12 กันยายน 2547 11:53 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว รอยวัน ตอน 3

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

รอยวัน  ตอนที่ 3 

	
	
                             วันว่าง ๆ ที่ผมเข้าไปในเมืองวันหนึ่ง    ผมได้พบกับครูที่สอนผมตอนอยู่ ป.4       ครูจำผมได้   ถามผมว่าเรียนจบอะไรมา    ผมหัวเราะตัวเองให้ครูได้ยิน  และบอกออกไปอย่างขื่น ๆ และขัน ๆ  .ถูกครับมันไม่ถึงกับขื่นขม

ผมเรียนจบเกษตรจากพ่อโจ้มาครับ

ครูเหมือนงงอยู่แป๊บเดียวก็หัวเราะก๊าก   

นี่เธอจะอำครูหรือ  โจ้น่ะชื่อพ่อของเธอนี่นา    ตอนนายเกกับเธอชกต่อยกัน   เขายังมาถามครูเลยว่าดีไหมถ้าจะให้ลูกย้ายไปเรียนที่อื่น


                 แล้วครูว่าไงครับตอนนั้น

	ครูก็ว่าครูเสียดายกำลังหลักอย่างไข่เขียดไปน่ะสิ    ตอนนั้นไข่เขียดรู้ไหม  ชีวิตครูอยู่ในช่วงวิกฤติ   ตอนนี้สบายขึ้นแล้ว   ครูยืมแรงเธอเขียนกระดานอยู่เป็นเดือน  เธอจะเอาค่าจ้างย้อนหลังไหมล่ะ  ครูพูดแกมยิ้มอารมณ์ดีมาก

	ไม่ดอกครับ   ครูใช้งานผม ผมก็ปลื้มสุดๆแล้ว

	ขอบใจๆ   เออเธอได้ข่าวรอยวรรณไหม   ครูรู้นะว่าเธอแอบชอบรอยวรรณ    คนพูดยักคิ้ว   คนฟังขมวดคิ้ว

	ครูรู้แต่เมื่อไหร่

	ก็ตั้งแต่ตอนอยู่ ป.1  ก่อนที่จะย้ายขึ้นไปสอน ป.4   แล้วจริงไหมล่ะ

	เอ่อ..   ผมเขิน   เคิ้น   เขิน   ครูอะไรสังเกตเก่งจริง  ๆ  ผมว่าครูในใจ

	ครูได้เจอรอยวรรณในกรุงเทพ     เธอทำงานด้านพัฒนาชนบทกับองค์กรเอกชนของอเมริกันอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง    ครูมีที่อยู่ของรอยวรรณด้วยนะ     

เหมือนรู้ใจ  ครูหยิบสมุดพกออกมาแล้วพลิกคลี่หาสิ่งที่ผมอยากได้ก่อนยื่นมาให้
	
ถ้าติดต่อกันแล้ว  ผลเป็นอย่างไรอย่าลืมส่งข่าวถึงครูบ้างนะ   
	
คุณได้ยินเสียอะไรตุ๊บๆ  ไหมครับ

	นั่นแหละเสียงหัวใจของผมล่ะ    มันคงอยากออกมายิ้มร่าและเริงใจ

	ครูแนะไว้ก่อนไปด้วยว่าให้ผมเรียนมหาวิทยาลัยเปิด  เลือกเอาสาขาที่ชอบ   เรียนอยู่ที่บ้านแล้วไปสอบตามที่เข้ากำหนดอีกหน่อยก็ได้ปริญญาบัตรเหมือนคนอื่น ๆ  มันไม่ยากเย็นอะไร     ส่วนคำเชิญไปเยี่ยมบ้านของผม  ครูว่าให้ครูว่างๆ กว่านี้ก่อนแล้วครูจะมาใหม่

	ผมไม่รีรอเลยที่จะเขียนจดหมายถึงรอยวรรณในค่ำนั้นที่แม้พระจันทร์ก็ยังเป็นใจ

	

OOOO


	จดหมายจากชาวนถึงรอยวรรณ


:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



                    สวัสดีครับรอยวรรณ
ผมได้ที่อยู่ของรอยจากครูสีดา     รอยวรรณอยู่ในความทรงจำของผม         
ไม่เคยลบเลือนไปเลย     ส่งข่าวถึงไข่เขียดบ้างซีครับ    ถ้ายังไม่ลืมกัน



