24 พฤษภาคม 2548 17:36 น.

ฟื้นฝอยฯ เรื่องระยองสัมพันธ์

กุ้งหนามแดง

ที่มาที่ไป..
อัลมิตรา:	คุณกุ้ง วันที่ 20-23 ว่างไหมค่ะ เสียงตามสายถามถามมา ว่าที่จริงแล้วจะว่าเสียงก็ไม่เชิง อาศัยเทคโนโลยี MSN นี่แหละ

กุ้งหนามแดง:	ว่างค่ะ (ตอบไปก่อนแล้วค่อยมาคิด) เพื่อนเรามีอะไรด่วนต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่าไม่รู้สิ (ต้องเปิดๆ ไว้ก่อน) เดี๋ยวขอเปิดปฏิทินแป๊บนึง ตรงกับวันอะไรค่ะ อิอิ เดือนอะไร

อัลมิตรา:	พฤษภาคม ค่ะ

กุ้งหนามแดง:	อ๋อ ตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี (จะชวนไปทำบุญวัดไหนหว่า? )  มีอันใดฤา

อัลมิตรา:	จะชวนไประยองน่ะ คุณกอกกเธอชวน ไปมั๊ย

กุ้งหนามแดง:	ไปสิ เดี๋ยวใกล้ๆ ค่อย Confirmed อีกทีน่ะ เผื่อมีงานด่วน    (พักนี้มีงานด่วนประจำทั้งงานราษฏร์และงานหลวง ต้องกันไว้บ้าง)

อัลมิตรา:	โอเค

กุ้งหนามแดง:	..
ฯลฯ

จบการสนทนา..ในวันนั้น..

หลายวันต่อมา คุณอัลมิตราเปิดกระทู้ที่บ้านกลอนไทย มีแผนการเดินทางว่าจะไปไหน อย่างไร มีกิจกรรมอะไรบ้าง
และให้ลงชื่อ Login ยืนยันประมาณนี้ เอ่อ! น่าจะเป็นกิจกรรมในวันหยุดที่ดีทีเดียว Print ไปให้เพื่อนดูดีกว่าชวนไปด้วย จะได้มีเพื่อนนั่งรถไป ตั้งไกล ทิศทางก็ยังไม่คุ้นเคย  เพื่อนก็ช่างใจง่าย เอ๊ย! ใจดีรับปากว่าจะไปด้วย เรารู้หรอกน่า ห่วงกิน เห็นเมนูของอาหารของคุณอัลมิตราแล้วน้ำลายไหลใช่เปล่า โด่ ทำเป็นห่วงเรา (อิอิ) ว่าแล้วก็ไปลงทะเบียนที่กระทู้ไว้สองชื่อทันที วันนั้นก็ตรงกับวันศุกร์ (ที่เวปล่ม) พอดี คิดในใจ (อ้าว! แล้วเค๊ายังไปกันอยู่ไหมเนี่ย เริ่มลังเลซะแล้ว แล้วจะติดต่อกันยังไง โทรศัพท์ไปก็แพง (บัตรเติมเงินที่เพื่อนๆ บริจาคมาก็หมดแล้ว) กลอนก็ยังไม่ได้ลงเลย วัยรุ่นเซ็ง (อิอิ ที่จริงยังไม่ได้เขียนเลยซักกะบทค่ะ ถือเป็นการพักผ่อนไปสองอาทิตย์) เลยไปเขียนรายงานการประชุมที่บริษัทฯ แทนพอแก้ขัด ก็พยายามเปิดเวป เช็คเมล์ เช็คเวปดู เห็นบอกว่าปรับปรุง Server จนกระทั่งวันหนึ่งพบเวปรูปแบบใหม่ Thaipoem Forever อืม! แล้วทู้เก่าๆ อยู่ไหนหว่า งงงง กับของใหม่ (แบบว่าป้าแล้วอ่ะ อุ๊บ! ต้องค่อยๆ คลำทาง) อ้อมีอยู่ตรงเหนือกลอนวนนี่เอง คลิ๊กเข้าไปดูซิ  เฮ้ย! เรื่องเดิมมันหาย อิอิ อ่านๆ ดูถึงรู้ว่า เจ้าบ้าน Update เรื่องเพื่อความกระชับว่าเหตุการณ์ตอนนี้ไปถึงไหน ผู้ร่วมทางมีใครบ้าง ก็เดินๆ ดูอยู่ใจชื้นขึ้นนิดนึง ว่ายังไปกันอยู่ อิอิ

เย็นวันศุกร์ที่ ๒๐ พยายามติดต่อคุณค้างคาวคืนคอน เห็นว่าจะเดินทางมาจาก 
จ.สุราษฎร์ธานี มาลงสายใต้ เราจะต้องผ่านพอดี อิอิ งงละสิกุ้งหนามแดง จะตีรถย้อนไปสายใต้ทำไม กำลังเฉลยอยู่ว่าเพื่อนที่ชวนไปด้วยเขาอยู่ที่พุทธมณฑล ทีนี้ก็คงถึงบางอ้อแล้ว แล้วเกี่ยวอะไรกับบ้างอ้อค่ะ คุณกุ้ง (เดี๋ยวตีตายเลย) ก็ติดต่อไป ตี๊ดๆๆๆๆ ยาวๆๆๆ
สงสัยไม่สะดวกรับสาย อืม! กลับบ้านก่อนระหว่างทาง มีสายเรียกเข้ามา กุ้งก็รับ

"สวัสดีค่ะ นั่นใครเอ่ย..กุ้งกรอกเสียงลงไป มือซ้ายถือโทรศัพท์ มือขวาจับพวงมาลัย (ไม่ได้ขายค่ะ) ตาดูทาง ไม่ได้ดูหน้าจอ (กลัวตาย) เสียงผู้ชายตอบมา (ใครหว่า)

คุณกุ้งหนามแดง ใช่ไหมครับ เสียงเข้มๆ เรียกมา ผมค้างคาว ครับ

ใช่ค่ะกุ้งเอง.. คุณค้างคาวฯ คืออย่างนี้ พรุ่งนี้กุ้งจะออกเดินทางสายหน่อย เกรงว่าคุณจะรอค่ะ

ไม่ต้องกังวลครับ ผมว่าจะไปขึ้นรถที่เอกมัย พร้อมกับเพื่อนๆ ทางโน้น

โล่งอกไปที (คิดในใจ อิอิ) คุณค้างคาวฯจะได้ไม่ต้องรอนาน เราต้องไปธุระก่อนในตอนเช้า คงต้องออกเดินทางสักแปดโมง 

 แล้วเจอกันที่ ระยองน่ะค่ะ ขออนุญาตวางสายก่อน ขับรถอยู่ค่ะ เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ ว่าแล้วก็วางสายไป

