20 เมษายน 2547 14:55 น.

ขอเวลาให้ตัวเองบ้าง

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ขอเวลาให้ตนเองบ้าง
หนทางที่ผ่านไปให้แต่เขา
จริงอยู่บางเทื่อก็เพื่อเรา
แต่ครั้นนานเข้า-เราคือใคร

หันหน้าหาวัดซักวัน
หรืออาจนานกว่านั้นก็ได้
ฟังธรรมสงบรำงับจับใจ
ปฏิบัติธรรมทำให้ใจดี

ที่วัดมีลานปูฟาง
ร่มไม้ก็ใหญ่กว้างเต็มที่
ปักกลดกลางป่าช้า-อาเข้าที
สหธรรมิกก็มีพอประมาณ

ขบฉันวันละมือคือวัตร
อยู่สงัดเพื่อกระทำกัมมัฏฐาน
นั่งยืนเดินนอนตามกาล
มีสติเชี่ยวชาญได้การเชียว

สัมผัสรสธรรมฉ่ำใจ
สมาธิ-เชื่อไหมเพิ่มแรงเรี่ยว
ให้ลุยงานสานชีวีดีทีเดียว
บ่ถดถอยบนทางเปลี่ยวเดียวดาย

สิ่งเหล่านี้สัมผัสรู้เฉพาะตน
บางคนสงบเย็นง้ายง่าย
ได้เห็นแล้วก็ชื่นชมเพื่อนหญิงชาย
เข้าวัดแล้วสบาย
อยากให้ลอง . 



----------------------------------------------------
บทนี้  ผมเขียนไว้ในนามบรรลุพร นามโนรินทร์ครับ				
20 เมษายน 2547 06:43 น.

เป็นระบบ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



โยนเข้าไป  สุมลงไป  ซ้อนทับใหม่
กองกันไว้   ค้นทุกที  มีแต่ขน
ค้นไม่เห็น ขนออกหา   สาละวน
โออับจน ทนปล่อยไป  ไม่เปลี่ยนแปลง

ก็สะสม แบบสะสุม คลุมเคลือด้วย
ใครอยากช่วยก็ต้องผละขยะแขยง
คุณเล่นปล่อยตามถนัดไม่จัดแจง
จึงเปลืองแรงร้าวล้าน้ำตาคลอ

ก็สะสมความสับสนจนซ้อนสุม
แก่ต่อหนุ่ม กุมขมับสับสนต่อ
ไม่เคยเตรียมหาวิธีที่ดีพอ
จะดีดถ่อไปถามทางได้อย่างไร

เมื่อไม่ฝึกทักษะถูกวิธี
ความชำนาญที่มีจะดีไหม
กับปัญหาที่คอยขวางยามย่างไป
ที่ชนตูมไม่ตั้งใจก็ไม่น้อย

จัดระบบความคิดปิดทางเขลา
ความโง่เง่าที่เหลือเฟือเหลือน้อยหน่อย
เคยปล่อยปละละเลยเคยสำออย
ถึงคราวสอยเขลาทิ้งทำจริงจัง

โยนออกไปขว้างออกไปขนออกไป
พวกหยากไย่อันย่ำแย่แต่หนหลัง
จัดหมวดหมู่ให้ดูดีมีกำลัง
จัดระบบคิดเสียมั่งร้อยชั่งเอย

--------------------------------------------




ผมเก็บมาจากคำของคุณเวทย์ครับผม				
19 เมษายน 2547 19:55 น.

ดอกว่านจากบ้านป่า

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



 
พอฝนพรูพรมพร่างลงกลางไพร
ดอกกระเจียวก็พริ้วไหวแลอ่อนหวาน
ใช่ไหมดงรอเวลานี้ช้านาน
ได้ฝนแรกก็เบิกบานทั่วดินแดน

ดอกสีแดงเขียวขาวพราวพื้นดิน
ยิ่งต้องแดดยิ่งหอมกลิ่นไปไกลแสน
ขวัญดงดอนสวยสะอาดแม้ขาดแคลน
เธอเชื่อมฝันคนขอบแคว้นให้เคลื่อนไป

แม้เป็นเพียงดอกว่านกระจิริด
แต่เธอมีความคิดความฝันใฝ่
สำนึกดีมีเรื่อยมาเพื่อป่าไพร
ทางจะทอดไปถึงไหนเธอใฝ่รู้

วันนี้ดอกกระเจียวจะจากป่า
แสวงหาบ่สับสนเป็นคนสู้
ไปเถิดเธอไปเถิดเราเชิดชู
พวกเราอยู่ดงดอนอวยพรชัย

ไปร่ำเรียนเป็นนิสิตเชี่ยวคิดอ่าน
เรียนจบแล้วรุดคืนบ้านในวันใหม่
มาสร้างสรรค์บ้านป่านะขวัญใจ
จะเฝ้าคอยเธอคืนไพรชื่นใจเอย .				
19 เมษายน 2547 05:38 น.

