30 กันยายน 2547 14:34 น.
กุ้งหนามแดง
หักใจคิด เท่าไร ยังไปคิด
เพราะอ่อนไหว ในจิต เกินปิดไหว
พิษรักใคร ฝากจำ ช้ำเกินใคร
เจ็บเจียนตาย สอนให้ ก่อนใกล้ตาย
แผลที่อก ข้างซ้าย แหนงหน่ายอก
ยังขยาย ลายฟก ปรกขยาย
จากเพียงกาย ฝากเจ็บ เก็บติดกาย
เกิดอาการ ฟูมฟาย หลายอาการ
น้ำตาไหล สายตรง ความหลงไหล
น้ำเชื่อมหวาน มากไฟ เลยไม่หวาน
ความร้าวราน กรีดย้ำ ทำร้าวราน
ความระทม พาดผ่าน ซานระทม
จะยันร่าง ลุกยืน ยังฝืนร่าง
ความขื่นขม เป็นทาง วางขื่นขม
ทุกอารมณ์ หม่นหมอง ครองอารมณ์
ได้เชยชม เดียวดาย ...พ่ายเชยชม
29 กันยายน 2547 12:16 น.
กุ้งหนามแดง
อ่อนใจใครพร่ำเพ้อ
บอกรักเธอเจอเมื่อวาน
บอกมาแม่ตาหวาน
เธอทำงานอยู่ที่ใด
ใกล้ไกลจะไปส่ง
น่ะอนงค์อย่าสงสัย
พี่ชายอยู่นี่ไง
บอกก็ได้ในใจเธอ
อุ๊เหม่! เพิ่งพบกัน
จีบกระชั้นมั่นเสนอ
อะไรกันนักเออ
เลยนั่งเอ๋อก่อนเธอไป
พรุ่งนี้ที่เดิมน่ะ
รีบนัดซะก่อนจะไป
ขอเบอร์เจอเข้าให้
บอกงดใช้มันเปลืองตังค์
งั้นเจอร้านก๋วยเตี๋ยว
อยากจะเกี้ยวเลี้ยวความหลัง
เบเกอรี่ฉันชอบจัง
ไม่ชวนมั่งจะนั่งรอ
อ่อนอกและอ่อนใจ
ไปไม่ไหวเลยกลับหอ
อย่ามาพะเน้าพะนอ
จึงบอกพอฉันขอตัว..
29 กันยายน 2547 11:44 น.
กุ้งหนามแดง
แม้สัญฐานรูปทรงคงกำปั้น
พยางค์สั้นหัวใจใช้เรียกขาน
ไม่เคยบั่นหั่นใครให้ซมซาน
คำร้าวรานแม้เพียรเขียนไม่เป็น
เพียงหยิบยื่นไมตรีอย่าชีช้ำ
หยุดตอกย้ำเรื่องเก่าเศร้าแสนเข็ญ
เริ่มวันใหม่ดีกว่ามาลำเค็ญ
ถ้ามองเห็นความหมองของธรรมดา
ความปิติมีค่าน้ำตาล้น
ให้ท่วมท้นเพราะรู้เชิดชูค่า
ควรคู่ความยินดีและปรีดา
ปรารถนาให้ปริ่มเพราะอิ่มใจ
ไม่ยอมหรอกพอกช้ำทำใครเจ็บ
จะขอเก็บพิษเก่าอย่าเข้าใกล้
เอาไปทิ้งสิ่งหลังฝังไกลไกล
เลิกหวั่นไหวหมดความหนามทิ่มแทง
..
29 กันยายน 2547 10:02 น.