::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


	ได้ผลครับ   อีกไม่นานต่อมาผมก็ได้รับจดหมายจากรอย  เธอว่าจะหาโอกาสแวะมาเยี่ยมผมเร็วๆนี้

	    

                       เปลยวนใต้ต้นม่วงที่ผมนอนอยู่ไม่ขยับนานเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อผมคิดอะไรไปเพลิน  ๆ



	ไข่เขียดเอ้ยไปรษณีย์มาส่งจดหมาย  เองออกไปรับหน่อย  

   เสียงของแม่ทำให้ผมตื่น สู่โลกจริงๆที่อะไรๆก็ยังเห็นเพียงเลือนๆ ลาง ๆ     

                      " ไปซื้อกะปิ น้ำปลาในหมู่บ้านให้แม่หน่อยไข่เขียด" แม่บอกพลางรับจดหมายและสิ่งตีพิมพ์ที่ผมรับมาจากไปรษณีย์อีกที
                     
                      ที่ตลาดสาธิตกลางหมู่บ้านผมก็ได้เจอคู่ปรับเก่าอีก   นี่มันกี่ปีเข้าไปแล้ว                   
                       มันทักผมก่อน

	เป็นไงอ้ายไข่เขียด    ไม่ต้องทำเป็นหลบหน้าหรอก   มึงตัวโตขึ้นแล้วคิดว่ากูจะกลัวหรือ  อ้ายคนมีปมด้อย    

	ไอ้เกจากบ้านไปนานหลายปี   เพิ่งกลับมาจากภาคตะวันออก  มันตกงานและติดเหล้า   หน้าตาดำคล้ำออกโทรม   จมูกผิดรูปไป  รอยบากที่หน้าคงเพิ่งมีตอนหลัง    ฟันซี่บนหักไปหนึ่งซี่  ขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นเยอะทีเดียว

	มึงจะไม่ให้เกียรติกินเหล้ากับกูเลยหรือฮึ    อ้ายคนเรียนเก่ง   มึงน่าจะได้เป็นดอรอไปแล้ว  ใยมาต๊อกต๋อยย่ำต๊อกพอๆกันกับกู

                       เจ้าของร้านส่ายหน้าและส่งสัญญาณว่าอย่าไปต่อปากต่อคำ

	เป็นไงลูกพี่   คุยกับใครอยู่หรือ  

                        นั่นไง   สมุนของไอ้เกนั่นแหละ      พวกนั้นคงเมาน้อยกว่าไอ้เก    ผมคาดว่าไอ้คนพูดคงขึ้นมาเป็นลูกพี่ตัวจริงของไอ้เกด้วยล่ะ   แต่มันยังเรียกไอ้เกว่าลูกพี่ตามศักดิ์เดิมๆตอน ป .4

	อ๋อ   มึงไอ้ไข่เขียดใช่ไหม    บ๊ะหล่อกว่าเก่านี่  หน้าตัวเมียเหมือนเก่าไหมวะ  มันพูดโดยไม่ได้มองผม  

	มึงพูดดี ๆ  อ้ายเสริม   กูไม่ใช่เด็ก ป.4  มึงคิดว่ากูกลัวอยู่หรือ"  ผมไม่ได้เกรงพวกมันนัก   ก็แน่ล่ะ  หนึ่งผมก็เป็นมวย  สองตัวโตกว่าพวกนั้นอีก
อ้ายพวกนั้นเงียบเสียงลง  แต่คงไม่พอใจลึก ๆ

	เสียงไอ้เกกับพวกพูดให้ได้ยินตามหลังมาว่า ไอ้ไข่เขียดมันเรียนเก่งแต่สอบที่ไหนก็ไม่ติด   มันเป็นคนมีปมด้อย

	ผมหัวเราะในใจ  ระคนเคืองในถ้อยคำของคู่แค้น  
                   
                      "กูสอบเรียนต่อไม่ได้   กูก็จบปริญญาตรีได้"

                      ผมคิดแล้วยักไหล่หัวเราะกับลมกับแล้งอีกก่อนกลับบ้านกลางทุ่ง
อย่างเกือบเซ็ง 

( มีต่อครับ)				
10 กันยายน 2547 23:50 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว รอยวัน ตอนที่ 2

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ 2   รอยวัน

	
	 รอยวรรณเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอนั้นได้ไม่นานก็ต้องย้ายตามผู้ปกครองไปต่างจังหวัดอีก   

