20 เมษายน 2548 08:00 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ไม่พักบ้าง ไม่รู้ล้า หรือตาวัน
ใยไม่แรมอย่างจันทร์คืนอันเหงา
ไม่หลุบแสงแรงร้อนให้ผ่อนเบา
ไม่คิดเนาเรือนเย็นเลยหรือไร
2. หรือว่าชอบแต่เดินทางอย่างตาวัน
มีภาระอเนกอนันต์สร้างวันใหม่
และเก็บบ่มถมอดีตกาลไว้
เพื่อบางคนขุดใช้เลี้ยงอารมณ์
3. งั้นก็เดินทางต่อเถิดตาวัน
อุ่นโลกที่โศกศัลย์ให้สุขสม
เหน็บหนาวร้าวใดในสุ่มกลม
อบและรมให้กล้า อย่างตาวัน
ฯ
19 เมษายน 2548 14:57 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เชื้อทุกข์ทบทุรยุค
เห็นเข็ญขุกแต่นานครัน
ขอบแคว้นแดนกล่าวขวัญ
โศกรันทดสลดเหลือ
ร่างแหลกกะโหลกหาย
ปราณจบสายลงเป็นเบือ
กี่เชื้อจึงก่อเชื้อ
กลายเชื้อต่อทรชน
โทษทุกข์ยังถมทับ
ชนเจ็บกับหลากเหลี่ยมฉล
หน่อกอแห่งหมากกล
ยังแตกกอกำจายสาน
ถ่างช่องว่างชีวิต
ระหว่างสิทธิ์เกินประมาณ
กับสิทธิ์อันเกือบราน
ลงแล้วโดยการโบยตี
เชื้อทุกข์ทบทุรยุค
เข็ญทบขุกเกินยุคผี
ปราศภัยใยจักมี
ในโลกแลเห็นแต่ตน
ฯ
17 เมษายน 2548 11:03 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
พยับแดด เต้นยิกยิก ยามเที่ยง
แดดที่แผดเปรี้ยง ระอุอ้าว
เมฆเร้น เห็นบ้างคืนแซมดาว
กับก่อนรุ่ง แห่งคืนหนาวบ้างเท่านั้น
ลูกหลานกลับกรุงเทพฯแล้ว
ไปพร้อมกับวี่แววความใฝ่ฝัน
กรูไปหาเงินหากินกัน
พวกเขาหวังมีวัน มีกิน
ก็ราวไก่ คุ้ยเขี่ยข้าวเรี่ยหก
เหงื่อกายย้อยตก บ่สุดสิ้น
ชีวิตเอย ชีวิตติดดิน
บ่ไปจากถิ่น กินอันใด
ไปเถิด สงกรานต์หน้ากลับมาบ้าน
มีเงินมีงานหน้าบานใส
ชนบทถนนแดงแล้งเกินไป
ฝนเลือกตกแต่เมืองใหญ่เป็นหย่อมยัน
ฯ