ตอนเช้าของวันที่ ๒๑ ก็มาถึง ออกเดินทางจากพุทธมณฑลสายสอง ไปทำธุระที่เพื่อนร่วมงานมอบหมายไว้ เมื่อเสร็จสิ้นก็เดินทางต่อโดยใช้เส้นทางบรมราชชนนี มาขึ้นทางด่วนตรงยมราช ลงบางนา ต่อบูรพาวิถี พอถึงด่านที่บูรพาวิถี เจ้าหน้าที่ให้บัตรกระดาษแข็งมา ลักษณะคล้ายๆ บัตรเติมชั่วโมงอินเตอร์เน็ต มองดูป้ายเห็นว่าเรียกเก็บเงินปลายทาง ก็ขับต่อไป ถนนเส้นนี้มีหลายเลนอยู่ (อิอิ สามเลน) ซ้าย, กลาง, ขวา จะมีป้ายพื้นเขียวอักษรขาวบอกไปตลอดทาง ว่าควรอยู่เลนไหน ครั้นพอถึงทางลงจะมีตู้เก็บเงินดักไว้ (เก็บค่าผ่านทาง เราก็ยื่นบัตรให้เขาไป ที่บริเวณตู้ไม่เห็นมีราคาค่าผ่านทางบอกไว้ (ไม่เหมือนทางด่วนขั้นที่ ๑ และ ๒ ที่บอกไว้ชัดเจนว่ารถแต่ละประเภท เก็บอย่างไร) เข้าใจว่าคงดูจากบัตรที่ว่าโดยคำนวนจากระยะทางที่ใช้ 
เท่าไรค่ะ.. กุ้งถาม (วันนี้ไม่มีฟอร์มยื่นแบงค์ร้อย..หมดตูด..555) 

 ห้าสิบห้าบาทครับ เจ้าหน้าที่ตอบมา เพื่อนก็ยื่นเงินให้ผู้ยากไร้ (จะใครล่ะ ถ้ามิใช่ยัยกุ้ง ) ๖๐ บาท อิอิ มิเสียแรงเปล่า ดีกว่าขับรถบรรทุกซุงเยอะเลย ยังพูดคุยได้ หยิบยืมได้
เอาไปแล้วทอนมาด้วย กุ้งกล่าวพร้อมยื่นธนบัตรให้ เจ้าหน้าที่อมยิ้ม ท่าทางใจดี ยื่นเงินทอนมาให้แล้วกล่าวขอบคุณ เราก็มุ่งหน้าไปจ.ระยอง ดูป้ายไป ตอนเด็กๆ เคยมาทีนึง จำไม่ได้แล้วว่าไปทางไหน แรกๆ ยังไม่มีป้ายไประยอง เราต้องค่อยๆ ดูป้าย ชลบุรี พัทยา ก็ดูตามนั้นเพราะรู้ว่าต้องผ่าน ศึกษาจากแผนที่ทางหลวงคร่าวๆ ว่าเป็นทางหลวงหมายเลข ๓ ก็ใช้ทางนั้นไป มุ่งหน้าสู่โลตัสระยองที่นัดหมาย     ช่วงชลบุรี จะร้อนสลับครึ้ม มีเมฆบางส่วน ขาวๆ ดำๆ พบอุบัติเหตุกลางทางสองจุด เป็นรถบรรทุกตกข้างทางเกาะกลาง (น่าจะเรียกว่าแอ่งกลางมากกว่า) รถติดเล็กน้อย ครั้นเลยจุดอุบัติเหตุจุดแรก รถเริ่มใช้ความเร็วได้ ก็จะพบอุบัติเหตุอีกหนึ่งจุดไม่ห่างกันนัก เป็นรถบรรทุกรถยนต์ ตกข้างทาง คราวนี้ตกข้างซ้ายไม่ทราบเป็นเพราะอะไร (ช่วงนั้น ฝนยังไม่ตก) รถคันนี้บรรทุกรถยนต์ใหม่ไปส่ง มีรถสักห้าคัน เป็นรถเก๋ง สงสารประกันภัยจัง คนขับคงไม่เป็นอะไรน่ะ (นั่งภาวนา) ตรงจุดนี้มีรถจอดอยู่ข้างทางเพื่อดูเหตุการณ์หรืออาจเกี่ยวข้องก็เกินคาดเดา ขับผ่านมาพร้อมทั้งวิจารณ์กับเพื่อน รถมาผ่านทางตัดเป็นหลวงหมายเลข ๗ กรุงเทพ-ชลบุรี เส้นนี้แหละที่จะพาเราหลงได้ (อิอิ ) รู้น่า ขืนขึ้นไปก็กลับกรุงเทพอะดิ อย่าหลวมตัวเชียว ขับต่อไป ถึงแยกไป อ.แกลง ก็ยังไม่เลี้ยว เข้าใจว่าโลตัสระยองน่าจะอยู่ที่ อ.เมือง มากกว่า ..อิอิ คิดถูก บริเวณนี้ฝนเริ่มตกลงมา ใช้ที่ปัดน้ำฝนเบอร์สอง ขับมาอีกระยะหนึ่ง เห็นป้ายโลตัสระยองอยู่ข้างหน้า เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ดูเวลา 10.30 น.สองสาว ก็เดินเล่นสิงานนี้ ไปดูของในซุปเปอร์มาเก็ตกันดีกว่า ลืมสบู่ แปรงสีฟัน (ความจริงไม่ได้ลืม แต่แปรงมันบานแล้ว เอามาก็อายเขาดิ แต่ที่จริงมันนุ่มเหงือกดีน่ะ แปรงบานๆ เนี่ย อิอิ) พอ ๑๑ โมงตามนัด ก็โทรหาคุณอัลมิตรา เขาว่าอยู่ในนี้แหละ แล้วเจอกันที่ศูนย์อาหาร ตื่นเต้นเหมือนกัน (ขอบอก) ชวนเพื่อนเก็บของก่อน (เดี๋ยวเขาว่าหอบฟางไปขายเขา) เมื่อเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปหาที่ศูนย์อาหาร เห็นปู่ลิง คุณอัลมิตราและคุณเรไร (คุณอัลมิตรารูปร่างคล้ายๆ รูปที่ลงในเวป เรื่อง เรียบง่าย สายน้ำอัมพวา. ใส่หมวกด้วย เหมือนในกระทู้  คนนี้แน่นอน) ก็เข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม จับไม้จับมือ ตัวเป็นๆ อิอิ คุณเรไรค่อนข้างงงนิดหน่อย แต่ก็ปรับตัวได้ (แกคงคิดว่าป้าสองคนนี่ มาจากไหนหว่า) เจอคุณพระจันทร์เศร้ากับเพื่อน, คุณ Idaho และคุณชมอักษร  ต่างก็แนะนำตัวกัน ผู้น้อยก็ไหว้ผู้ใหญ่ก็รับ ตามธรรมเนียมไทยๆ สองสาวจากพุทธมณฑล ก็ไปหาของทานกันเพราะใกล้เที่ยงแล้วเริ่มหิว หม่ำกันไปคนละจานสองจาน พอปากมันๆ ก็อิ่มพอดี เป็นเวลาที่ต้องรอเพื่อนๆ ที่ยังมาไม่ถึง คือคุณค้างคาว กุ้งก็ขอตัวไปซื้อยาเพราะค่อนข้างมึนๆ (โดนฝนจ๊ะ ไม่ได้งงที่เจอเพื่อนๆ ) แล้วเจอกันที่ทางเข้า-ออกหน้าห้าง ครั้นกลับมาก็พลัดหลงกันอีก ห้างนี้มีทางเข้าออกกี่ทางหนอ เราก็เพิ่งเคยมา ก็เลยบอกเพื่อนๆ ไป ทางโทรศัพท์ว่ารออยู่ตรงหน้าห้างข้างปั๊มน้ำมัน ปตท นี่แหละ  พี่ปราย..(กอกก) ก็ลงมาทักทายพร้อมกับคุณเพียงพลิ้ว เคยเห็นรูปพี่ปรายมาก่อน (แต่ตัวจริงสวยกว่า เสียงก็เพราะค่ะ อิอิ) เลยแนะนำตัวว่าหนูนี่แหละกุ้งหนามแดง พี่ปรายก็บอกเราจะไปสวนสุภัทราแลนด์กัน  ตามๆ กันไปน่ะ ค่ะ พี่ นำไปเลย เพราะหนูก็ไม่รู้ทางน่ะพี่น่ะ จะมีใครนั่งรถไปกับเราบ้างไหม ถ้ามีจะได้จัดใหม่เพราะรถรถมากๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่มี เราจึงขับรถตามพี่ปรายไป อืม! มีสมาชิกนั่งรถสองแถวตามไปอีกส่วนหนึ่ง คาดว่าคงใช้เส้นทางคนละสายจึงไม่เห็นกัน  พี่ปรายรายงานว่ามากันประมาณ ๒๘ ท่าน พอถึงสวนสุภัทราแลนด์ ก็มารอกันตรงจุดประชาสัมพันธ์ เพื่อรอนั่งรถเพื่อเข้าชมสวน 

รถนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ รถรางคือตัวรถจะยาวๆ แต่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เกียร์ออโต้ด้วย ทันสมัยซะไม่มี จะจัดตอนให้นั่งเป็นแถวๆ นั่งได้เต็มที่แถวละสี่คน (ผู้ใหญ่อย่างผอม) มีกี่แถวก็ลืมนับไปเหมือนกัน อ้อ! ลืมบอกไปแม้จะคล้ายรถรางแต่ไม่ได้วิ่งบนราง แล้วก็ไม่มีตู้พ่วงเหมือนรถไฟค่ะ มีหลังคา ไม่มีประตูหน้าต่าง เปิดโล่งให้รับธรรมชาติแบบเต็มๆ แต่เขาก็มีโครงเหล็กกั้นมีเสายึดกันตกให้เหมือนกัน อัลมิตราแจกตั๋วสำหรับนั่งรถชมสวนแล้วก็แจกสายคล้องคอป้ายชื่อให้ทุกคนเพราะเรายังรู้จักกันไม่ทั่วถึงและส่วนหนึ่งคงเอาไว้สังเกตุกันว่าเรามาด้วยกันจะได้ตามตัวกันสะดวกหน่อย  รถชมสวนมีผลัดเปลี่ยนเข้ามาเป็นระยะๆ เพื่อรับนักท่องเที่ยวชมสวนผลไม้ พวกเราแบ่งกันขึ้นสองคันรวมกันกลุ่มนักท่องเที่ยวรายอื่น เพื่อให้รถเต็มเร็วขึ้น ผู้โดยสารเต็มคันแล้วพร้อมเดินทาง เย้..

พนักงานขับรถรับหน้าที่มัคคุเทศน์พาชมสวนและเล่าถึงความเป็นมาของกิจการ เจ้าของชื่อเรียงเสียงไร ปลูกอะไรบ้าง ขนาดของสวน การบำรุงรักษา ฯลฯ  จุดแรกที่พวกเราไปชิมผลไม้คือเงาะโรงเรียน อืม! ตื่นตาตื่นใจ ยังไม่เคยเห็นเงาะบนต้นสักที อย่างดีก็เห็นในเข่งในหลัว ในรูป อิอิ เดินไปจับๆ จ้องๆ เขาให้เด็ดจากต้นชิมได้เหมือนกันแต่มันสูงอยู่ มีไม้ให้สอยด้วยจะเป็นแบบเชือกดึงๆ เข้าใจว่าคงจะตัดกิ่งลงมา เขาไม่ได้ใช้แบบตะกร้อที่บ้านเราใช้สอยมะม่วง ยังไม่กล้าสอยของเขา เพราะไม่รู้ว่าอันไหนใช้ได้แล้วเดี๋ยวเสียของซะเปล่าๆ พวกเราก็เลยไปรับประทานในกระจาดที่พนักงานเตรียมไว้แล้ว พอสมควรมัคคุเทศน์ก็เรียกขึ้นรถและขับไปอีกจุดหนึ่งผ่านอ่างเก็บน้ำ ซึ่งทางสวนสำรองน้ำฝนไว้ใช้เอง พอถึงจุดชิมผลไม้จุดสอง ณ.จุดนี้มีเต้นท์ผ้าใบ ไม่เหมือนจุดแรกที่จะมีแต่โต๊ะกับกระจาดอยู่ใต้ต้นเงาะ ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะหนึ่งกันฝนให้นักท่องเที่ยว สองมีผลไม้หลายชนิดให้ชิมกัน ที่จำได้ก็มี แก้วมังกร ส้ม มังคุด ชมพู่ มะม่วง มะเฟือง เสาวรส (ผลคล้ายๆ ทับทิมแต่ขนาดเล็กกว่า) และทุเรียน ก็แยกย้ายกันชิมตามอัธยาศัย ณ.จุดนี้มีอ่างล้างมือให้ด้วย ชิมแล้วไม่เลอะมือ ดีจัง เราใช้เวลากันมากหน่อยได้ทักทายเพื่อนๆ เพิ่มเติม มี ลุงผู้เฒ่า และคุณแก้วประเสริฐ ได้สนทนากันเรื่องงานกลอนเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างนี้มีรถอีแต๋นคันเล็กๆ  บรรทุกทุเรียนมาส่งตามเต้นท์ พอได้เวลาอันควร (จอดนานไม่ได้เดี๋ยวนักท่องเที่ยวรอบอื่นจะไม่ได้กินกัน อิอิ)  ทุกคนก็ขึ้นรถเพื่อไปชมสวนมะเฟืองและสวนผักกางมุ้ง (แบบไม่ใช้ดิน แต่ใช้น้ำแทน) ณ.จุดนี้พวกเราลงเดินชมสวนมะเฟืองกัน เป็นที่แปลกตาเพราะเขาทำห้างร้านระหว่างต้นมะเฟืองไว้ลักษณะคล้ายๆ การปลูกองุ่น เข้าใจว่าเพื่อประคองลูกมะเฟืองเอาไว้และเป็นการบังคับไม่ให้ต้นโตไปกว่านี้ คงเป็นเทคนิคทางด้านเกษตรกรรมน่ะ