กุ้งหนามแดง
หญิงคนหนึ่งเดินทางมาไกลนัก
จึงแวะพักริมสระหมายจะขอ
ล้างหน้าตาสักทีไม่รีรอ
ถอดสร้อยคอบนผ้ามิช้าเลย (๔๖)
แล้วตนเองก็ลงตรงสู่สระ
สัมภาระไว้บนฝั่งดังเปิดเผย
สาวนางหนึ่งผ่านใกล้ใคร่ชมเชย
พี่สาวเอ๋ยสร้อยถักน่ารักจริง (๔๗)
แล้วเอ่ยถามราคาว่าเรื่องสร้อย
ด้ายถักร้อยยั่วตาประสาหญิง
ฝ่ายเจ้าของตอบให้ไม่ชังชิง
มิมีค่าเป็นสิ่งทำขึ้นเอง (๔๘)
หญิงช่างถามหยิบลองหมายครองทรัพย์
ถามเสร็จสรรพใส่คอแหม! เหมาะเหมง
เดินเชิดหน้าจากไปไม่หวั่นเกรง
เจ้าของเร่งฝีเท้าวิ่งก้าวตาม (๔๙)
จึงทักท้วงบอกไปให้คืนของ
ผิดทำนองกลับจ้องหน้ากล้ามาหยาม
นางคนลักผลักไสว่าใส่ความ
มาทวงถามอะไรสร้อยไหนกัน (๕๐)
ฉันใส่เพลินเดินมาว่าแย่งยื้อ
หรือฉันซื้อมาไม่ได้ให้น่าขัน
อย่ามายื้อยุดตัวหยุดพัวพัน
สารพันพูดปัดขจัดภัย (๕๑)
ชาวประชาทั้งหลายได้แลเห็น
สองสาวเป็นคู่ความสุดห้ามไหว
ปลอดพยานทั้งคู่ไม่รู้ใคร
ชวนกันไปศาลาในทันที (๕๒)
มโหสถเล่นอยู่กับสหาย
คนทั้งหลายเดินใกล้ในวิถี
พ่อจงช่วยชี้ชัดตัดสินคดี
เครื่องประดับชิ้นนี้ช่วยคลี่คลาย (๕๓)
มโหสถถามพลางนางทั้งสอง
จะรับรองคำตัดสินหรือสิ้นสลาย
ถ้ายอมรับจะเบิกความตามสบาย
เรื่องวุ่นวายคงจบเลิกรบรา (๕๔)
ทั้งสองคนจึงว่าข้ายอมรับ
จะไม่กลับแย่งยื้อหรือถือสา
สิ้นสุดที่ตรงนี้งดฎีกา
ปรารถนายุตินิติธรรม (๕๕)
มโหสถให้โจทก์โปรดว่าก่อน
นางจึงย้อนรวบรัดตัดเรื่องพร่ำ
เดินทางมาแวะพักลงตรงสระน้ำ
เครื่องประดับงามล้ำวางข้างบน (๕๖)
นางจำเลยเห็นเข้าเฝ้าสอบถาม
สร้อยสวยงามแปลกตาน่าฉงน
จึงสวมใส่ทดลองเช่นของตน
และเดินพ้นจากไปไม่คืนมา (๕๗)
นางจำเลยเบิกความตามวาระ
ได้ยินเสียงจากสระตะโกนด่า
ซ้ำตามมายื้อยุดฉุดกายา
แถมตราหน้าว่าขโมย โอ๊ย!ปวดใจ (๕๘)
มโหสถยินถ้อยร้อยเรื่องเข้า
ไม่ต้องเดารู้ได้โจรหน้าใส
อยู่ดีดีใครจะยื้อตื้อของใคร
เพื่อมิให้ครหาหมดราคี (๕๙)
จึงถามโจทก์เอาอะไรอบสายสร้อย
โจทก์บอกค่อยความหอมพยอมนี่
ฝ่ายจำเลยว่าตามกำยานมี
เอาตัวรอดไปทีตะบี้ตะบัน (๖๐)
มโหสถให้นำสร้อยน้อยแช่น้ำ
แล้วถามย้ำผู้เชี่ยวชาญวานบอกนั่น
กลิ่นของน้ำเป็นเช่นไรให้ว่าพลัน
บอกให้ลั่นกลิ่นพยอมพร้อมชื่นชม (๖๑)
นางจำเลยเฉยไม่ได้ละอายนัก
ของเล็กน้อยยังลักกระอักขม
อย่าเอาผิดเลยแม่แค่เชยชม
เพราะนิยมจึงหยิบมาข้าขอคืน (๖๒)
มโหสถจึงอบรมนางทั้งสอง
จงถือครองในธรรมะจะราบรื่น
จงตั้งมั่นในศีลห้าทุกคราคืน
อย่าได้ขืนทำบาปรับทราบกัน (๖๓)
ราชบุรุษรายงานสานระบับ
เครื่องประดับแจ้งไปให้แข็งขัน
เสนกะทูลตรงความตามเช่นกัน
พระทรงธรรม์รอก่อนอย่าร้อนใจ (๖๔)
27 กันยายน 2547 10:56 น.
กุ้งหนามแดง
รักเธอเสมอใจ
อาจหวั่นไหวเพราะไกลกัน
สายใยแห่งสัมพันธ์
ต้นสายฉันปลายทางเธอ
ยินเสียงที่เรียงร้อย
เพียงส่วนน้อยคอยเสมอ
รำพันมิรู้เบื่อ
ไม่เคยเหลือเผื่อแผ่ใคร
สัญญาคือมั่นคง
เก็บไว้ตรงหฤทัย
เวลาจะเปลี่ยนไป
แต่หัวใจมิใช่เลย
แค่เสียงเพียงประสบ
อาจะไม่ครบพบเปิดเผย
ยังดีกว่าละเลย
คนคุ้นเคย..ไม่เคยลืม..