5 เมษายน 2549 16:33 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. อา...
ข้าพเจ้าจะวางเฉยต่อหัวใจของข้าพเจ้าอย่างไรดี
ในความคำนึงถึงวันที่ผ่านเลย
ที่ข้าพเจ้าได้เคยนั่งอยู่ต่อหน้าท่าน
ในการอันเอ่ยเอื้อน ยกเอาวาทะของเหล่าปรัชญาเมธี
เจ้าสำนักทฤษฎี บรมกูรู มามีแก่ใจแบ่งปันแก่ท่านผู้มีธุลีในดวงตา
2. ก็ในกาลนั้น ๆ
ท่านและแววตาของท่านมิได้บ่งสำนึกอันคดงอ
อันใดต่อข้าพเจ้าเลย
กิริยาเช่นว่านั้น
มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกยิ่งใหญ่อย่างมหาบุรุษ
ผู้ค้นพบสัจการแห่งตนกับความจริงอันยิ่ง แห่งสรรพสัจจะ
3. ในกาลที่ข้าพเจ้าได้ประกาศเว้นบรรทัด นั้น
ข้าพเจ้ารู้สึกถึงอุทกภัยในดวงตา( คำของคุณคุ่น)ที่เร่งรื้น ยากเลี่ยงเร้น
ของข้าพเจ้าเองกับมหามิตรไกลใกล้ ว่าคงจะท้นและนองท่วมไปทั่วในไม่ช้า
ต่อสายเป็นทะเลน้ำตาของเยื่อใยของใจระหว่างข้าพเจ้า มหามิตร
แลมหาประชาชน
4. ณ นาทีที่ข้าพเจ้าได้เว้นบรรทัดไปนี้
ขอท่านโปรดอย่าได้ตัดพ้อต่อว่าข้าพเจ้าเลย
ว่าไฉนไม่ทำหน้าที่อย่างที่เคยทำ
เพราะนั่นจะทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิด
ว่าได้ทอดทิ้งท่านกับทั้งมหาประชาชนด้วย
ข้าพเจ้าขอฝากชนผู้ยากทั้งมวลด้วย
ไว้ในเงื้อมมือเมตตาของท่าน
กับทั้งฝากคำของข้าพเจ้าไว้ด้วย ว่า..
ถ้าชาติหน้ามีจริง หรือข้าพเจ้าได้ผุดขึ้นจากโลกันตมหานรก
ข้าพเจ้าจะกลับมารักประชาชน เหมือนเดิม
ส่วนความคับข้องใจในเรื่องของจริยธรรม
ท่านไม่ต้องครุ่นกังวลใด ๆ
เพราะเมื่อโลกเหวี่ยงหมุนไปตามแรงของคลื่นความเปลี่ยนแปลง
ประชาชนคงสับสนจนชินชาไปเอง
ว่าไม่ใช่สาระสำคัญของการดำรงความเป็นสิ่งมีชีวิตต่างจากสัตว์
5. อา..
( ใช่ นั่นเป็นเสียงสูดหายใจเข้า สั้น และถอนหายใจยาวของข้าพเจ้าเอง)
แต่.. ดูเหมือนว่าข้าพเจ้าเกือบทำใจได้เท่านั้น
อืม..
ท่านยังจริงใจต่อข้าพเจ้าเป็นที่สุด
และแววตาของท่านก็แจ้งว่าจริงอย่างที่สุด
แต่ใยท่านไม่หลอกข้าพเจ้าบ้างเล่า
มหามิตร
เพื่อช่วยให้ข้าพเจ้าเว้นบรรทัดหัวใจได้จริง
พูดมาซักคำเถิด
ว่า.. ข้าพเจ้าจะวางเฉยต่อหัวใจของข้าพเจ้าอย่างไรดี
มนตรีแห่งรัฐ แห่งข้า ฯ
4 เมษายน 2549 18:12 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ท่านช่างรู้หัวใจของข้าพเจ้า
มากกว่าที่ข้าพเจ้ารู้หัวใจของข้าพเจ้าเอง
ท่านกล่าวไม่ผิดเลย
ว่า..
ข้าพเจ้าหมายครอบหัวใจของหมู่ชน
กับทั้งครองสรรพสิ่งถ้วนแคว้นที่ผู้เกิดก่อนรุกรบเสาะหา
กับรบราพิทักษ์สงวนไว้
และก็เป็นจริงด้วย
ที่ว่า..
ทรัพย์สินเงินตรา
เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าหาได้ง่าย
เพราะกลและวิธีที่ข้าพเจ้าใช้นั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยออกแบบไว้
สอดรับกับพยาธิสภาพของสังคมที่ข้าพเจ้าอยู่
คือประดาชน จน เขลา โซไข้ ไร้กำลังรวมกลุ่มหรือแข็งขืนทักท้วง
หรือตั้งคำถามใด ๆ ต่อข้าพเจ้า ในกลกรรมทั้งมวลที่ข้าพเจ้าได้ลงมือไป
2. และก็จริงยิ่งกว่าจริง
เหมือนที่ท่านว่า..
ว่า..
