24 เมษายน 2547 04:42 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ความเรียงแบบก่อพงษ์
เรื่อง ธุลี
------------------------------------------------
ดินเกิดจากหิน
ป่นลงปนชื้น
เคล้าเศษพืชสัตว์เน่า
หมักทับถม
แทรกด้วยอากาศธาตุ
อยู่เช่นนั้น วันแล้ววันเล่า
พืชได้ยึดราก ยืนต้น
สัตว์และคน ได้เหยียบยืนอาศัย
ดินต่ำ ใต้ตีน
แต่ต่ำต้อย ฤาเล่า
เมื่อพืชสัตว์ตกตาย
ก็ได้อาศัยฝังกาย
อยู่ต่ำใต้ กว่ารอยตีน
ได้ยิน ได้เห็นอยู่ทุกค่ำเช้า
ความจริง คนพืชสัตว์นั่นแล ควรต่ำต้อย
เพราะเกิดอยู่ และตาย สั้นจ้อย ทั้งแสนขลาดและเขลา
แต่ ดินยังอยู่ ยังคงอยู่
แม้ไม่มีหมู่ สิ่งมีชีวิตเช่นเรา
23 เมษายน 2547 20:52 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
(สิ่งที่ซ่อนในสีสันของป่า ยามผลัดใบ)
อีกฟากหนึ่งของทุ่งคือเนินยาว
พวกหมู่ไม้กำลังพราวราวภาพศิลป์
ใบไม้เปลี่ยนสีก่อนร่อนลงดิน
เห็นอยู่อย่างเคยชินแต่ต้องใจ
จำจักทิ้งใบก่อนในตอนนี้
เพื่อกาลหน้าจักได้มีชีวิตใหม่?
หรือน้ำขอดหรือฝนลาสาเหตุใด?
เธอจึงทิ้งถมใบลงพรูพราว
ทิ้งใบก็ไม่ทิ้งกิ่งและก้าน
ผลิดอกตูมเป็นปุ่มปานสะท้านหนาว
เมื่อบานเบ่งกลิ่นหอมไกลไปถึงดาว
เหมือนกับข่าวสื่อถึงกันหลังวันลา
ใช่สินะเธอจะสืบต่อพงษ์
ให้เป็นดงให้คงเห็นอยู่เป็นป่า
ทิ้งใบเพื่อให้ปุ่มดอกแตกออกมา
บานเต็มตาหอมเต็มถิ่นชวนยินดี
ดอกไม้ ให้ทั้งกลิ่นและน้ำหวาน
ตอบแทนการสืบเหง้าและเข้าที่
เผ่าของเธอจึงดำรงและคงมี
คู่ผืนดินผืนนี้นานนับนาน .
22 เมษายน 2547 23:55 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
คิดถึงกรงเทพฯ(คุณอ่านถูกครับ)
----------------------------------------------------
ยังจำได้ฉันเคยไปเมื่อหลายปี
นครนี้มีอะไรเกินใครขาน
จึงเก็บกดจดจำราวตำนาน
ในก้นบึ้งดวงมาลย์ชาวบ้านนา
วันแรกแรกแปลกหน้าน้ำตาไหลผ
มิใช่ด้วยแปลกใหม่ดอกนายขา
แต่เพราะควันรถพรูเต็มหูตา
จึงไหลพรากออกมาราวบ้าบอ
รถราราวมดไรไต่ตอมขอน
ถนนเวียนดังพวกหนอนมันชอนหนอ
เสียงอื้ออึงแผดไล่เอาให้พอ
เสียงตวาดด่าทอก็พอกัน
เสียงเรียกเร่เข้ามาเข้ามาดู
เสียงนกหนูถูกคุมขังดังสนั่น
เสียงร้องขายขายของต่อรองพลัน
เสียงจอแจแหมมันฟังคันใจ
เคยแต่ฟังเสียงลมพรมใบข้าว
ยินเสียงขลุ่ยกล่อมดาวคราวเดือนไหว
ไผ่เสียดกอล้อกันต่อกันไป
ตามแนวไผ่ถ้วนแถวสุดแนวธาร
หลีกย่านคนจอแจแค่แสนคืบ
เห็นซอกหลืบเรียงรายหลายสถาน
ชวนแปลกหน้าเหมือนมดไรไต่วิมาน
คนก่อกรรมทำหน้าบานทุกย่านยวง
คนผู้ขอก็ชุกเกือบทุกมุม
คนผู้หิวเร้นกลุ่มในบึงบ่วง
คนผู้บาปหลอนหลอกซ่อนดอกดวง
ทั้งหมดนั้นเป็นผลพวงอันขื่นเค็ม
ของสิ่งใดในเขตแคว้นแดนนามดี
แต่ซุกซ่อนภูตผีราวฝีเข็ม
ที่เย็บหยาบด้นเดาเอาเต็มเต็ม
จึงแตกปริเหม็นเข้มเหม็นเต็มเมือง
ออกจากซอกโสมมอย่างตรมตรอม
ยังเห็นคนผ่ายผอมซากโซเหลือง
โกยขยะขึ้นมาขายหมายเศษเฟื้อง
ชีวิตคนมะลังมะเลืองดีแท้แท้
รถโดยสารปานกล่องไม้ในเมรุ
ซากน้ำใจบวมฉุทั้งอ่อนแก่
ใครเจ็บจนคนเจ็บใจมีใครแล
หายากยิ่งจริงแหมฉันแพ้ใจ
ที่มั่งคั่งก็อย่างกับมิใช่คน
เพราะกินเลือดเชือดเนื้อคนขัดสนได้
ย่ำยีไม่มีค่าด่าดะไป
ฟังแล้วอยากเกิดใหม่เป็นกบปู
ใช้เล่ห์หลอกกลอกกลิ้งแล้วชิงเอา
ใช้เล่ห์เหลี่ยมเสี้ยมเขาให้นกหนู
เพื่อก่อกวนชวนเชื่อเพื่อพวกกู
แล้วหยิบชิ้นปลากู๋ขึ้นแอบกิน
ในสังคมที่คนแว้งกัดแย่งกัน
โฉมภายนอกเหมือนสวรรค์ทั้งสีกลิ่น
ภายในกลับบัดสีกว่าขี้ดิน
ก็เห็นไหมที่ได้ยินอยู่โครมครืน
เด็กนักเรียนตีกันนั่นอะไร
เป็นผลพวงอันยิ่งใหญ่ในทางขื่น
บอกให้แจ้งแทงใจใครบ้องตื้น
นั่นแหละผลจากผื่นเผินไมตรี
คนตีกันนั่นเพราะกลัวตัวจะอด
กลัวพวกอื่นจะกินหมดเสียทุกที่
และพวกอื่นก็กินจริงทุกสิ่งซี
นี่สังคมนครนี้เป็นแบบนั้น
ก็ไม่ว่า นครไหนก็ไม่ต่าง
เพราะแคว้นนี้มีแบบอย่างทางสร้างสรรค์
คือกดขี่ หลอกลวง เป็นช่วงชั้น
ยินข่าวเฟื่องเมืองสวรรค์
พลันสาธุการ .
&
22 เมษายน 2547 07:46 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ผมจะสงบจิต
ศึกษาพระธรรมวินัย
ให้แตกฉาน
ศึกษา ปฏิบัติดัดสันดาน
หมายเอาพระนิพพานเป็นสำคัญ
ไม่เข้าถึงจะไม่บึ่งมาร้องป่าว
มาประกาศเรื่องราวเป็นข่าวขัน
เจียมจิตตรงยึดหลักของมรรคพลัน
เพื่อดับวันเวียนทุกข์และสุขเอย
22 เมษายน 2547 05:51 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
อ้ายหนู ...มานี่หน่อย
อะไรครับพ่อ
หนูอาบน้ำหรือยัง
อาบแล้วครับ
จริงหรือลูก ( พ่อมองเห็นลูกค่อนข้างมอมแมม )
จริงเสียยิ่งกว่าจริง ( ถ้อยคำของเจ้าลา ในหนังเรื่องเชร็ค )
แล้วกินข้าวหรือยังล่ะ
เรียบร้อยแล้ว พ่อ
เอ๊ะ วันนี้ลูกทำอะไรเร็วขึ้นมากเชียว
ก็ วันนี้ปีใหม่นี่นา
งั้นหรอกเหรอ
เอางี้แล้วกัน
ปีใหม่พ่อจะให้พร
( เด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ๆ พ่อลูบหัวของเขา แล้วจึงเป่ากระหม่อม)
ลูกรับผิดชอบมากขึ้น
ปีใหม่นี้ของให้ลูกเรียนเก่งขึ้น
และโตขึ้นให้ร่ำรวยด้วย ( เพราะตอนนี้พ่อก็เป็นโรคถุงเงินตีบตัน )
ลูกว่า
จริงเร้อพ่อ
ถ้าพรของพ่อเป็นจริง
ทำไมไม่ให้รวยตอนนี้
( พ่อเจอของจริงเข้าให้แล้ว )
เออ มันก็จริงของลูก
ถ้าเราไม่ทำงาน ทำการ
เงินทองมันจะมาจากไหน
อย่างน้อยมันต้องทำงาน
ทำงานเป็นเดือน เงินก็ไหลมาเป็นเดือน
ทำงานเป็นวัน เงินก็ไหลมาเป็นวัน
ไม่เป็นไร พูดผิดพ่อพูดใหม่ได้
ปีใหม่นี้ พ่อจะรักลูกให้มากขึ้นครับ
เด็ก ป.1 ที่อยู่ต่อหน้า ว่า
ผมก็จะรักพ่อมากขึ้นเหมือนกันครับ
พูดแล้วเข้าก็ผละจากอ้อมกอดของพ่อไป
พ่อมองตาม
และนึก ว่าพรสำหรับตัวเอง
คืออะไร ในปีนี้
แล้วก็มานึกออก ว่า
ความจริงผมได้พรที่มีค่ามากที่สุด
มาตั้งแต่วันที่เขาเกิดแล้ว