7 มิถุนายน 2547 21:10 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ฟังข่าวเช้านี้
ฤดีหวั่นไหว
พ่อฆ่าทารก
ยินแล้วตกใจ
โหดหินจริงเขา
เอาหัวฟาดไม้
โยนลงน้ำไหล
ในเจ้าพระยา
หัวใจของคน
ฉงนจริงหนอ
ต่ำเตี้ยกว่าตอ
ดำมอกว่าหมา
ตอนเสพไม่ฉุก
ความสุขบังตา
ตอนเด็กออกมา
จะฆ่าท่าเดียว
ไอคิวเป็นพัน
ขีดขั้นเป็นร้อย
บ่าดาวบ่น้อย
คิดคอยแต่เสียว
ยิ่งเสร็จยิ่งแสบ
เป็นกันแบบเดียว
เมียใครไม่เกี่ยว
เที่ยวไข่ฝากเขา
ศีลธรรมบ่มี
ขี้จึงขึ้นหัว
เห็นแต่แก่ตัว
บ้างแย่งผัวเขา
ทั้งชายทั้งหญิง
ยิ่งยวนยิ่งยั่ว
กันด้วยความชั่ว
จากวันยันเช้า
นรกบนดิน
ได้ยินไหมเพื่อน
ฟังข่าวอยากเบือน-
หน้านั่งบังเสา
สังคมวันนี้
มีแต่คนบาป
อยากให้คนกราบ
แสร้งเสเท่เอา
แท้จริงซ่อนกล
ทั้งฉลทั้งฉ้อ
มนุษย์นี้หนอ
อะเบ้ อะมอ ดูเบา
---------------------------
ผมได้ฟังข่าวอีกแล้ว
ชายหญิงทิ้งลูก
พวกเขาเอาแต่จะเบิกเอาค่าแรงจากพระเจ้าแล้วไม่ยอมทำงาน
งานอะไร
งาน หน้าที่ของนุษย์
คือเลี้ยงชีพของตนของตน
เลี้ยงดูผู้เกิดทีหลัง ก็ลูกของเขาของเขานั่นแหละ
ดูแลผู้ให้กำเนิด
ตอบแทนผู้ทรงคุณ
เอื้อคนรอบข้าง
ฯลฯ
พวกเอาแต่เสียวแล้วไม่รับผิดชอบ
บางทีก็อยากว่าอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าดีกว่า
6 มิถุนายน 2547 05:42 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เพื่อนเอ๋ย
อย่ารังเกียจเดียดฉันท์อย่างนั้นเลย
กายของเราก่อเกิดมาได้
ก็ด้วยเมถุนธรรมนั้น
กามารมณ์เป็นส่วนหนึ่ง
อันธรรมชาติให้ตอบแทนภาระอันหนักยิ่ง
ในการดำรงวงเวิ้งชีวิต-
สืบเผ่าของตนของตน
เอื้อผู้คนผู้ขาด ผู้ขลาด ผู้เขลา
ฯลฯ
และใช่ล่ะ สิ่งอื่นๆก็มีมากด้วย
ที่เอื้อและเกื้อกูลลมหายใจให้สุขสงบ
เพื่อนผู้รับรสจากธรรมชาติอันนั้นด้วยความเข้าใจ
เอ่ยถ้อยทวนนัย
เขาสมควรโดนประณามหรือว่า ต่ำทราม
อย่าเลยเพื่อนรัก
เพราะนั่นก็คล้ายก่นด่า
ผู้ก่อกายของเราของเรา
4 มิถุนายน 2547 23:35 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เราเป็นแค่ลูกจ้างของพระเจ้า
คนขายแรงอย่างเราเป็นเอาหลาย
คือหลงเหลี่ยมอารมณ์จนงมงาย
เป็นทาสบ่นึกหน่ายจริงไหมเกลอ
อัศจรรย์จบเจนอัศจรรย์
ก็อย่างนั้นเมื่อย้อนดูอยู่เสมอ
ซ่านสำรวลมวนเสียวแป็บเดียวเธอ
ก็คว้างเบลอบอดรสโดยหมดแรง
อ่อนโยน-โยกรุก-เร่งขยับ
หลังฝนกลับคิดบ้าขยะแขยง
พระเจ้าหลอกเราอย่างไม่ครางแคลง