เออ..ความคิดถึงนี่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บๆปวดๆนะ  ผมนึกไปถึงวันที่รอยจะไป เธอให้สมุดเล่มเล็กๆไว้แก่ผม

	สมุดนี่ให้ไข่เขียดเขียนอะไรก็ได้   วันหน้าถ้าได้เจอกันอีก  จะได้แลกอ่านกับรอย
	
	ตอนอยู่ ป.1  ผมเคยไปบ้านรอย   บ้านของเธอมีไผ่สีสุกอยู่รอบบ่อปลา บ้าน          ไม้สองชั้นใต้ถุนสูงหลังนั้นมีชานกว้างโล่งแลเห็นดาวได้ในค่ำคืน  คุณแม่ของรอยเป็นแม่บ้านส่วนคุณพ่อเป็นข้าราชการในจังหวัด    รอบๆบ้านของรอยมีไม้ผลหลากชนิดให้กินได้ทั้งปี    ถ้าผมมีบ้านเป็นของตัวเองผมก็คงแต่งบ้านแต่งสวนแบบนั้น
	
	ผมไม่ได้ข่าวคราวของรอยอีกเลยจนกระทั่งจะจบ ม.6

	
	ไข่เขียด   เมื่อวานมีเพื่อนชื่อรอยมาหาลูกที่บ้าน  เขาฝากจดหมายไว้ให้ด้วย   จำเขาได้ไหม  แม่บอกข่าวนั้นเมื่อผมต้อนวัวจากนากลับมาเข้าคอกที่บ้าน

	จำได้ครับแม่   คนนี้เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของห้องเลย  เขามาตอนกี่โมงหรือครับ

	บ่ายโมง ..  เธอมากับพี่ชายอ๊อด

	อ๋อ  อ๊อดผมจำได้ตอนเขาอยู่ป.2   เคยต่อยกันกับผม    น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกัน   เขาเหมือนเดิมไหมครับแม่

	 เป็นสาวขึ้น   ยังคมขำเหมือนเดิม

	ผมยิ้มๆ ในถ้อยคำของแม่    เมื่อเอาวัวเข้าคอกแล้วก็ผละไปหามุมของตัวเองเพื่อจะอ่านจดหมาย

	รอยวรรณบอกไว้สั้นๆว่าเธอสอบเอ็นส์ทรานซ์ได้คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  สาขาพัฒนาชุมชน   และเธออยากทราบข่าวดีของไข่เขียดด้วย

	ผมก็มีแต่ข่าวร้ายแหละครับ   เพราะสอบไม่ติดที่ไหนสักแห่ง   พ่อกับแม่ปลอบใจไม่ให้คิดสั้น   เรื่องอะไรผมจะไปคิดสั้น   เพราะทำใจได้แล้ว   ผมผิดหวังมาทีละเล็กทีละน้อย เมื่อผิดหวังเรื่องสอบเรียนต่ออีกสักหนก็จะเป็นไรไป  แต่เพื่อนของผมบางคนก็ทำใจไม่ได้นะครับ  เข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้าตั้งหลายคน

	
	หลังจากจบ ม.6  แล้วพลาดเรียนต่อผมก็ลงไร่ลงนากับพ่อ  ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย    

	พ่อกับผมช่วยกันขุดบ่อเลี้ยงปลากลางทุ่งนา  หาบดินด้วยบุ้งกี๋สลับกับหามเปลกระสอบ ขนดิน  จากวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเป็นสามเดือนในที่สุดก็ได้บ่อขนาดใหญ่ และลึก    เมื่อน้ำมาในหน้าฝนพ่อก็หาปลากินพืชมาปล่อยเลี้ยง   คันคูอันกว้างรอบบ่อปลามีแถวแนวของไม้ผลอันหวาน-เปรี้ยวน่าอร่อยลิ้นอีกไม่นานคงพออวดใครต่อใครได้ว่าเราก็เป็นคนมีอยู่มีกิน

	ฝันของผมกับพ่อเดินทางมาถึงจุดหมายใน ปีที่ 4 หลังจากผมจบ ม.6    เพื่อนคนแรกที่ผมคิดถึงและอยากพบมากที่สุดคือรอยวรรณ     

---------------------------------
	
นอกจากจดหมายสั้น ๆ ฉบับนั้นกับสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ผมเขียนจนล้นหน้ากระดาษก็ไม่มีข่าวคราวใดอื่นจากรอยวรรณคนนั้น

