พิชิตสั่งสมชีพคอยบีบคั้น
.. .. .. .. .. .. .. .. ..
๔. ผู้นำกองทะลวงฟันสั่งบัญชา
จะขอผ่านสียามาเพลาสั้น
ไม่ต้องการสู้รบอย่างครบครัน
เป็นชาวบ้านเท่านั้นหาหวั่นเกรง
๕. เก็บกำลังไปรบสมทบต่อ-
ทัพใหญ่รอ...เพราะหลงอ้อมจึงพร้อมเร่ง
ล้อมกรุงศรีฯตีประดังให้วังเวง
เพื่อข่มเหงยึดครอง...หมายปองนั้น
๖. สียามา...คนกล้าหาญ
รวมชาวบ้านเพื่อผดุงใจมุ่งมั่น
เคยร่มเย็นรายล้อม...เมื่อพร้อมยัน-
ทัพกองทะลวงฟันฤๅผ่านพ้น
๗. ไม่หวาดหวั่นสักนิดเมื่อคิดสู้
องอาจรู้ตั้งรับไม่สับสน
แม้นมิใช่ทหารเชี่ยวชาญกล-
ศึกทานทนป้องแดนป้องแผ่นดิน
๘. ระหว่างการรบสู้แสงจู่พาด
เกวียนประหลาดปรากฏขึ้นจรดถิ่น
เสียงกระหึ่มให้ค้นให้ยลยิน
เคลื่อนเหมือนบินหมายจับก็ลับตา
๙. มุ่งเข้าสียามาอย่างผ่าเผย
และหยุดเกยกลางลานหมู่บ้านกล้า
พบกับปรายบอกความให้ตามมา
คนทั้งสามชะโงกหน้ามองตาค้าง
๑๐. ก้มลงกราบหลวงปู่โทน...ก่อนโดนถาม
ท่านบอกความกาลซ้อนจึงย้อนต่าง
มาสมทบบรรพบุรุษช่วยจุดทาง
ร่วมสรรค์สร้างกำลังการตั้งรับ
๑๑. อาณา...
จบศึกษาแพทย์ศาสตร์สามารถจับ-
คันธนูยิงไกลโดยไม่นับ
แม่นยำพร้อมสรรพราวกับวาง
๑๒. กิ๊ฟ...
พร้อมหยิบจับอาวุธเร่งรุดย่าง
มือเท้าเร็วกว่าใจอยู่ในทาง
ที่แตกต่างจบด้านโบราณคดี
๑๓. โบ๊ต...
หรือว่าโบสถ์ เหมือนคนเต็มล้นปรี่
จบวิทยาศาสตร์-นักดัดแปลงสำแดงนี้
ทั้งอาวุธเคมีอยู่ที่คิด
๑๔. กลุ่มนักสู้หมู่บ้านวิญญาณกล้า
ร่วมปรึกษาวางการประสานกิจ
ตั้งแมวดำสามัคคีเก้าชีวิต
แฝงประชิดปฏิบัติกำจัดทัพ-
๑๕. ยันตรา
ผู้นำกอง...ฟันฝ่าหาขยับ
แม้พลมากเชี่ยวชาญในการรับ
ก็ล้มดับด้วยแปลกตากลอาวุธ
๑๖. เมื่อต่อสู้รุก-รับสลับข้าง
มีแตกต่างล้มตายฤๅหมายหยุด
สียามาจับดาบถือเพื่อยื้อยุด
กองทะลวงฟันหวังรุดไปร่วมการ
.. .. .. .. .. .. .. .. ..
๑๗. ตราบมีลมหายใจอย่าได้หวัง
จะขอตั้งตาขับทุกทัพผลาญ
มันผู้ใดหมายมุ่งมารุกราน
ข้ามศพข้าทั้งหมู่บ้านค่อยผ่านไป
มันผู้ใดหมายมุ่งมารุกราน ข้ามศพข้าทั้งหมู่บ้านค่อยผ่านไป
...จากภาพยนตร์เรื่องสียามา
หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย