29 เมษายน 2552 18:40 น.
กุ้งหนามแดง
เขยคนจนข้นแค้นจ่ายหมายสู่ขอ
ฟังคำพ่อฟ่อคำขู่รู้ความหมาย
วัดท่าทางวางท่าทีปรี่วุ่นวาย
ช่างคลับคล้ายชายคุ้มคลั่งคอยนั่งคุม
หวงลูกสาวหาวลามเสียงกลัวเพลี่ยงพล้ำ
ทำหน้าง้ำทำหน้าเง้าผู้บ่าวกลุ้ม
เชิญเถ้าแก่แชถามเกริ่นเดินรัดกุม
คับใจหนุ่มคุมใจนิดคิดออกเรือน
เรียกสินสอดรอดสอดส่องเพียงสองแสน
ทองแนบแน่นแท่นแนบนอนแคลนคลอนเฉือน
ต้องมั่นคงตรงมั่นคำพ่อย้ำเตือน
อย่าแชเชือนเยือนช้ำชอกซ้ำบอกนัย
เชื่อพ่อตาช้าพ่อติจะริรัก
มายึกยึกมักยืดเยื้อเหลือวิสัย
หอบขันหมากหากขุ่นหมองพร่องปัจจัย
ยกกลับไปใยกลับป้อเวียนต่อรอง..
..
29 เมษายน 2552 10:25 น.
กุ้งหนามแดง
บันทึกไว้วันนี้มีสติ
เพื่อยุติข้อพิพาทปรารถนา
จะให้ความเป็นธรรมก่อนอำลา
ไม่ค้างคาติดค้างระหว่างกัน
ยกหัวใจให้ครองอีกสองชาติ
โดยนำบุญตักบาตรเคยร่วมขัน
มาเป็นทุนหนุนรักช่วยผลักดัน
ให้ทุกวันราบรื่นชื่นทรวงใน
ความคิดถึงโปรดนำกรรมสิทธิ์
ผู้แนบชิดเพียงเธอมิเผลอไผล
ความหวังดีพร้อมสรรพกำกับไป
ความห่วงใยรับรู้ช่วยดูแล
ส่วนความรักเก็บไว้ขอใช้ร่วม
มิยกสิทธิ์ใครสวมร่วมกระแส
มรดกร่วมฝันมิผันแปร
มอบรักแท้ตกทอดสู่ยอดรัก
ลงนามด้วยเส้นหนักเป็นหลักฐาน
พร้อมพยานสองนายทนายหลัก
วันเวลาลุล่วงอาจทวงทัก
เป็นขวัญรักปลอบจิตนิจนิรันดร์..
..
28 เมษายน 2552 10:52 น.
กุ้งหนามแดง
เธอเขียนเพื่ออะไรก็แล้วแต่
ไม่เคยคิดตั้งแง่เลยสักหน
ขอเป็นเพียงผู้อ่านเพียงสักคน
ไม่อยากรู้เหตุผลว่าทำไม
แค่บทกลอนสักบทมาถ่ายทอด
อ่านตลอดทุกคำจะรู้ไหม
ขอเป็นผู้รับฟังเสมอไป
หากเธอไม่รังเกียจผู้ติดตาม
อาจทักทายเธอบ้างเป็นบางครั้ง
แต่เธออย่าคาดหวังตั้งคำถาม
ว่าเหตุใดไม่มาให้เห็นนาม
ย่อมเป็นความพอใจไม่ผูกพัน
ต่างก็เป็นอิสระมิแปรเปลี่ยน
ซึ่งผู้เขียนเช่นเธอต้องบากบั่น
เข้าถึงใจผู้อ่านถึงกระนั้น
พิสูจน์ฝันตัวตนคนกวี..
..
24 เมษายน 2552 12:43 น.
กุ้งหนามแดง
น้องก็งามผุดผาดคาดไม่ถึง
พิศตะลึงเกินกว่าคำว่าสวย
พี่อย่าได้ไสส่งและงงงวย
ว่าน้องป่วยทางใจนั่นไม่ดี
วันนี้ลงธรรมะอ่านหรือเปล่า
บทกลอนเศร้าทิ้งไว้ไกลเลยพี่
เปลืองทิชชู่เบอะบะแต่ละที
ชาวบ้านยี้ติเตียนเวียนเข้ามา
หวังพี่ปลอบน้องบ้างเชิญทางนี้
ไม่เซ้าซี้ขอบอกน่ะพี่หนา
ถึงจะอยู่ไกลสุดอยุธยา
คอยเวลาสามารถตัดขาดเธอ
เมื่อหนทางเป็นรองใจน้องแก้ว
คงไม่แป้วลำพังหวังเสมอ
คำรักแท้ตามฝากหลังจากเธอ
อย่าให้น้องรอเก้อ..เผลอน้อยใจ..
..
24 เมษายน 2552 09:31 น.
กุ้งหนามแดง
ข้าพเจ้าทดลองนั่งมองจิต
ด้วยความคิดผ่านเยื่อเนื้อสมอง
ไร้รูปแบบลอบทำอย่างลำลอง
คอยจับจ้องเคลื่อนไหวข้างในนั้น
เห็นอารมณ์ขึ้นลงไม่คงที่
บางสิ่งมียุกยิกค่อยพลิกผลัน
ยิ่งอยากรู้กลับหลงยิ่งงงงัน
นี่ตัวฉันหรือเปล่าไม่เข้าใจ
ใครหยิบจับปากกาขึ้นมาเขียน
ผู้ใดเปลี่ยนคำพ้องคัดกรองใส่
เป็นจิตหรือสมองครอบครองใจ
หรืออะไรสักอย่างระหว่างนี้
สักวันหนึ่งค้นพบคงจบเรื่อง
คงวางมาดปราดเปรื่องเรืองวิถี
หรืออาจจะหดหู่เมื่อรู้ดี
และบางทีเย้ยเยาะเพราะรู้ตัว..
..
..