 ไอ้ไข่เขียดลูกพ่อ     เอง ไม่คิดจะมีเมียรึ   พ่อถามน้ำเสียงอย่างคนสบายใจและไม่จริงจังกับคำถามนัก    ปลาฮุบเหยื่อที่พ่อโยนลงไปทีละชิ้นสองชิ้น เพื่อให้ดูเพลินๆ

 จนๆอย่างเราใครจะสนเล่าพ่อ  ผมโยนเหยื่อลงไปบ้าง   ปลาพรวดฮุบตูมเลย  ผมยักคิ้วให้มัน

มันก็คงมีบ้างแหละน่า   ตอนนี้เองมีเงินในธนาคารเท่าไหร่แล้ว  พ่อหันมาทางผมแต่ตอนพ่นควันยาฉุนพ่อหันไปทางอื่น

เกือบแปดหมื่นแล้วพ่อ

งั้นก็ยังไม่พอแต่งเมีย  ให้เองมีเงินในบัญชีซักสองสามแสนแล้วพ่อจะไปขอผู้หญิงให้  

ไปขอใครเล่าครับ   ผู้หญิงในหมู่บ้านไม่มีใครมองอ้ายไข่เขียดตัวดำนี่ซักคน   คราวนี้ผมกำอาหารปลาโยนโครมลงไป  ปลาฮุบฟลุบฟลับจนน้ำกระเพื่อมเป็นวงคลื่นซ้อนกันซับซ้อน

เออ  ให้มันได้ยังงั้น   ไม่เอาเมีย  เองก็จะบวชล่ะซิ

บวชให้ศาสนาเสื่อมน่ะพ่อเอาไหมล่ะ

ฮ่า   ๆ   พ่อไม่อยากไปทัวร์นรกโว้ย   โน่นๆ แม่เองเรียกแล้ว   คงเตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้วมั้ง    ผมลุกและเดินตามพ่อจากโคนต้นหมากม่วงสามฤดูริมคันคูบ่ปลาไปยังกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ไกลนัก     ไอ้ช่อนต้มส้มใบมะขามอ่อนกับน้ำพริกพริกขี้หนูสดใส่น้ำปลาร้าเพียงแค่นึกก็ยั่วน้ำลายสอเสียแล้ว 


--------------------
	 เพื่อนที่ชื่อรอยไม่ส่งข่าวมาบ้างเลยหรือหือ แม่ถามก่อนซดน้ำแกง

	 หายไปเลยแม่เอ๋ย  เว้นวรรคจังหวะเคี้ยวข้าวได้แค่นั้น พ่อก็ต่อ

	สงสัยมีแฟนไปแล้วมั้ง    ข่าวคราวเงียบหายไปนานขนาดนั้น   รักแท้แพ้ใกล้ชิด  อ้ายเขียดมันก็รู้

	ไม่ให้ความหวังไข่เขียดบ้างเลยหรือครับพ่อ

	ผมก็ว่าไปอย่างนั้นล่ะเพื่อให้อาหารมื้อเที่ยงอิ่มเอมเต็มรสอย่างที่สุด    แม้ผมจะรักหรือชอบใครปานใดผมก็เผื่อใจไว้ไม่ให้เจ็บเกินจำเป็น

	
	งานในนาปีหลัง ๆ มานี้สบายขึ้นมาก   ปูปลาก็มีพ่อค้ามารับซื้อเอง  ไม่ต้องขนไปขายที่ตลาด   ถ้าพวกนั้นกดราคานัก  พ่อก็ไม่ขาย   ต้องง้ออะไรล่ะ   อาหารเลี้ยงปลาเราก็ไม่ได้ซื้อ  หนี้สินเราก็ไม่มีสักบาท   ข้าวเราก็มีกิน  ปุ๋ยเคมีเราก็ไม่ใช้  ไม่มีอะไรต้องซื้อนอกจากน้ำมันเติมรถยนต์กับของใช้จำเป็น    ที่ผมว่ามานี่แหละที่ทำให้ผมคิดว่าพ่อของผมไม่เหมือนชาวนาทั่วไปทั้งหลายที่พากันเป็นลูกหนี่รัฐบาลแบบโงหัวไม่ขึ้น

-----------------------------

	แม่ รักกับพ่อได้ยังไง   ผมถามขึ้นมาแบบแทบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเย็นวันหนึ่ง  พ่อเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยม  ดูเหมือนเคลิ้มหลับแต่ไม่ใช่

