15 กันยายน 2548 09:37 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ฮุบฮวบควบคุมรุมรวบ
ฟักบวบแฟงบุ้งฟุ้งบ้า
เงื่อนง้างอ้างอิงอาวอา
เงินเงื้อฟาดฟ้าดาดิน
2. รรรเริงลันเลงเด้งเด้า
บันเทิงบรรเทาเศร้าปลิ้น
บัญชาบ่งใช้ใบ้ชิน
เงื้อเงินกะกินร้างรอย
3. นี่โน่นนั่นแน่นายหน้า
อ้างเอื้อปู่ป้าพี่พล่อย
ฮุบฮวบควบคุมดุมดอย
ที่ว่างเหลือน้อยแล้วไท
---------------
ขอที่ว่างสำหรับภูมิปัญญาของประชาชนได้ไหมครับ
เว้นที่ มติชนสำหรับประชาชน ได้ไหมครับ
14 กันยายน 2548 17:12 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. เคยหวามแบบหวิวไหว
ในวัยชื่อวัยหวาน
แต่นั่นก็เนิ่นนาน
นับกาลก็ไกลเหลือ
เพียงยิ้มก็ยวนใจ
แม้ไร้ไมตรีเจือ
ทั้งไร้อันใดเอื้อ
ไว้เพื่อให้ต่อฝัน
งดงามในความหมาย
ผ่านกรายก็ลืมมัน
นึกย้อนไปตอนนั้น
ยังขำแบบควบขม
นั่นไหมใครว่ารัก
จำหลักรอยอารมณ์
หวามหวานผสานผสม
ผมว่าแค่ไหวหวิว
2. รักคือรับผิดชอบ
ให้และตอบปักธงทิว
ผูกพันวันอิ่มหิว
บ่ห่างหายให้โหยหา
ดูแลยามแก่โรย
บ่โอดโอยเอ่ยระอา
ร่วมฝันร่วมฟันฝ่า
บ่แค่หวานกับไหวหวาม
ฯ
14 กันยายน 2548 03:09 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ดูเทอญไททั่วทั้ง..............ถิ่นถม
เห็นอยู่ฤาว่าลม..............เริ่มแล้ว
พัดพาเพื่อนตกจม.........วิตก
ลมผกครวญบ่แคล้ว...ลิ่วคว้างกลางหาว
2. ถึงคราวลมปั่นห้วง............เวหน
อีกหน่อยมวลหมู่ชน......จ่อมเศร้า
ใดใดที่เป่ามนต์.........กุมกอบ แมนเฮย
อีกหน่อยคงเร่งเร้า...เอ่ยซื้อครองขยาย
3. อันขายชวนแบ่งชิ้น...........เช่นของ
โดยแต่งบาทครรลอง......ล่อไว้
บรรษัทหมู่ใดครอง......แท้หมู่ ชนฤา
เพียงเอกชนไซร้.........ต่างซร้องแซงขยำ
4. กรรมตกแก่หมู่แร้น...........เอาเหลือ
บางสิ่งบ่งคลุมเคลือ.......เพื่อคว้า
บางสิ่งแอบปนเจือ.....ลวงหมู่ ชนนอ
เห็นเหตุเทวษล้า.....เหนื่อยท้อระทมแสน
----------------------------------------
รัฐแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรเอาไปประเคนแก่เอกชน
ชาวบ้านรับหมากผลคือต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคแพงกันถ้วนหน้า
และบัดนี้สื่อทั้งมวลอันควรเสรีก็มีอันต้องโดนครอบและครองโดยผู้ทรงอำนาจทางการเมือง
ประชาชนจะหวังพึ่งใครเล่าครับ
แบบนี้จะไม่ให้เทวษล้า ระทมไฉน
13 กันยายน 2548 05:46 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. หอมเอยหอมอ่อนซึ้ง....................ทรวงฝัน
อวลกลิ่นกล่อมใยจันทร์.............แจ่มถ้วน
ราตรีต่อตาวัน..........................พาอิ่ม ทรวงเฮย
หกขวบกานท์กล่อมล้วน........รื่นซ้องสโมสร
2. กรองกลอนเกลอบ่ล้า...................แรงหวัง
เพียรอยู่ยิ่งกำลัง.........................พุ่งเร้า
กาพย์โคลงหมู่ชนยัง................เสพบ่ หน่ายแฮ
หกขวบควรค่ำเช้า...............เพื่อนพร้อมพรสรรค์
3. ตะวันจันทร์กล่อมฟ้า....................ต่อฝน
ต่อขวบคลายม่านมล...............แห่งด้าว
สืบวันบ่มทรวงชน................เริงสุข อยู่นอ
หกขวบเพียรข้ามร้าว.........สู่ฟ้าเรืองฉาย
ฯ
12 กันยายน 2548 14:35 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
0 ห่างไกลไปเสียแล้ว
บ่เห็นแววความหวั่นไหว
ดุ่มเดินเผชิญภัย
โศกขมในหล่มฝัน
0 นิราศหทัยร้าว
บ่เห็นคราวมาเคียงกัน
แผกทางต่างบาทสรรค์
คอยแต่หมางจะห่างหนี
0 ต่างธงต่างอันเทิด
ฤาจึงเกิดกฎกาลี
ครวญท้อต่อแต่นี้
ขวัญคงขรมแต่จะขม
ฯ