กุ้งมีความสนใจในผักกางมุ้งเป็นพิเศษ (ก็โรงเรือนดูน่าสนใจนี่นา อีกอย่างชอบหม่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) เลยเตร่เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ ชวนเพื่อน (ที่มาด้วยกัน) คุณอัลมิตรากับคุณเรไร ไปดูด้วยกัน เสียดายที่เขาห้ามเข้าไป (คงเป็นเขตควบคุม กลัวเชื้อโรคมั๊ง) ให้ดูได้แต่เพียงภายนอก ถ้าเข้าได้มีจิ๊กแน่นอน ขอบอก (หรือกลัวประเภทเราน๊อ)  ผักที่ปลูกจะเป็นจำพวกที่เขานำมาทำสลัด มีหลายพันธุ์ หลายขนาดตั้งแต่ระดับอนุบาล (ปลูกในถ้วยเล็กๆ ประมาณถ้วยตะไล) จนถึงระดับมหาวิทยาลัย (พร้อมรับประทาน) โรงเรือนไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิ (ควบคุมคนเข้าเฉยๆ ) แต่ถ้าร้อนก็จะเปิดน้ำให้ผัก เขาทำสปริงเกอร์แบบฉีดฝอยไว้ทั่วๆ แปลงผัก ยกนั่งร้านบอกได้คำเดียวว่าเสียดายไม่ได้เข้าไป..อุตส่าห์ตื้อๆ เสียแรงเปล่า เฮ้อ..เลยเดินกลับมาที่รถกันเพื่อไปชมจุดต่อไป ในสวนนี้มีมะเฟืองลูกใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อนๆ จึงพากันถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

เมื่อออกจากจุดมะเฟืองยักษ์ แล้ว พวกเราจึงเดินทางมาชมสวนองุ่น ก่อนจะมาถึงสวนนี้ต้องผ่านสวนยางพารา (เราเองก็เซ่อซะ นึกว่าปลูกได้เฉพาะภาคใต้ซะอีก) พอเลยมาหน่อยก็เป็นส่วนองุ่นมีทั้งพันธ์สีม่วงและสีเขียว จำไม่ได้หรอกว่าชื่อพันธุ์อะไร เจ้าหน้าที่ก็บรรยายไป พวกเราก็ชื่นชมธรรมชาติรอบๆ สวนกันไป บ้างก็เก็บภาพ พูดคุยหยอกล้อกันบ้าง  เจ้าหน้าที่นำมายังจุดชิมองุ่น ตรงนี้คล้ายๆ อาคารแต่เปิดโล่งไว้มีเจ้าหน้าที่เตรียมองุ่นไว้ให้ชิมกันสดๆ มีลำใยด้วย (โชคดีจัง) ด้านหลังอาคารเป็นที่พักคนงานเป็นเรือนแถวยาวสีฟ้า ส่วนด้านขวาเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยองุ่นที่ยกร่องไว้อย่างดี สดชื่นจัง เมื่อชิมกันจนพอใจแล้ว จึงรวมตัวกันขึ้นรถหมดทัวร์ ณ.จุดนี้ รถนำพวกเรากลับไปยังจุดประชาสัมพันธ์ ก็จุดแรกที่พวกเราขึ้นรถนั่นแหละ เพื่อรับนักท่องเที่ยวกลุ่มต่อไป พวกเราก็ได้พักกัน บ้างก็นำคูปอง (ตั๋วขึ้นรถราง มีสองส่วน ส่วนหนึ่งนำมาแลกมะพร้าวอ่อนและอีกส่วนสำหรับโดยสาร) ไปแลกมะพร้าวอ่อน บ้างทำธุระส่วนตัว บ้างโทรศัพท์ตามเรื่องตามราว ..

พวกเราแยกย้ายกันขึ้นรถกันไปเพื่อกลับสู่ที่พักที่วังแก้วรีสอร์ท กุ้งกับเพื่อนขับรถกันไป โดยมีคุณอัลมิตรากับคุณเรไร ติดรถไปด้วย (ติดด้านในน่ะ ไม่ใช่สติ๊กเกอร์จะได้ติดด้านนอก) คาดว่าคงแออัดมิใช่น้อยตอนขามา (โลตัส --->มาสวนสุภัทราแลนด์) เราให้รถสองแถวนำหน้าไปส่วนเราก็ค่อยๆ ขับตามไป เพราะไม่รู้ทาง จนเห็นป้ายทางเข้าวังแก้วรีสอร์ท เป็นเวลาสี่โมงเย็น ณ.ที่นี่แหละ พวกเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น   พวกเรามาถึงบ้านพักเลขที่ 17 และ 17/1 ต่างแยกย้ายขนสัมภาระลง ผู้ชายอยู่หลังหนึ่ง ผู้หญิงก็อีกหลังหนึ่ง ส่วนเสบียงรู้สึกจะลงระหว่างสองบ้าน กันแย่งกัน (อิอิ) บางส่วนชอบธรรมชาติก็กางเต้นท์อยู่ข้างๆ บ้านพัก เสียงคลื่นเห่กล่อมเป็นระยะๆ ลมพัดแรง ต้อนรับการมาของพวกเรา..

