16 เมษายน 2547 21:37 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ดงใดดงได๋ด่ำเด๋า
ดับดังดวงดาวดวงได๋
เดือนเด่นดับดวงดาวใด
ด่ำได้ด้อยแด้วดมดิน
(ดอกเดอ)
16 เมษายน 2547 20:47 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ด่าเลยครับ
ด่ากราดประชาชน
ว่าโง่ เขลา และขี้เกียจ
จน และไร้หลัก
คำด่านั้น
มันจะไม่มีทางสะท้อนกับไปยังท่าน ผู้ด่า
ว่า
ท่านทำกับผู้คน
ทำกับประชาชนอย่างไร
เขาจึงได้ โง่ เขลา
ขี้เกียจ
จน
ไร้หลัก
และไร้ศักดิ์
อย่างนั้น
เวลานี้
ที่โลกเปลี่ยนไปมาก
คนรอบโลก
รอบตัวท่านถามท่าน
ว่า
เหตุใด
ประชาชนของท่านจึง
ได้ โง่ เขลา
ขี้เกียจ
จน
ไร้หลัก
และไร้ศักดิ์
อย่างนั้น
ท่านใยไม่ตอบเขา
แต่กลับด่ากราด
ประชาชน
เช่นนั้น
ด่าเถิดครับ
คำด่านั้น
มันไม่สะท้อน
ถึงตัวท่านดอก
แต่ขอถามหน่อย
บรรพชนที่สืบกันมา
ต้องการประชาชน
ที่เป็นเช่นที่ท่านด่า
หรือมิใช่
?????
16 เมษายน 2547 06:18 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
๑
ลูกน้อยในอ้อมแขนเธอร้องจ้า
คงโหยหิวเหนื่อยล้าแล้วเหลือแสน
ขวดนมเปล่าดูดไปได้ลมแทน
ตาเด็กโบ๋ซี่โครงแบนยามหายใจ
ผู้เป็นแม่ก้มขอปากก็ครวญ
เพลงของเธอว่าอย่าด่วนจากไปไหน
โปรดเมตตาบริจาคคนยากไร้
โปรดต่อชีพเติมวัยให้เด็กน้อย
๒
ที่ต่างมุมชานชาลาสถานี
ลายดนตรีของผู้เฒ่าฟังเศร้าสร้อย
สุดสายแนน ลมพัดไผ่ชวนใจลอย
เขายังคอยเมียที่หายมาหลายเพ็ง
ลูกชายวัยสองขวบตาขวาเข
ขาซ้ายเป๋มองเห็นน่วมแผลบวมเป่ง
พ่อกับลูกยังคู่กันขับขานเพลง
หากผู้คนไม่รีบเร่ง คงกราวเกรียว
๓
คนกระเตงลูกน้อยรอคอยรถ
หลายคนเหมือนจะหมดสิ้นแรงเรี่ยว
เหงื่อนั้นโทรมกายาหน้าซีดเซียว
บางคนดูดีทีเดียวทั้งเนื้อตัว
๔
ชายหนุ่มกับหญิงสาวมีหลายคู่
มามุงดูแล้วก็หันไปยิ้มหัว
ความรักคงเบ่งบานเหมือนดอกบัว
คงไม่มีผู้ใดกลัวการแยกทาง
๕
อีกคนเก็บบันทึกแล้วถอนใจ
มองความรักที่จากไปเป็นบางอย่าง
ที่ตอกย้ำให้ช้ำใจไม่เคยจาง
และยังคงเดินทางอย่างเดียวดาย .
15 เมษายน 2547 21:52 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
จากบ้านย่านนาสู่ป่าอ้อย
ไปขายแรงเอาเงินร้อยไว้ต่อฝัน
หมายเก็บทองเต็มไถ่ไปแต่งกัน
เธอก็คงรอวันอันชื่นชวน
ว่าโอ้หนอเงินทองของหายาก
กายลำบนทนลำบากใจปั่นป่วน
บางครั้งเขาโกงค่าจ้างต้องนั่งครวญ
คิดถึงแต่แม่ลำดวน ณ แดนไกล
จากมัญจาไปหากินที่เมืองกาญจน์
คิดฮอดเจ้าเยาวมาลย์สองแก้มใส
รออ้ายหน่อยเดอหล้าชบาไพร
มีเงินหมื่นจะคืนไปหาคนดี
คมใบอ้อยร้อยใบให้รอยแผล
บ่รู้สึกย่ำแย่ในทุกที่
เพราะความฝันที่หวังนั้นยังมี
เจ็บเล็กน้อยบ่ยอมหนีไปหนใด
หวั่นแต่เจ้าเป็นอ้อยตาลหว่านเสน่ห์
ให้มดหลงเหลี่ยมเล่ห์แล้วเฉไฉ
มีคนอื่นเคียงข้างทุกทางไป
แล้วปล่อยตัวตามหัวใจทำไม่รู้
ลมตีนป่าคำนี้หวิววี่อีก
แมลงปีกแข็งกรีดสำเนียงขู่
ว่าไกลแล้วไปแล้วขวัญพธู
นิ่งแล้วนึกน้ำตาพรูคืนเงียบงัน
สู้กรำงานเก็บออมถนอมทรัพย์
หมายจะกลับบ่ยอมให้ใครเห็นขัน
เมื่อมีเงินจึงกลับไปไม่ช้าพลัน
อกจาบัลย์เธอปันใจไปตั้งนาน
จึงพลัดบ้านย่านนาคืนป่าเขา
เกิดเป็นชายโง่เง่าอายชาวบ้าน
เงินที่เก็บจากหยาดเหงื่อเพื่อแต่งงาน
จะแจกทานคนยากไร้ ไม่เอาเมีย
ha .
15 เมษายน 2547 07:15 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เมาไม่ขับนับว่าดี
ขับแบบมีใจอยู่ดูดีกว่า
อาทรกันบ้างเถิดดาริกา
จะปาดหน้ากันมากมายอะไรนัก
รถคุณเร่งแรงแซงดี
ออกตัวเต็มที่คนรู้จัก
รถคุณแฟนคุณก็ยังรัก
แต่ชีวิตคุณยาวนักคุณแจ้งนิ
ขับรถมีน้ำใจอาทรกัน
แบ่งปันและอภัยให้ด้วยสิ
ด่วนได้ก็ตายง่ายอย่าได้ริ-
เห็นชีวิตคนอื่นมิมีค่าพอ
เฮ้อ
เพื่อนเอ๋ย
ขับรถมีน้ำใจหน่อย
เอื้ออาทรเพื่อนร่วมทาง้ด้วย
เขาเซ้ฟ เราก็เซ้ฟ
อย่าซิ่งแบบเร่งลงนรกกันนักเลย