20 พฤษภาคม 2547 05:51 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เจ้ามีสัญชาตญาณเป็นเบื้องต้น
ต้องการอยู่รอด
ต้องการสืบเนื่องลมหายใจ
ต้องการการดำรงอยู่ แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงช่วงสั้น ๆช่วงหนึ่ง
ความรู้สึกเช่นนั้น
ฟูมฟักมาตั้งแต่อ่อนเยาว์
เติบโตขึ้นในจิตใจ
จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
ที่มากจนรู้สึกว่า ถ้าขาด ก็เหมือนชีวิตนั้นพร่อง ด้วยอะไรสักอย่าง
แสวงหา
โหยหา
วันแล้ววันเล่า
เพื่อเอามาเติมลงให้เต็ม แก่จิตใจ
สิ่งนั้นเรียกว่าความรัก หรืออะไรคล้ายอย่างนั้นใช่ไหม
ความจริง
เราอยู่รอดได้
เราสืบเนื่องลมหายใจได้
เราดำรงตนอยู่ได้ ยาวหรือสั้นก็ตาม
ด้วยตัวของเราเองได้
แม้ต้องพึ่งผู้อื่นอยู่มากก็ตาม
การพึ่งตนเองได้มาก
การเอื้อผู้อื่นได้มาก
อย่างนี้ใช่หรือไม่
ที่ทำให้การเรียกร้อง ไขว่คว้าหาความรัก
ทุเลาความรุ่มร้อนอันรุนแรง ให้ผ่อนคลายลงเป็นความสุข สงบเย็น
19 พฤษภาคม 2547 05:03 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะผูกพัน
ไม่อยากร่วมความฝัน
เพราะนั่นทำให้เหงา
ไม่อยากมีเยื่อใย
ไม่อยากเป็นเรา
เพราะไกลแล้วใจเศร้า
เหงาท้อทรมาน
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะแหววหวาน
เพราะไกลใจแตกซ่าน
ระทมอยู่ลึกเหลือ
แต่ใจก็ไหวหวั่น
หวังจันทร์ให้จุ่นเจือ
หวังดาวให้โอบเอื้อ
เหลืออาทิตย์ชูใจ
ชีวิตใยเป็นแบบนี้
ความรักก็มี แต่หาพอไม่
ได้มาแล้วยังอยากได้ต่อไป
ทุกข์ถมตรมใจไม่จาง
19 พฤษภาคม 2547 03:04 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะผูกพัน
ไม่อยากร่วมความฝัน
เพราะนั่นทำให้เหงา
ไม่อยากมีเยื่อใย
ไม่อยากเป็นสองเรา
เพราะไกลแล้วใจเศร้า
เหงาท้อทรมาน
ไม่อยากเป็นคู่รัก
ไม่อยากจะแหววหวาน
เพราะไกลใจแตกซ่าน
ระทมอยูลึกเหลือ
แต่ใจก็ไหวหวั่น
หวังจันทร์ให้จุ่นเจือ
หวังดาวให้โอบเอื้อ
เหลืออาทิตย์ชูใจ
16 พฤษภาคม 2547 01:55 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
(ฉบับที่ 1) ข้ามไปฉบับที่ 4 เลยก็ได้ครับ ถ้าคุณอ่านฉบับนี้แล้ว
ถ้าเพื่อนเหงาในเช้าไม่ได้ทำงาน
คลิกมานี่มีเรื่องบ้านอ่านแก้เหงา
ฤดูนี้อาจแล้งไปทำใจเอา
แต่บ่เศร้าดอกนายสบายใจ
-------------------------------------
ปีนี้เราได้ข้าวมากเอาการ
และที่บ้านนายใช่ย่อยเป็นร้อยไร่
ข้าวเต็มยุ้ง หุงหรือจี่ข้ามปีไป
ก็ยังเหลือเชื่อไหมไม่เดือดร้อน
พ่อของนายขายปลาได้ห้าหมื่น
นายอย่าทำตาตื่นขอบอกก่อน