กุ้งกับเพื่อนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง จึงขอแยกไปพักเป็นการส่วนตัว เลยไปจองห้องพักเพิ่มเป็นเรือนชมทะเล ใกล้ๆ กัน เพื่อขอพักสายตาสักงีบหนึ่งเถอะ..เมื่อติดต่อเรียบร้อย จึงขนของไปเก็บที่บ้านพัก แล้วค่อยมาทักทายเพื่อนๆ ภายหลัง เห็นเพื่อนบางส่วนเตรียมอาหาร บ้างไปเล่นบานาน่าโบ๊ท กุ้งกับเพื่อนเลยไปเดินริมทะเลเก็บหินเก็บหอยตามเรื่องตามราว..ริมหาดเห็นคุณอัลมิตราเธออยู่ริมทะเลเหมือนกัน กำลังเล่นทรายอยู่เลยเดินไปคุยนิดนึง พอหิวๆ ก็ชวนกันมาหาของกัน วันนี้มีซีฟู๊ด เมนูหลักเลย ที่เห็นปลาหมึกทอดกระเทียมซีอิ๊ว (เรียกงี้หรือเปล่าไม่รู้น่ะ) ห่อหมก ขาหมูชะมวง (เห็นเป็นใบไม้ๆ อะไรสักอย่าง) และอีกหลายอย่าง บรรยายไม่หมด เรไรทำยำแมงกระพรุนเพิ่ม (อร่อยเชียวเผ็ดด้วย) ส่วนกุ้งกับคุณค้างคาวฯ มาช่วยกันย่างหมึก (แอบน้ำลายไหลไปสามหยด) เมื่อถึงเวลาก็ลงมือรับประทาน หรือโซ้ยนั่นเอง  ง่ำๆๆๆ มีตบท้ายด้วยมังคุด เงาะ และอะไรอีกอย่าง (ลืมแล้ว) มีเป็นกระจาดๆ (อันนี้คงซื้อมาน่ะ ไม่ได้เอามาจากสวนสุภัทราฯ)

ครั้นเวลาอาหารล่วงไปแล้ว พวกหนุ่มๆ มีคุณเรไร, คุณดาวอังคาร คุณเมา บรรเลงเพลงเพื่อชีวิตดีดกีตาร์ เป่าหีบเพลง ปู่ลิงรับเชิญเป็นนักร้องกิตติมศักดิ์ ส่วนมากจะเป็นเพลงของลุงแอ๊ด คาราบาว ส่วนสาวๆ นั่งฟัง ฮึมฮัมตามไป) คุณอัลมิตราบอกว่าจะมีการจับสลากและมีเซอร์ไพร์ด้วย (ไม่รู้อะไร แอบตื่นเต้นอีกแล้ว) ให้คุณปีกฟ้ากล่าวเปิดงานท่ามกลางแสงจันทร์ (ที่นี่ไม่มียุง) เพื่อนๆ นั่งล้อมวง และฟังถึงที่มาที่ไปของเวปไทยโพเอม คุณอัลมิตราให้เพื่อนๆ ทุกคนแนะนำตัวทีละคนตามลำดับ แบบทวนเข็มนาฬิกา จากวงในสู่วงนอก (ต้องนั่งซ้อนกันบางส่วนเพื่อจะได้ยินทั่วถึง) รายละเอียดตอนนี้ฮามาก มีใบ้หวยด้วย (อิอิ) ทุกคนจะบอกว่าตัวเองมีนามปากกาว่ากระไร รหัสสมาชิกคืออะไรและเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร แรงบันดาลใจในการเขียน ฯลฯ (อายุและส่วนสูงไม่มีใครเปิดเผยเลยงานนี้ อิอิ) แต่ส่วนหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความรักในการเขียน..

พอจบการแนะนำตัว คุณปีกฟ้าเริ่มจับสลากเพราะมีของที่ระลึกมอบให้สิบท่าน เป็น NoteBook ไร้สายคนละเครื่อง มีลุ้นนา แต่กุ้งก็ไม่ได้น่ะ  ( แงๆๆ)  เมื่อจบแล้วประธานในพิธีคือปู่ลิงเริ่มจับสลากรอบสอง มีกติกากันว่าสมาชิกที่ไปต้องเตรียมของที่ระลึกไปคนละชิ้น ไม่จำเป็นว่าต้องมีมูลค่า แต่ให้มีคุณค่าทางใจยามเห็นก็พอ) ปู่ลิงจับสลากได้ชื่ออัลมิตรา ก็จะมอบของขวัญที่ปู่เตรียมมาให้คุณอัลมิตรา แล้วคุณอัลมิตราก็จะจับสลากเป็นคนต่อไปตามลำดับ ทยอยกันจับและแลกเปลี่ยนของขวัญด้วยรอยยิ้ม มีกฎว่าใครจำชื่อเพื่อนที่จะให้ของขวัญไม่ได้ ต้องมีการแสดงอะไรสักอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าทุกคนจำได้เลยไม่ได้เห็นจำอวดเลย (เสียดายจัง อิอิ) หลังจากคนสุดท้ายคือปู่ลิงได้รับของขวัญเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จบพิธีการ ต่างคนต่างแยกย้าย บางส่วนร้องเพลงต่อ พ่อหมอค้างคาวฯ มองท้องฟ้าแล้วพยากรณ์ว่าฝนจะตกภายใน 10 นาที กุ้งเลยขอตัวแยกไปนอนก่อน เพราะต้องเดินจากบ้านพักไปอีกหลายหลังอยู่..จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเข้านอนแต่ทว่า..

ค่ำคืนนี้ข่มตาหาหลับไม่
มิตรภาพประทับใจอาลัยเหลือ
พรุ่งนี้เราจากกันวอนจันทร์เจือ
ยืดเวลาเพียงเพื่อสร้างผูกพัน

แม้ดาวน้อยจะลับเมฆทับฟ้า
รัตติกาลเร่งมา..เถอะมาฝัน
อยากอยู่ในอ้อมแขนแดนสัมพันธ์
มิอยากปันเวลานิทรารมย์

เกรงว่าหลับตาลงจะลืมสิ้น
ลำดับภาพหมื่นแสนชิ้นช่างสะสม
จะเลือนหายกลับกลายเพียงสายลม
จำขืนข่มสะอื้นอกวิตกใน

จนฟ้าสางม่อยหลับคลื่นขับกล่อม
แม้จมจ่มในอารมณ์ข่มความไหว
ต้องซุกซ่อนซึมเศร้าร้าวฤทัย
ยิ้มเอาไว้เกลื่อนกลบ..ลบน้ำตา


