13 เมษายน 2547 18:08 น.

:::คำขอของกิ้งกือ:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ขอคำกรองสดใสหลายหลายบท
ที่คุณจรดออกจากหัวใจใส
วลีอันคล้องจองขอคล้องใจ
เป็นมาลัยแด่บรรดาประชาชน

ที่ร้องขอก็เพราะความอัตคัด
โลกเราเคลื่อนเร็วจัดเหวี่ยงทุกข์ข้น
ใส่ผองเพื่อนทุกหมู่ทุกผู้คน
เห็นแต่ความร้อนรนบ่ผ่อนคลาย

กว่าความคิดของคนจะตกผลึก
เป็นแก้วงามตามนึกมิใช่ง่าย
กรวดเม็ดกร้าวกระด้างกระดากมีมากมาย
ในทะเลน้ำลายอันเกรอะกรัง

คำของฉันโหลโหล่โคกระบือ
แม้หัวใจใส่ซื่อไม่งกงั่ง
ก็ไม่อาจเด่นดีมีกำลัง
จึงร้องขอเพื่อต่อตั้งพลังใจ

หมายสืบเท้ามั่นคงคงความเชื่อ
มีความฝันเหลือเฟือเพื่อวันใหม่
เห็นปลายทางทอดยาวพร้อมก้าวไป
กล้าเผชิญความแร้นไร้ในเมืองคน

ดูเถิดแววตาฉันกล้าคม
แม้ผ่านการลุกล้มมาหลากหน
ด้วยถ้อยคำของกวีมีแรงดล
ฉันจึงกลายเป็นคนมีแรงใจ

ขอบทกวีสดใสหลายหลายบท
ที่คุณจรดจารจากหัวใจใส
ร้อยวลีคล้องจองไปคล้องใจ
เป็นมาลัยเชื่อมศรัทธามหาชน				
13 เมษายน 2547 00:03 น.

อาอีอาอือ กะลำชวาญ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


อาอีอาอือ   กะลำชวาญ
นักเลงกะหล่ำ  เมืองสามหมอก
---------------------------------------
	 ต้องหยุดรถลงกลางไร่กะหล่ำ
เพราะควันทำ แทบสำลักโอยหนักหัว
ถ้าไม่หยุดเห็นท่าจะน่ากลัว
อุณหภูมิชี้ตัวเลขสีแดง

	คนขับรถรีบแจ ดูแลรถ
บางคนหมดลายเฉยเคยกำแหง
ใบหน้าเซียวเหลียวดูดินเหมือนสิ้นแรง
ไม่ใช่แกล้งที่เราเห็นคือเป็นลม


	แต่อีกกลิ่น ก็แรงจากแปลงผัก
แน่ใจนักก็กะหล่ำมันงามสม
นี่นั่นโน่นร้อยเข่งเขาเร่งพรม
สารเคมี หมักหมม แบบงมงาย

	คุณอาอี    แกชำนาญ   ในการสวน
ยาฉีดล้วน    แบบแรง   เซลล์ฯแบ่งขาย
อาอีอีก     ซื้อยา    มามากมาย
ผสมยา   บ่กลัวตาย  มือฟายเอา

	คุณอาอือ    เก็บเกี่ยว  กะหล่ำกอง
จ้างพ่อแม่   พี่น้อง     มาอีกเก้า
มายกเข่ง  ขนไป   เป็นคิวยาว
สดกับขาว ฟอร์มาลิน-พรมกินดี!!!?

	หยุดรถ  ลงกลาง  ไร่กะหล่ำ
เห็นถังยา  คลาคล่ำ   ทุกเถื่อนที่
กะโหลกไขว้ปลิ้นตา   ออกท่าที
ว่าอาอี  เกินผี   แล้วครึ่งตัว

	อีอยากเอ่ย  ถ้อยคำ  ก็อ้ำอึ้ง
อัมพาต   มาถึง    เกือบครึ่งหัว
คงไม่พ้น   คืนค่ำ   อันดำมัว
อาอือ-อั๊ว  อง..ององ.. องอ้องอาย
---------------------------------------------------

	เมื่อหม้อน้ำรถเย็นเห็นทางจร
หลายคนบอกจงไปก่อนที่จะหน่าย
คำอาอือยังติดหูบ่รู้วาย
ปลูกก็ตายกินก็ม่องลองพิฯณา .

	
เย่  !!!!				
12 เมษายน 2547 16:46 น.

ก้องสยาม สิทธิราช

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

(อย่าน้อยใจเลย)

เช็ดน้ำตาเถิดน้องอย่าร้องไห้
เขาจากไปดีแล้วล่ะแก้วขวัญ
เขามาต่อเติมใจให้คืนวัน
เราได้ยิ้มสุขกันวันเขายัง

	แม้มาจากน้ำครำอันต่ำต้อย
จากดงด้อยคนด่าว่าล้าหลัง
แม้สกุลรุนชาติขาดธนัง
คนเขาชังด่าทอราวขอทาน

	เขาไม่เคยฉ้อฉกโกหกโลก
แม้สุดโศกแสบไส้-ใจสะอ้าน
กินเห็ดหอยปูปลามานมนาน
บ่กินเหล็กปูนปานพวกชาญโกง

	 เขาไม่เคย มักได้ กระหายกาม
รักศีล ข้อสาม เกือบสุดโต่ง
ศีลธรรม ครองตัว ทุกชั่วโมง
ธรรมโยง ครองศรัทธา ทุกนาที

	เช็ดน้ำตาเถิดน้องหยุดร้องไห้
เขาจากไปเราโศกหมองทั้งน้องพี่
เทิดศรัทธา  นบคุณงาม  กราบคุณความดี
อันเขามี   ต่อโลกหล้า อย่าน้อยใจ .