ให้สำแดงกิริยาออกอาการ
หลังสำรอกราคะภาระรุก
เห็นแต่ทุกข์ซ้อนใจแห่งวัยหวาน
รับค่าแรงแล้วเบี้ยวไม่ให้ดอกงาน
ก็เห็นแต่นรกานต์ดองฤดี
3 มิถุนายน 2547 21:17 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ข้าทำไม่ได้ดอก
ถ้าจะให้ข้าเนรมิตแต่สิ่งดี ๆ วิเศษ ๆ ในโลกใบนี้
ก็ลองคิดดูซิ มันจะยุ่งพิลึกขนาดไหน
ถ้าในนครใดนครหนึ่งซึ่งตั้งขึ้นมาอย่างวิจิตร
แล้วในนครนั้นก็มีแต่ชนชั้นสูง
ไม่มีชนเหล่าที่จะเก็บกวดเศษใบไม้
เช็ดถูพื้นผิวบาทวิถีของนครให้พ้นจากการคลุมหมองของฝุ่นผง
หรือคอยปิดเปิดทวารบานของนครให้คนในเดินออกคนนอกเดินเข้า
ชนชั้น เป็นของจำเป็นต้องมีเพื่อให้รูปแบบของชีวิตดำเนินไปได้
ถ้าเจ้าปฏิเสธพวกเจ้าจะลองเป็นเศษดินหินธุลีดูไหมล่ะ
ก็ไม่ นั่นแหละไม่มีใครอยากเป็นหินกรวดทรายไร้ปากไร้เสียง
แต่ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าพูดนี่
ถ้าเจ้าเห็นว่าชนชั้นสูงกว่าเจ้าดูแลเจ้าอย่างไร้เมตตาธรรม
หรือเขาก่อกรรมต่ำช้ากว่าเจ้า ใยเจ้าไม่เอ่ยคำใด ๆ เล่า
ก็ในเมื่อเจ้าเอง ไม่เอ่ยถ้อยคำใดออกมาบอกกล่าวแก่เขา
เขาก็ย่อมมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้นเรื่อยไป
เจ้าคาดหวังข้ารึ เจ้ามนุษย์จ้อย
อย่าคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ว่า
ข้าสร้างพวกเจ้าได้
แต่ข้าไม่สามารถคิดแทนพวกเจ้า และไม่สามารถบังคับพวกเจ้าด้วย
จงพูดกันด้วยภาษาของเจ้าเองเถิด
บางที
น้ำตาและเลือดของพวกเจ้าเองนั่นแหละ
เป็นภาษาที่ทรงความหมายอย่างแท้จริง
3 มิถุนายน 2547 07:00 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เธอเป็นแม่ของใคร
ใครเป็นญาติของเธอ
เธอมีเพื่อนไหม
เธออยู่ประเทศไหน
ใยคนเดินหนีเธอ
คำถามของคุณโจ้
-------------------------------------------------------------------
เธอเป็นแม่ของโลกแม่ของลูก
แม่ของคนโดนผูกในกรงตับ
ของความเขลา-โฉด-บ้า คณานับ
รวมทั้งความอาภัพ ความอับจน
เธอเป็นญาติของคนทั้งแผ่นดิน
ที่ชีวินวนอยู่กับความสับสน
กับความเครียดบีบคั้นอันสุดทน
ในวงจรเจ็บจนและเขลาโซ
เธอเป็นเพื่อนของใคร? เธอไร้เพื่อน !
ก็ชีวิตทั้งปีเดือนเหมือนล่ามโซ่
ปากอาจท่องคาถาสวดนะโม
หนี้ชีวิตก้อนโตยังต่อยตี
เธอเป็นคนประเทศทัยรู้ไว้ด้วย
ประเทศนี้คนร่ำรวยเลยทุกที่
รวยสำนึกรวยน้ำใจรวยไมตรี
แต่เดินหนีเธออาดอาดเพราะขาดตังค์