	 พ่อมาออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่นี่  เลยเจอกันกับแม่แกซึ่งเป็นสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน   พอเรียนจบพ่อก็กลับมาจีบอีกที

	 เลยมีผม  อ้ายไข่เขียดเป็นโซ่ทองคล้องใจ

	ฮ่า  ๆ  สำนวนของเองใช้ได้  ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นชาวนานักเขียน  พ่อมีลูกล่อความสนใจของผมอีกจนได้    นั่นเองที่ทำให้ผมกลับไปค้นหาบันทึกของพ่อบนหิ้งและในตู้หนังสือ   ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างไร   และรอยวรรณใช้ชีวิตนักศึกษาของเธออย่างไร   และชาวนาชาวสวนอย่างผมมีอะไรที่จะคู่ควรกันไหม


	บันทึกของพ่ออ่านมันดี  เหมือนนิยายเลย  เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าเรื่องของพ่อให้ฟัง

	
	อ่านบันทึกนั้นไปผมก็วาดภาพของรอยวรรณไป   เธอว่าเธอเรียนด้านพัฒนาชุมชน   อย่างน้อยค่ายอาสาพัฒนาชนบทแบบที่พ่อเล่าไว้ เธอก็คงได้สัมผัสและรับรู้    และนั่นคงพอทำให้เธอเห็นในหัวใจของคนทำนาทำสวนแบบนายไข่เขียดได้บ้างแหละน่า   
                  ผมคิดเพ้อไปก่อนหลับไหลเหมือนทุกค่ำคืน


(มีต่อครับ)				
5 กันยายน 2547 22:59 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว : รอยวัน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

llllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll lllllllll
                      รอยวัน
llllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll llllllllll
               ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

 
 	 รอยวรรณ  เป็นชื่อของผู้หญิงที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เรียนชั้น ป.1  เธอเรียนเก่งมาก   อ่านเขียนคล่องและพูดจาฉาดฉานที่สุดในห้อง    ตาที่โตและคมสะกดทุกคนให้อยู่ในอำนาจได้ไม่ยาก   เพื่อนในห้องไม่มีใครกล้าทำทียียวนกวนเธอสักคน  แม้เจ้าหมอที่เกเรที่สุดในห้อง  ก็ยังยกเธอไว้หนึ่งคน

	 บักไข่เขียด    มึงจะให้กูลอกไหม  ถ้ามึงไม่ให้กูลอก  ตอนเย็นมึงเจ็บตัว   นั่นเป็นคำที่ไอ้เกมันขู่ผมอยู่ทุกบ่อย   ผมเคยเจ็บตัวเพราะโดนพรรคพวกของมันรุมอยู่สองสามหนจึงไม่อยากมี เรื่องกับไอ้เกอีก  เมื่อทำงานเสร็จผมก็ยอมให้มันลอก และในใจก็คิดว่าไอ้หม-เอ๊ย  มึงกินแรงกูเสียจริงๆ ถ้ากูโตเท่ามึงกูไม่ปล่อยให้มึงรังแกอย่างนี้หรอก

	 ทุกครั้งที่ผมโดนรังแก  คนที่แสดงความเห็นอกเห็นใจมีรอยเพียงคนเดียว  เพื่อนคนอื่นๆ มองดูตาปริบๆ เหมือนดูการแสดงสนุกๆ    หนหนึ่งไอ้เกมันเอาทรายแห้งๆถูหน้าผม  มันว่าแป้งยี่ห้อของมันเป็นแป้งชั้นยอด    มันแกล้งผมเพราะมันอับอายเสียหน้าที่ครูชมผมกับรอยว่าอ่านหนังส ือเก่ง  แต่มันอ่านไม่ออก   ไอ้เกมันเก่งทางใช้กำลังข่มเหงคนทั้งโรงเรียน  มันอยากได้ดินสอของใครมันขู่เอาได้ทั้งนั้น  ไม่มีใครกล้าฟ้องครู  นอกจากอ้ายไข่เขียด  ฉายาที่มันตั้งให้คนผอมขี้โรคเช่นผม  หนนั้นรอยเป็นคนแอบเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ผม  โดยที่พวกนั้นไม่รู้    ผมมากกว่าชื่นชมรอยเสียแล้วตั้งแต่วันนั้น
เฮอะ..ความรักของเด็กป.1   แหละเอ๋ย..