-----------------------------------------------------
รำลึก  ก้องสยาม   สิทธิราช    
           ทุกคนรักเธอ
ครูเพิ่งรู้ว่า เธอจากพวกเราไป
----------------------------------------------------				
11 เมษายน 2547 14:51 น.

แสนสวน พันยุทธภูมิ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


บทกวีแนวทดลอง
เขียนจดหมายถึงตัวเอง #4
ชุด เกิดและตายในความจน

ยกสุดท้ายของขุนแข้งนฤมิต
แสนสวน   พันยุทธภูมิ
-------------------------------------------------------

	เตะซ้าย   ถีบขวา  และเตะซ้าย
ยักย้ายรุกขยับสับสีข้าง
ด้วยแข้งขวาจั๋งหนับราวจับวาง
พับในถ่างเป็นโดนซ้ำอย่าสำรวย

	ยกแรกถึงยกห้าลีลาดี
แสนสวนมีมากมายแม่ไม้สวย
ผู้คนชมผู้คนเชียร์บ่เสียมวย
แม้เซียนอยากให้เขาช่วยล้มมวยกิน

	มวยไม่ใช่อันธพาลนี่  ก.พ.
การพนันขันต่อสิเหม่หมิ่น
คนชกมวยเลี้ยงชีวาเพียงหากิน
ใครควรหมิ่นเชิงมวยด้วยเดิมพัน

	เกิดจากปลักรึต้องล้มลงจมปลัก
หัวใจรักการต่อสู้อยู่อย่างฝัน
หอบเอาแรงกับลมใจไปต่อวัน
ในค่ายมวยมุ่งมั่นถึงเมืองแมน

	เริ่มจากสิบเป็นร้อยรับค่าตัว
บ่เคยกลัว  แต่บ่กล้าออกขาแขน
ล้มมวยหมายเงินตาเหยียบหน้าแฟน
ชกลมไปแกนแกนกินสินบน

	มือตีนปิดด้วยทองไหมน้องเอ๋ย
เราควรเฉยหรือต่อยตีแบบมีผล
ปกป้องผู้อ่อนเขลาคราวอับจน
จากอิทธิพลอันธพาล

	แต่นั่นแหละยกสุดท้ายก็มาแล้ว
แสนสวนแผ่วสังเวียนไหวในวันผ่าน
ผืนผ้าใบร้างลิ่มเลือดหลังวันวาน
เซียนมวยยังหยอดคำหวาน-เสียดายมึง

	แสนฯจำหลอกสายตาประชาชี
เพราะพ่อที่ป่วยไข้ไร้ที่พึ่ง
ต้องรักษาด้วยเงินแสนแถนบ่นอึง
แสนก็จึงแทนรูปมวยด้วยรูปแมว

	ที่สุดแสนฯก็สุดขมตรมหัวอก
ชะตาตกเซียนก็หายไปเป็นแถว
ไม่มีผู้มาดูแลมีแต่แจว
แสนฯตายแล้วจากแผลโทรมคราวล้มมวย .				
11 เมษายน 2547 06:15 น.

ขวัญข้าว

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


คิดถึงพ่อบ้างไหม
ดวงใจของพ่อเอ๋ย
เราห่างกันจังเลย
ราวกับอยู่ต่างฟากฟ้า

เคยโอบขวัญเจ้ากับอ้อมอก
เคยเล่าเรื่องตลกให้เริงร่า
พานับดาวพราวพร่างกลางนภา
ผูกเปลนอนที่เถียงนาหอมป่าไพร

เจ้าเล่นเป็นเพื่อนอยู่กับพ่อ
พ่อลืมความเหนื่อยท้อทั้งสิ้นได้
ยิ้มของเจ้าเติมความหวังโลกทั้งใบ
บ่ให้กว้างอย่างแร้นไร้ความร่าเริง

อยากให้ลูกแก้วย้อนไปเยือนรัง
อยู่ข้างหลังแม่ห่วงหาน้ำตาเจิ่ง
รู้ไหม ที่ลูกไปแบบเปิดเปิง
ทั้งวงเวิงย่ายายตายทั้งเป็น


ขวัญใจของพ่อเอ๋ย
ทุกคนเอ่ยชื่อขวัญข้าวเย้าลูกเล่น
ใครกันเล่าว่าเจ้าเป็นซากเดน
ลูกของพ่อดีเด่นแต่ไหนมา

พ่อแม่ยังคงเป็นผืนแผ่นดิน
คือซึมซับได้ทั้งสิ้นเลยไม่ว่า-
สิ่งนั้นดีสิ่งนี้เลวไร้ราคา
เพียงหวังให้ลูกเติบกล้าขึ้นสมวัย

มาเถอะลูกกลับคืนสู่อ้อมอก
ฟังนิทานเรื่องตลกเรื่องใหม่ใหม่
ให้พ่อเป็นลาช้างก็ยังได้
มาหนุนหมอนใบใหญ่นับดาวกัน

มาฟังเพลงแสงดาวพ่อจะกล่อม
ปู่จะเป่าที่กระหม่อมให้จอมขวัญ
แม้นใครอื่นจะคาดหวังลูกอย่างนั้น
แม่กับพ่อไม่คาดคั้นดอกแก้วตา

เพื่อนของเจ้าอาจรักเจ้าเท่าพ่อ
บางทีเพราะมีสิ่งพอให้คบหา
เมื่อไรเจ้าจนใจให้พึ่งพา
คงเห็นเขาเบือนหน้าแล้วอย่างไร

อ้อมกอดของพ่อยังว่างเปล่า
แม้พ่อแกร่งก็รู้ร้าวและหวั่นไหว
พ่อรู้ว่าน้ำตาพ่อตกใน
ตราบที่เห็นหัวใจลูกเฉยเมย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์