ศาล เพียงตา

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ตั้งศาลเพียงตากราบอารักษ์
ท่านมีศักดิ์มีสิทธิ์ลิขิตศิลป์
ท่านอำนวยอวยธรรมนำชีวิน
ให้หมู่ชนทั่วถิ่นได้ยินดี

คนผู้เจ็บครอบแล้วปลกปลก
ชะตาตกร่ำไห้ในเถื่อนที่
กรรมเคยก่อก็อยากย้ำว่ากรรมมี
แต่ลืมได้ลืมดีมีแต่ตรม

จึงหอบหิ้วอามิสมาบูชา
ขออารักษ์โปรดเมตตาอย่าเคืองขม
ลูกช้างเขลาเนาโซ่แสนโง่งม
ไม่อวยล่มสลายแน่พ่ายแพ้กรรม

ถ้าลูกช้างชนะความจะย้อนคืน
มาชมชื่นด้วยข้าวปลานานาส่ำ
ปลูกเพียงตาบนบานต่อศาลดำ
พิพากษ์กรรมตามอามิสฯสมจิตเอย				
18 เมษายน 2547 19:37 น.

:::::นา นา นา นา น่า นา:::::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



นากำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้คนรวย
(ของลอกลีลา ทำนอง และ สำเนียงเพลงโฆษณาธนาคารฯหน่อยนะครับ หวังว่าคงไม่คิดเงิน)

--------------------------------------------

อย่าแปลกใจ ในคำ -ถามอันแปลก
ขึ้นบทแรก แบบนี้ เคยมีไหม
บางคนน่ะ กินข้าว มาเท่าใด
ก็ยังไม่ รู้ข่าว ของชาวนา

เล่าให้ฟัง เพราะยัง คงมีแรง
ใช่กำแหง ด้นวัน สร้างปัญหา
คนทำกิน ดิ้นรน สืบคนมา
วันนี้ล้า แรงแล้ว แหละแก้วใจ

แต่ก่อนนี้ มีนา กับมีน้ำ
ก็มีกิน สุขล้ำ คุยคำใหญ่
แต่วันนี้ ที่ทำนา น่ะช้ำใน
ปากบ่ได้ ไอบ่ดัง เออช่างเป็นฯ

นาแปลงใหญ่ กลายกลับ เป็นแปลงจ้อย
ที่ดินใหญ่ แบ่งย่อย ราวของเล่น
ตาแฮกไห้ อาลัยนา ขวัญกระเด็น
ความลำเค็ญ ขยายตัว อยู่ทั่วแดน

ก็ชาวนายุคใหม่ไม่ทำนา
ถนัดใช้เงินตราเป็นขาแขน
จ้างไถคราดปักดำจ้างทำแทน
เกี่ยวนวดขนขึ้นยุ้งแสนจะซำบาย

หากถามว่าราคาข้าวคุ้มอยู่หรือ
คำตอบคือกำไรสูญต้นทุนหาย
กระนั้นยังเร่งจนกระวนกระวาย
จมปลักพ่ายชีพนี้มีแต่ตรม

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น-วันมะรืน
จงเตรียมฟังคนสะอื้นอย่างขื่นขม
คนทำนารายย่อยค่อยค่อยล้ม
อาชีพอันนานนมก็เปลี่ยนมือ


หลังมะรืนอย่าตื่นและตระหนก
ถ้าตลกเรื่องเล่ามาก็อย่าถือ
คนทำนา-มหาเศรษฐี-มีฝีมือ
ปลูกข้าวถือบังเหียนคนบนแดนดิน

จะให้ถูกจะให้แพงมีแรงทำ
กำไรกอบกำไรกำทำได้สิ้น
ข้าวของโลกตกราคาก็อย่ากิน
เพดานบินเหนือชั้นดันดีมานด์

รัฐยังช่วยแบกภาระตลาดโลก
อุ้มคนนามิพาโศกมหาศาล
ทุ่มตลาดนอกเล่นเช่นอาจารย์
อเมริกาพาชาญยิ่งด้านนี้

ทำได้ทำได้เอาใจช่วย
เพราะคนรวยทำนาใหม่ใช่ไหมนี่
เมื่อโลกแล้งข้าวกลับมาราคาดี
คนจนจนจงกินอี้อีกแล้วกัน

ถึงกาลนั้นเราพากันร้องชัยโย
เศรษฐกิจของเราโตจนเกินหวั่น
คนขายข้าวรวยเท่ากับขายน้ำมัน
คนเคยทำนานั้นเหมือนจัณฑาล

เรื่องเล่านี้ยังคงเป็นเรื่องเล่า
แต่งโดยนายโง่เง่าสมองด้าน
-------------------------------------------------------
เมื่อเรารอแต่นัดรัฐบาล
มาจัดการปัญหาเกษตรกร-

แบบคิดแทน พูดแทน และทำแทน
ไม่เห็นแก่นของปัญหาสุมมาก่อน
นิทานนี้จะเป็นแท้และแน่นอน
ก.พ.สอนก็หาไม่ไทยนาเอย.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์