                                               OOOO


 	            รอยวรรณเรียนถึงชั้น ป.2 ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ทิ้งให้อันดับ 2 อย่างผมให้ขึ้นมาเป็นที่ 1 แทน     
              ห้องเรียนของผมยุ่งเหยิงขึ้น ด้วยผมเป็นหัวหน้าที่ไม่มีใครฟัง   ตอนครูอยู่ไอ้เกมันก็เงียบล่ะแต่พอครูไปธุระมันก็โวยวาย  

              ในโรงเรียน  สมุด ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด หายบ่อยมาก  แม้แต่สมุดดินสอสำหรับแจกที่ครูเก็บในลิ้นชักยังโดนคนงัดเอา     ผมรู้และผมเห็นว่า   ไอ้เกนั่นแหละเป็นคนออกอุบายให้สมุนของมันปีนห้องพักครูไปงัดเอ าในวันหยุด

	            เมื่อครูสืบว่าใครขโมยครูก็มารู้จากผมที่กล้ายืนยันว่าเห็นใครข โมยและมันเอาของพวกนั้นซ่อนไว้ที่ไหน    ครูให้ไอ้เกกับพวกพาไปเอาของกลางได้คืนมาจนเกือบหมดและเชิญผู้ป กครองของพวกนั้นมาทำทัณฑ์บนด้วย

  	         การคบกันเป็นเพื่อนระหว่างผมกับไอ้เกก็เป็นอันสิ้นสุดลงแต่นั้น   เพราะมันกับพวกดักต่อยผมทุกวันหลังเลิกเรียน   ผมแพ้บ้างชนะบ้างเพราะพวกนั้นเปลี่ยนหน้ากันมาดวลกำปั้นกับผม  ไอ้เกมันไม่ยอมเปลืองตัวมาแลกหมัดกับผมหรอก  มันฉลาดที่จะใช้อำนาจเสียงของมันขู่ให้คนอื่นเจ็บตัวแทนมันได้

	            ไอ้ไข่เขียด   ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวอีก  มึงสงบปากคำดีกว่า  คราวนี้คนที่พูดคำนี้ไม่ใช่ไอ้เก   แต่เป็นนักเรียนชั้นป.6  ชั้นสูงสุดของโรงเรียนในหมู่บ้าน   ผมรู้ว่ามันคือหัวขโมยตัวจริง  มันเคยลักเอาเงินของครูไป 200 บาท  มันเคยลักไก่ของภารโรง และมันเคยลักอ้อยของบ้านที่อยู่ข้างโรงเรียนด้วย   ไอ้เกก็เป็นลูกสมุนของมันอีกที

	            ช่ายมึงเฉยไว้ดีกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ไอ้เกก็ยังตามมาสำทับจนได้เมื่อมันเห็นว่าลูกพี่มันว่าอะไรผม

         ผมได้แต่อึ้ง แม้ไม่สะทก   ก็อดหวั่นไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าครูใหญ่มาถามเอาความจริงจา กผมว่าใครเป็นหัวขโมยบ้างในโรงเรียนนี้ 

         ถ้าเวล านั้นมาถึง   บางทีผมอาจจะได้ไปจากเพื่อนขี้โกงและชอบรังแกเสียที

                             -------------------------------------------------------------
	
	ผมอยากตัวโตสูงใหญ่อย่างคนอื่น ๆ  แต่มันก็เหมือนความฝันอยากบินโดยไม่มีปีกนั่นแหละ          ผมพยายามโหนกิ่งไม้ทุกวัน หวังให้กระดูกยืดออกบ้าง    ทั้งยังหัดต่อยเตะถุงใส่แกลบที่ผูกโยงจากคาคบไม้เพื่อให้เป็นมวยบ้างยามต้องต่อยตีป้องกันตัว    บางหนผมยังลองเตะต้นกล้วยดูด้วยว่าฝีแข้งของผมคมแข็งปานใด   และผมก็รู้แล้วว่ามันเจ็บ    