เช้าวันเสาร์ที่ ๒๑ วันนี้คงอยู่เป็นวันสุดท้ายเพราะมีธุระต้องไปสะสางเพื่อเริ่มงานในเช้าวันอังคาร ตอนเช้าพวกเราไปทานอาหารบุฟเฟท์ที่ร้านอาหารของรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ มีข้าวต้มเครื่อง ต้มเลือดหมู ขนมปังไข่ดาว แฮม กาแฟ ชา ฯลฯ ให้เลือกรับประทานกัน ก็ทยอยกันไป (เขาปิดประมาณ ๙.๓๐ น) เมื่อกลับมายังที่พักยังได้พูดคุยกับเพื่อนๆ อีกหลายๆ คนเช่น คุณคนเมืองลิง คุณเพียงพลิ้ว นายเมา คุณภูตะวันตามพี่ปรายไปจ่ายตลาด นัยว่าจะทำแกงเขียวหวานไก่ กินกับขนมจีน เป็นมื้อกลางวัน (อดเลย) มีโอกาสได้คุยกับคุณตูน..(ผู้หญิงไร้เงา) ตอนคุยไม่ได้สังเกตว่าเธอมีเงาไหม เอาเป็นว่าเธอมีตัวตนก็แล้วกัน (อิอิ) พี่ปรายให้สมุดบันทึกมาขีดๆ เขียนๆ คล้ายๆ เฟรนชิพค่ะเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการมาครั้งนี้ กุ้งก็เซ็นต์เป็นคนที่สองถัดจากคุณปีกฟ้า เพราะเราจะกลับกันวันนี้แล้ว

ความจริงก็ยังไม่อยากกลับ
มิอยากนับเวลาเริ่มถอยหลัง
เทียบความอยากกับความจริงสิ่งน่าชัง
เพราะความจริงอย่างหลังนั่งตีแปลง

ขับให้เคลื่อนด้วยลิขิตรับผิดชอบ
งานหมายมอบต้องทำนำแถลง
ต้องจำใจจากลาอย่าระแวง
กุ้งหนามแดงชี้แจงด้วยความจริง

ขากลับได้ไปลาปู่ลิงกำลังเอนหลังบนเปล ท่าทางปู่สบายๆ ปู่บอกว่าฝากคุณปีกฟ้ากลับด้วยน่ะ  กุ้งเลยบอกคุณปีกฟ้าว่าเราจะกลับกันประมาณ ๑๑.๐๐ น. ขอตัวไปเก็บของที่บ้านพักกับเพื่อนก่อน เมื่อเคลียร์ห้องเรียบร้อยก็มาที่บ้านพักนักกลอน เพื่อมาตามคุณปีกฟ้า เห็นกำลังสนุกกันอยู่ริมชายหาด เล่นฟุตบอลกัน มองไปไกลๆ เห็นคุณอัลมิตราเป็นประตูกำลังเขียนหัวกระโหลกอยู่ นำรองเท้ามากั้นเป็นเขตประตู ไม่รู้ทีมไหนเป็นทีมไหน เสื้อผ้าก็หลากสี สงสัยจะแบ่งเป็นฝ่ายเปียกกับฝ่ายแห้งแหงๆ เลย  (ผลเป็นอย่างไรช่วยบอกทีค่ะ ) เมื่อคุณปีกฟ้าเห็นกุ้งก็รีบขึ้นมาเก็บของ วิ่งมาท่าทางเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เราก็ไปรอที่รถเพื่อเตรียมความพร้อม..เช็คดูยาง ดูโน่นดูนี่..

พี่ปรายมาส่งที่รถ เราเลยขอบคุณในการต้อนรับที่แสนอบอุ่น พี่ยังฝากมาอีกว่าถ้ามาระยองเมื่อไร กริ๊งกร๊างบอกด้วย อิอิ บริการดีๆ อย่างนี้ต้องมีรอบสองแน่นอนพี่ปรายจ๋า เห็นพี่เขาเหนื่อยเหมือนกันกับการจัดงาน ยังไงก็ขอขอบพระคุณพี่ปรายและเพื่อนๆ มา ณ.ที่นี้ มีโอกาสคราวหน้าที่ได้เหนื่อยอีกแน่จ๊ะ สอบถามทางไปบ้านเพจากพี่ปรายเพื่อซื้อของฝากกลับบ้าน..

พี่ปราย: แหม! เสียดายน้องกุ้งน่าจะอยู่อีกสักคืนน่ะ

กุ้งหนามแดง: พอดีมีธุระต้องกลับก่อนค่ะพี่ ขอบคุณพี่มากๆ ค่ะ ตลาดเพไปทางไหนค่ะ พี่ปราย

พี่ปรายจึงตอบมาว่างี้

ออกจากสวนวังแก้วดูทาง
เลี้ยวซ้ายดูรถบาง.ค่อยเขยื้อน
สิบโลกว่าบอกพลาง.แสนห่วง
ยิ้มส่งโบกมือเปื้อนเปี่ยมล้นไมตรี

ครั้นพอถึงป้อมยามวังแก้ว ลืมบัตรจอดรถอีกแล้วแม่กุ้งหนามแดง  แล้วจะออกไงหว่า จะวกรถกลับไปเอามาก็ขี้เกียจ เลยบอกพี่ รปภ ว่าให้ไปหาบัตรจอดรถเอาเองที่บ้านพักเลขที่ ๒๓ อยู่หลังตู้เย็นน่ะ พี่รปภ ก็แสนใจดีไม่ว่าอะไร (กุ้งก็รู้ดีว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนัก แต่อย่างว่าแหละกฎทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นและยืดหยุ่น) เมื่อตกลงกันได้ก็ค่อยๆ ขับเคลื่อนรถมาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด เพราะมีบุคคลสำคัญของพวกเรานั่งมาด้วย กลัวไม่มีบ้านกลอนอยู่อะเด่ะ เดี๋ยวมีเคว้งกันอย่างคราวก่อน ประมาณสิบกิโลเมตร ตามที่พี่ปรายบอก เจอตลาดบ้านเพเลยจอดรถซื้อของ นัดกัน ๑๕ นาที เจอกันที่รถ สงสัยคุณปีกฟ้าจะห่วงของในรถ อิอิ สองสาวเลยซื้อกันซะข้างๆ รถ ส่วนคุณปีกฟ้าแยกตัวไปหาอะไรกิน (สงสัยเหมือนกันไปหาอะไร) ส่วนสองป้าซื้อกะปิ, น้ำปลา  ทุเรียนทอด พอหอมปากหอมคอ  อ้อ! โด๊ปกาแฟโบราณไปคนละถุง ขับรถต้องพึ่งพาพวกนี้บ้างกันหลับ หลังจากเสร็จภารกิจก็ขับรถตรงไป เจอตลาดสดและตรงไปอีก หลงทางค่ะ  ไปเจอสถานีอะไรสักอย่าง ต้องวกรถกลับ ออกไปทางแยกเลี้ยวซ้ายมีรถเยอะทะเบียนกรุงเทพฯ ก็มาก เอ! เขาจะหลงเหมือนเราหรือเปล่าหว่า เสี่ยงเหมือนกันป้ายบอกทางก็ไม่มีซะด้วย แต่สรุปว่าคิดถูกเลยมาถูก ขากลับใช้ทางหลวงหมายเลข ๗ เพราะต้องไปส่งคุณปีกฟ้าที่ ถ.พระราม ๙   