ปลามันชุกดุกกับหมอพอสะออน
แต่ไม่น่าออนซอนเท่าช่อนชุก
ขายหนึ่งบ่อเก็บไว้กินอีกหนึ่งบ่อ
รับรองพอเหลืออีกซีมีความสุข
สวนหมากไม้หมากทันก็ทันยุค
คนที่บุกเบิกหรือก็คือนาย
วัวของนายถึงรอบขายคงได้โข
ตัวโต๊โตชาโลเล่ย์เมื่อเทขาย
เกือบห้าหมื่นต่อตัวชัวร์แน่นาย
กลุ่มโคขุนขุนโคขายเป็นนายเงิน
เพื่อนของนายหลายคนบ่นคิดถึง
จำได้ไหมใครคนหนึ่งซึ่งเป๋อเปิ่น
เดี๋ยวนี้มีสี่พระหน่อเรียกพ่อเพลิน
น่าอิจฉามันเหลือเกินคนมีเมีย
เขาปลูกผักหมากไม้อยู่ใกล้เขา
บัดนี้เปิ่นของเราเขาเป็นเสี่ย
มีโรงงานผลไม้ดองนามซองเทีย
มักชวนเราถองเบียร์เป็นประจำ
ถามถึงนายว่ายาหยีมีกี่คน
เราก็ด้นเดาดะกะอย่างต่ำ
ว่าหนึ่งนั้นแน่แท้แกแฮนซัม
เป็นไงคำเราถูกใกล้ไหมเล่าเกลอ
ส่วนสมศรีคนที่ใจมีให้นาย
ตั้งมากมายนายเคยปลื้มลืมแล้วเหรอ
เพิ่งแต่งงานกลัวจะแก่แต่ใจเธอ
ก็ยังคงอยากพบเจอเพื่อปลอบใจ
นายอยู่เมืองบางกอกก็ออกดี
กันดูข่าวทางทีวีตอนปีใหม่
เศรษฐกิจขาขึ้นรื่นฤทัย
ซื้อแล้วขายหุ้นทำกำไรงาม
เมืองโสภาอ่าโอ่ใหญ่โตขึ้น
แต่กันมึนตรงถนนรถล้นหลาม
ยิ่งฟังข่าวอุบัติเหตุทั่วเขตคาม
ยิ่งกลัวยามอยากเดินทางตอนกลางคืน
กันเคยขี่รถที่ บ.ข.ส.
ฟังคนขับคุยแล้วก็ตกใจตื่น
คนเดียวขับจากเมื่อวานยันมะรืน
เขาแข็งขืนตาขยับปนหลับใน
มิน่าเล่าเมืองเราจึงมีเลข
เป็นหลักร้อยในแบบเบรกหาอยู่ไม่
รณรงค์ตรงจุดหรือตรงใจ
จะพูดไปก็เข้ากรอบอีหรอบเดียว
คือคนเรามักได้มักง่ายด้วย
คนอื่นซ-ย คนอื่นเสียเฮียไม่เกี่ยว
มันประกอบเข้าด้วยกันพันเป็นเกลียว
ปีนี้กันไม่กล้าเที่ยวที่ไหนเลย
ก็ไปทุ่งไปนาไปป่าเขา
ดูเรือกสวนนาเราแหละเกลอเอ๋ย
ดีใจตรงคงไมตรีดีเหมือนเคย
เออขอเปรยไว้เล่นเล่นเป็นแนวทาง
ปีหน้าจะหยุดเหงาอย่างเขาเพื่อน
อยากมีเหย้ามีเรือนเหมือนพวกบ้าง
แล้วจะส่งการ์ดมากับเวปกลาง
พร้อมแนบไฟล์ใบหน้านางเมื่อวางใจ
เอาล่ะนะวันนี้มีแต่ฝอย
วันพรุ่งนี้จึงค่อยพบกันใหม่
แต่อย่าคาดหวังเพิ่นจนเกินไป
มีหัวใจคิดถึงเพี่ยน จึงเขียนมา
15 พฤษภาคม 2547 14:44 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ถนนทรายกะได้ไม่เกินวา
เหมือนบีบเล็กเข้ามาแคบกว่าเก่า
สองข้างทางเป็นทิวซ้อนไม้ซ่อนเงา
ตะวันจวนลับเหลี่ยมเขาลงมากแล้ว
ยิ่งสาวเท้ายิ่งห่างไกลยิ่งไม่ทัน
ยิ่งร้องลั่นยิ่งทำให้หัวใจแป้ว
ว่าโอ้หนอรอได้ไหมใยรีบแจว
หรือไม่รักลูกแก้วจึงจ้ำไกล
ทางข้างหน้าดูเปลี่ยวเหงาสีเทาทึม
สองข้างทางรกครึ้มพุ่มไม้ไหว
โค้งข้างหน้าตีบแคบแบบบีบใจ
ไม่ก้าวไปคงคลาดกันหวั่นเหลือเกิน
แม่ครับรอด้วย..