                     ระหว่างคนธรรมดากับนักมวย       ถ้าแลกลำแข้งกัน    คือโยนแข้งใส่กัน     คนธรรมดาเจ็บกว่าแน่นอนเพราะไม่ได้ฝึกรับความเจ็บปวดให้ชิน      เนื้อ - กล้ามเนื้อ-กระดูก และเอ็นของนักมวยนั้นไม่ได้ยวบอ่อนแบบของคนธรรมดาหรอก    แต่แน่นเปรี๊ยะแข็งปั๋ง     ในสถานการณ์ที่ถูกโยนแข้งหรือเข่าเข้าใส่   หากมีการตั้งรับที่เหมาะสมบางทีก็แทบจะพูดได้ว่า เจ็บแค่จิ๊บจ๊อยแบบมดแดงกัดนั่นล่ะมั้ง         เมื่อรู้ความจริงนี้จากนักมวยที่อยู่บ้านข้างกันผมจึงมีกำลังใจที่จะประเคนแข้งใส่กระสอบแกลบ  และสวิงซ้ายขวาใส่เป้านิ่งที่สมมุติเอาว่าเป็นหน้าไอ้เก ได้ทุกวัน

 ไม่อยากเป็นนักมวยหรือไอ้น้อง  คนที่สอนผมเรื่องมวยถาม

 ผมกลัวโดนต่อยเตะครับ

 ใครจะมาเตะเราได้ง่ายๆ       ถ้าเราเป็นมวย

                                  ผมไม่ออกเสียงเถียงเขา      แต่ผมเถียงดังๆ ในใจว่า     --อ้าวแล้วที่พี่แพ้น็อคหลับกลางอากาศน่ะมันอะไรหล่ะ   ไม่ใช่เพราะลูกตีนโดนก้านคอหรอกหรือ  และพี่ก็ว่าพี่เป็นมวยนี่นา--

                                  นักมวยข้างบ้านย้ายไปอยู่ที่อื่นในไม่นานนัก   แต่ผมก็ไม่หยุดชกกระสอบ และโหนบาร์  โดยหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะโตอย่างน้อยก็เท่าไอ้เก    มันจะได้ไม่กล้ารังแกผมอีก


                    -------------------------------------------------------------------

	
	ความขัดแย้งระหว่างผมกับไอ้เกมาแตกหักเอาตอนปลายปีของชั้น ป.4   	ซึ่งครูประจำชั้นไม่ค่อยอยู่โรงเรียน  ทำให้ผมต้องรับภาระเขียนกระดานแทนครูอยู่เสมอ   ในชั้นนั้นไอ้เกจะคอยโวยวายว่าผมเขียนกระดานเร็ว  เขียนมาก และพวกมันเหนื่อย   ผมก็เขียนตามที่ครูบอกให้เขียนนั่นแหละ   ถ้าพวกมันเหนื่อยผมก็ยิ่งต้องเมื่อยเพราะต้องเขียน 2 ครั้ง หนึ่งในกระดาน สองในกระดาษ   เมื่อทางอำเภอออกมาทดสอบความรู้  เพื่อนของผมสอบตกเป็นแถว ก็จะไม่ตกได้อย่างไรเพราะผมเขียนให้ลอกเท่านั้นผมอธิบายให้ฟังไม่เป็น  ผมไม่ใช่ครู-โธ่เอ๋ย

	ผมกับไอ้เกทะเลาะกันเรื่องจดกระดานอีก  มันแย่งหนังสือไปจากผมแล้วเขวี้ยงลงกลางห้องและว่ามีครูสีดาคนเดียวก็น่าเบื่อพอแล้วยังต้องมาทนกับอ้ายครูไข่เขียดอีก   เพื่อนหลายคนเฮ เข้าข้างไอ้เก  ผมเก็บหนังสือขึ้นมามันถีบผมล้มลงไป   มวยคู่เอกจึงได้ออกหมัดกันตรงนั้น  ผลการชก  หน้าของผมเป็นแผลยาวใต้ตาขามาจนถึงขากรรไกขวา  เพราะโดนเล็บหัวแม่มือจากหมัดเหวี่ยงของไอ้หมอนั่น   แล้วคู่ชกของผมเป็นไงมั่ง   อ้ายนั่นลงไปนอนกุมเป้าเลย  มันโดนหลังteenของผมเข้าที่กลางหว่างขานั่นเอง

	ผู้ปกครองของนักเรียนที่ตีกันโดนเรียกพบ  ส่วนเด็กที่ตีกันไม่ได้เข้าฟังด้วย   พ่อออกจากห้องครูใหญ่มาเงียบๆ   และไม่พูดอะไรกับผมด้วย  จนตอนเย็นหลังเลิกเรียนนั่นแหละผมจึงได้บอกความจริงกับพ่อ
	
(มีต่อครับ)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์