หัวใจของข้าพเจ้ากำลังอยู่ระหว่างห้วงอันเกือบจะหอนโหยหวน
ด้วยข้าพเจ้าไม่อาจขยับย่างไปทางใดได้อย่างสะดวกดาย
ทุกทางที่ข้าพเจ้าประสงค์จะขยับย่าง
มันถูกดึง ถ่วง หน่วง รั้ง กระทั่งเหนี่ยวเน้นและน้าวโน้ม
มิให้เป็นอิสระที่จะกระทำอย่างใจ
ข้าพเจ้าประสงค์ที่จะเว้นบรรทัดซึ่งยิ่งกว่าเว้นวรรคเสียอีก
แต่ข้าพเจ้าก็หาทำได้ไม่
เพราะมืออันทรงอำนาจ
พร้อมที่จะบีบกดหลอดลมหรือกำคั้นคอหอยของข้าพเจ้าทุกเมื่อ
หากข้าพเจ้าคิดจะทำอย่างไม่ขึ้นกับเหล่าเขา ..คนเคียงข้าง
..คนรอบข้างของข้าพเจ้า
3. ท่านช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้าอยากเว้นบรรทัด อย่างน้อยก็จัดวรรคใหม่
แบบที่ข้าพเจ้าไม่ต้องรับโทษานุโทษในกลกรรมอันข้าพเจ้าทำ
ตามอำนาจของคนรอบข้างทรงพลัง
4. ท่านจะไม่ช่วยข้าพเจ้าหรือ
ประดาประชาชน
5. ( ฮ่วย )
2 เมษายน 2549 19:48 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ที่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเอาภาษีของทวยไทย
มาใช้ฟอกฝันและกรรมอันอำพรางของข้าพเจ้าเอง
เป็นเพราะข้าพเจ้าเหนื่อยและเหน็ดหน่ายอย่างยิ่ง
ที่จะตอบคำถามถึงจริยธรรม
ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่มีหน้าที่ที่จะตอบ
กับทั้งไม่มีภาระที่จะครุ่นคิดถึงมัน
อย่ามอบอุดมคติใดแก่ข้าพเจ้าเพื่อจะออกแบบอุดมคติของประเทศ
ข้าพเจ้าเป็นเพียงนักลงทุน
ที่มีผลกำไรสำหรับเวิ้งวงเป็นคติอันอุดมเท่านั้น
2. ( ข้าพเจ้าถอนหายใจ )
เมื่อใดการฟอกฝันและกรรมอันอำพรางของข้าพเจ้าบรรลุเป้าหมาย
เมื่อนั้นข้าพเจ้าจะวางมือไปจากภาวะและภาระอันน่าเหน็ดหน่ายนี้เสียที
3. ใช่..น่าจะเป็นอย่างที่ท่านว่า..
ว่า..
ชาติหน้า !
15 มีนาคม 2549 14:45 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ลิ่มโลหิตอันเดิม เพิ่งจะผาก
ทะเลเลือดอันใหม่อันมาก มารอจะฝัง
หทัยทวยไท ฤาบมิหวั่นระย่อ
ต่อห่ากระสุน จากข้างหลัง
ทุกคราประชา ร่ำร้องหาอธิปไตย
แต่สิ่งที่ได้ หทัยหวิดจะขาดจะคลั่ง
มันคือการผลัดคนมากดขี่
และฤา ณ คราวนี้ .. แม่ธรณียิ่งจะสะอื้นดัง
10 มีนาคม 2549 23:52 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ผมกับลูกแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน
ทุกวัน เราใช้เวลายืนอ่านเล่มนั้นเล่มนี้อยู่
จนถึง 5 โมงเย็นก่อนแวะซื้ออาหารถุงกลับไป
กินที่บ้าน
ผมชอบหนังสือ ลูก ๆ ก็คงชอบหนังสือ
ด้วยมั้ง สังเกตที่เขาขอยืมการ์ตูนของคุณครูติด
มือกลับมาอ่านต่อที่บ้านเสมอ
หนังสือที่ผมสะสมไว้หลากหลายมาก
แรก ๆ เป็นวรรณกรรม หลัง ๆ มาเป็นวิทยา
ศาสตร์ ล่าสุดเป็นเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง
ไม่รู้ล่ะ ถ้าลูก ๆ ไม่อ่านจริง ๆผมก็คงยกให้เป็น
ห้องสมุดเพื่อประโยชน์สาธารณะต่อ
หลายปีมานี้ หนังสือบนชั้นมีเยอะขึ้นมาก
บางเล่ม กระดาษเริ่มออกเหลือง และเปราะหัก
ง่ายเวลาบังเอิญพับ บางเล่มผมลืมไปแล้วว่าเคย
ซื้ออ่านเพราะมันนานมากคือนานเป็น 20 ปีแล้ว
บางเล่มผมอ่านซ้ำอีกหลายหนจนจำได้แม่น ทั้ง
อารมณ์เรื่องและลำดับการณ์
เมื่อลองไล่ประเภทและชื่อกลุ่มของหนังสือ
บนชั้นวางแล้ว ผมพบ ว่าหนังสือเกี่ยวกับนายก
รัฐมนตรีมีมากที่สุด
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อครับ หนังสือทั้งหมดนั้น
ทำให้ผมได้รับรู้ว่า..
ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี
น้อยกว่าที่ผมรู้จัก
มาก