ที่จังหวัดชลบุรีเราแวะเติมน้ำมันและแวะทานข้าวกัน กระเพราไข่ดาว ไข่เจียว ร้อนๆ ก็อร่อยดีค่ะ หิวด้วยปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้วนี่นา เมื่อเรียบร้อยจึงตีรถเข้ากรุงเทพฯ คุยกันบ้างหลับกันบ้าง (แดดมันแยงตาน่ะ) อืม! ได้ส่งคุณปีกฟ้าที่หน้า บริษัท เอวอน ตรงนั้นเป็นแยกพระราม ๙ ตัดถนนรามคำแหง ให้ต่อรถกลับบ้านเอง ส่วนกุ้งก็ไปส่งเพื่อนที่พุทธมณฑล พักผ่อนเล็กน้อยก่อนกลับบ้านตัวเองที่ จ. สมุทรปราการ   เช้าวันอังคาร รีบมาเปิดเวปดู..เห็นคุณปีกฟ้า สบายดี โล่งใจหน่อย..อิอิ


จึงขอจบเรื่องเล่าหนึ่งคืนสองวันที่ระยองแต่เพียงนี้   ส่วนเรื่องราวที่สวนวังแก้ว ในวัน+คืน ที่สอง และเช้าวันที่สามจะเป็นเช่นไร คาดว่าคงได้รับฟังจากนักเขียนท่านอื่นๆ ทยอยเล่าให้ฟังเป็นลำดับต่อไปค่ะ

รายงานโดย กุ้งหนามแดง..

24/5/2005				
20 เมษายน 2548 10:34 น.

ฟื้นฝอยฯ เรื่องวันสงกรานต์

กุ้งหนามแดง

สงกรานต์ปีนี้ได้หยุดถึงห้าวัน เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายสำหรับคนทำงานมากมาก เพราะจะได้พักผ่อน ได้เดินทางไปไหนไกลๆ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลามากนัก เลยวางแผนไว้ว่าจะไปเยี่ยมคุณยายที่พำนักอยู่กับน้าชายที่จังหวัดเพชรบุรี พอดีน้าคนนี้เป็นข้าราชการเพิ่งย้ายไปประจำการสอนที่นั่น คุณยายสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนักเนื่องจากอายุมากแล้ว ก็หลงๆ ลืมๆ บ้าง คุณยายจะรักน้าคนนี้มากเพราะเป็นลูกคนสุดท้องของคุณยาย อีกประการหนึ่งน้าสะใภ้ก็เป็นคนเอาใจเก่ง คุณยายจึงได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ลืมบอกไปว่าน้าเขาไม่มีลูก อยู่กันเพียงลำพังกับสุนัขอีกสองตัว

เมษายนสี่แปดที่ได้ผ่าน
เทศกาลสงกรานต์แสนสุขสันต์
เดินทางไปเพชรบุรีเยี่ยมยายกัน
ตระเตรียมขันน้ำอบครบพานบัว

แวะรับน้าสองคนที่ปากเกร็ด
รวมเบ็ดเสร็จผู้ใหญ่สามเด็กอีกหัว
ลูกผู้น้องอายุห่างหลายช่วงตัว
สัมภาระถ้วนทั่วบรรทุกท้าย

เก้าโมงกว่าขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ
ต่างคนกะเวลาถึงที่หมาย
สองชั่วโมงแน่นอนสบายสบาย
นั่งผ่อนคลายเปิดเพลงบรรเลงฟัง

ถึงสะพานพระรามเก้าเสากระโดง
เชือกระโยงขึงแขวนแล่นข้ามฝั่ง
ธงไตรรงค์ธนาคารผืนใหญ่จัง
สะบัดดังตามแรงกระแสลม 

จราจรเริ่มติดขัดมหาชัย
มองออกไปปริมาณรถสะสม
แน่ถนนพระรามสองต้องปรารมย์
ประเพณีนิยมมุ่งมั่นไป

ข้ามสะพานท่าจีนดังปีนเขา
อยู่ที่เก่าตั้งนานกว่าผ่านได้
ห้าหกช่องสัญจรจอดซ้อนใน
แย่งกันไปคอขวดตรงปลายทาง

จราจรจัดช่องทางพิเศษ
แก้สาเหตุรถมากมายดูหลายหาง
รีดเหลือสองกั้นแบ่งจัดแจงพลาง
เหลือเลนว่างหนึ่งเดียวขาเข้าเมือง				
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:31 น.

เบื้องหลัง...

กุ้งหนามแดง

.....
P: Hello K สบายดีไหมค่ะ
K: สบายดีค่ะ

P: อืม! "Your Mind" ที่แวะไป Comment ตัวเองน่ะ คือเราเองแหละ..
K: นึกแล้วเชียว (ยิ้มในใจ...แหม! ช่างทำไปได้..)
    เราก็กำลังปรับปรุงอยู่น่ะ เขียนได้ไม่ดีนัก ต้องฝึกฝนอีกเยอะเลยตัว..

P: อืม! เรื่องฉันทลักษณ์ พื้นฐานดีแล้ว แต่ยังขาดเรื่องการดำเนินเรื่องอยู่น่ะ ..
K: ก็คิดอยู่แหละ ต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อยน่ะ เราหัวทึบมากเลยตัว..
    ตัวเองสบายดีน่ะ..

P: สบายดีค่ะ ถึงดีที่สุด..(ยิ้มแย้ม)
K: แล้วไปคอมเมนต์งานเค๊าอีกน่ะ เปลี่ยนชื่อบ้างก็ได้ สนุกดี ดูแล้วเหมือนมีคนสนใจดี  แต่ตัวเองต้องแนะนำตัวอย่างให้เค๊าด้วยน่ะ จะได้ดูน่าเชื่อถือหน่อย..(เออออ ไปกับเจ้าหล่อนหน่อยซิ..)

P: ได้เลยเพื่อน แค่นี้ก่อนน่ะ เดี๋ยวไปคอมเมนต์งานคนอื่นบ้าง..แล้วจะเข้าไปคอมเมนต์ให้..
K:  ขอบคุณล่วงหน้าจ๊ะ บ๊ายบาย ( ..จะไปไหนก็ไปเหอะ..จะได้ทำอย่างอื่นบ้าง อิอิ)

P:  เช่นกันค่ะ บายค่ะ..
....				
29 ธันวาคม 2547 10:27 น.

ก่อน-หลัง

กุ้งหนามแดง

แม้เหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ได้ผ่านเข้ามาทำให้พวกเราชาวไทย
ต้องเสียขวัญ สลดใจ กันทั้งประเทศ..จากคลื่นซูนามิ

จากภัยธรรมชาติ...ที่เกินสามารถในการควบคุม..ของมนุษย์ชาติ.