ไร้เสียงขานหวั่นไหวหัวใจเหลือ
ยิ่งหวาดเมื่อสืบเท้าตามจะข้ามห้วย
สะพานผุไม้พังลงใจงงงวย
จะตามแม่ข้ามไปด้วยวิธีใด
เหลียวหาแม่ทางไหนก็ไม่เห็น
ห้วยนั้นลึกใช่เล่นทั้งไกลใกล้
ก้าวเท้าออกบอกแต่เท้าไม่ก้าวไป
สายน้ำใดรินจากตาแสนอาดูร
ฝันร้ายนั้นยังสนิทเหมือนติดตา
สิบกว่าปีผ่านมาหาได้สูญ
จากใจไม่ทั้งใจเดิมเหงาเพิ่มพูน
ความน้อยใจครั้งกระนู้นยังเข่นใจ
----------------------------------
ผมไม่เคยบอกความรู้สึกนี้กับแม่เลย
มันค้างคาอยู่ในใจตั้งแต่วัยเยาว์
ผมรู้ชัดแจ้งในใจเสมอ ว่า
แม่ คือผู้หญิงที่ผมรักที่สุด
ผม ห่วงแม่
ผม หวงแม่
นั่นเป็นความรู้สึกที่ระคนกันอยู่ทุกวัน
ในค่ำคืนที่หลับไปกับอารมณ์เหงา
ผมฝันว่าเงยหน้าขึ้นจากโลก
เห็นแม่ก้าวเท้าช้า ๆ และห่างไกลจากผมออกไป
เบื้องหน้านั้นสว่างนวล
และชื่นเย็น
เสียงอ่อนโยนที่ผมได้ยิน
คุ้นเคยเหมือนกระซิบอยู่ใกล้ใกล้
คำของแม่ ช้า ชัด และแจ่มแล้ว
ว่า ลูกจะช้าอยู่นานแค่ไหน
และแม่ก็มิเคยจากลูกไป
เพียงแต่อยู่คนละฝั่งใจที่ใครใครก็ตกจม
สำหรับหัวใจที่โหยหาแต่ความใยดี
และหวังให้มีความอาทรหุ้มห่ม
นั่นเป็นธรรมดาอย่าเคืองขม
ไม่ใช่ของง่ายที่จะปล่อยวาง
ความรักแน่นอนย่อมหวงห่วง
แต่บ่วงนี้ก็ดีอยู่บ้าง
ตรงที่ทำให้รู้จักจุดหมายปลายทาง
ลาก่อนขอให้ลูกก้าวย่างต่อไป
ตื่นมาแล้วยังเป็นสุขอยู่เหงาเหงา
ตลกจริงไอ้เรามันแบบไหน
โตจนป่านนี้ยังอ่อนการทำใจ
หัวเราะขื่นขื่นแล้วเตรียมตัวออกไปทำงาน .