แต่สำหรับภัยที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเอง  ขอโปรดเถิด ระงับการทำลายล้าง..
"สงคราม"  ในทุกมุมโลกของเรา..การทดลองนิวเคลียร์...ที่อ้างว่าเพื่อปกป้องประเทศ..หรืออะไรก็ตาม..

ขอวอนให้พิจารณาอีกครั้ง...เพราะการสูญเสียที่อาจเกิดจากน้ำมือของพวกท่าน..
มันก็คงสร้างความสะเทือนใจให้พวกเราไม่น้อยไปกว่านี้..

ขอทีเถอะ...พวกเราสลดใจ  เสียใจ มากพอแล้ว....

มาร่วมแรง ร่วมใจกัน รักษาโลกใบนี้ให้น่าอยู่...
ทุกชนชาติ มิแบ่งแยก เชื้อชาติ สีผิว ภาษาฯลฯ ต่างมีความต้องการเดียวกันนั้นคือสันติสุข...เพื่อมวลมนุษย์ชาติที่ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ใน ภพภูมิเดียวกัน...

เริ่มเสียตั้งแต่วันนี้...ก่อนที่มันจะสายเกินไป..				
18 ธันวาคม 2547 12:40 น.

ศูนย์เรียนรู้

กุ้งหนามแดง


โธ่เว๊ย! ซุ่มซ่ามจริง จุ๊บแจงสบถออกมาด้วยความโมโห หลังจากเด็กวิ่งมาชนจนเธอเซไป ในระหว่างที่มาหาหนังสือในเทศกาลหนังสือแห่งหนึ่ง จนทำให้หนังสือที่ถือมาหล่นออกจากมือบางส่วน เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่จึงใช้เวลาช่วงเลิกเรียนแวะมาหาหนังสือไปอ่าน..เนื่องจากเป็นทางผ่านก่อนกลับบ้าน จะสะดวกกว่าออกมาอีกรอบหนึ่ง

ขอโทษค่ะ อีกฝ่ายซึ่งเด็กกว่ากล่าวแก้ไขสถานการณ์ พร้อมทั้งกุลีกุจอช่วยเก็บของ

ขอโทษแล้วมันหายมั๊ย เธอยังไม่ยอมเลิกรา

คือหนูไม่ได้ตั้งใจชนพี่ค่ะ หนูจะรีบไปทำธุระ  พร้อมทั้งยื่นของให้จุ๊บแจง

ทีหลังก็หัดดูตาม้าตาเรือบ้าง ดีน่ะที่ไม่มีอะไรเสียหาย เธอร่ายยาวเห็นว่าไม่มีผู้ปกครองของเด็กมาด้วย

ค่ะ หนูไปน่ะค่ะ เด็กคนนั้นกล่าวขอตัวเรียบง่าย เธอไม่คาดหวังว่าจะทำให้อารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามสงบ เพียงแต่หมดความรับผิดชอบของเธอแล้ว ซึ่งจุ๊บแจงก็ไม่ว่าอะไร หน้าตายังไม่คลายความหงิกงอเพราะยังไม่พอใจอยู่..

หมดอารมณ์ดูหนังสือเลย เธอคิดในใจ กะว่าจะมาขนหนังสือไปอ่านเพราะเธอชอบของลดราคาอยู่แล้ว กลับมาเจอเด็กบ้านี่ ยิ่งเครียดเรื่องปรีชาอยู่ด้วย เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแฟนหนุ่มจึงไม่ใส่ใจเธอเท่าที่ควร เมื่อมีปัญหาทีไร เขาก็ไม่ค่อยต่อปากต่อคำ จะเงียบหายไป รอจนเธออารมณ์ดีขึ้นซึ่งก็ไม่เกินสองสามวัน ก็มาขอคืนดี แต่คราวนี้เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่มาสักทีหรืองานจะยุ่งก็ไม่รู้ จะโทรบอกสักนิดก็ไม่มี อ้อ! ลืมไปโกรธกันอยู่นี่  แต่สาวเจ้าอารมณ์อย่างเธอมีหรือจะไปของ้อก่อน อย่างงานหนังสือนี่ประไร นัดไว้ว่าจะมาด้วยกันกลับต้องมาคนเดียวเพราะมีเรื่องกันซะก่อน ..

นี่ถ้าเขามาด้วยน่ะ เราคงไม่ต้องลำบากลำบนอย่างนี้หรอก ซื้อเองจ่ายเองหิ้วเอง ต้องทนหิวอีก เพราะไม่สะดวกกับการต้องกระเตงของไปซื้อคูปองเอง เฮ้อ! อะไรมันจะโชคร้ายกับชีวิตอย่างนี้น่ะน่ะ นี่ถ้าปรีชามาด้วยแม้แต่เด็กคนเมื่อกี๊ก็ไม่มีทางมาชนหรอก เพราะเขาจะคอยกันตัวเธอไว้เสมอ..

กลับบ้านดีกว่า เธอหมดความตั้งใจที่จะซื้อของต่อเพราะเริ่มเหนื่อยอ่อนแล้ว..ยิ่งนึกถึงตอนนั่งรถประจำทางกลับบ้านอีก ไม่มีรถรับ-ส่งบริการเหมือนมีเขา.. 

ถ้ากลับมาน่ะฮึ่ม!...เธอนึกในใจ พยายามเบียดแทรกตัวออกมาจากซุ้มขายหนังสือ พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้น..จะใครที่ไหนเล่าคนที่เคยนัดไว้และไม่เคยผิดนัดเลยสักครา..แม้ครั้งนี้ก็เช่นกัน  เขาคนนั้นกำลังมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน..และเดินมาหาพร้อมยื่นมือมาช่วยถือของ..

ขอโทษน่ะ .....

อะไรน่ะครับ  ปรีชางง กับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของเธอ.. 

เธอมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน และเข้าใจเขาเป็นครั้งแรก...ว่าทำไมเขาถึงจากไป ..และขอบคุณที่เขากลับมา  ให้อภัยเธอเสมอ..				
Calendar
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 56 คน

วฤก

โคลอน

หมอกจาง

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

พี่ดอกแก้ว

แทนคุณแทนไท

แก้วประเสริฐ

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

ผู้หญิงช่างฝัน

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

-ร้อยแปดพันเก้า-

เพรง.พเยีย

เฌอมาลย์

ครูพิม

คอนพูทน

ก่องกิก

ลานเทวา

อินสวน

พิมญดา

ยาแก้ปวด

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

virismara

แกงเขียวหวาน

คนกรุงศรี

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

แย้ม ไกลวันเกิน

พระจันทร์แสงนวล

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

Prayad

Parinya

Lovers  1 คน เลิฟกุ้งหนามแดง
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 3 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุ้งหนามแดง