31 ตุลาคม 2547 15:43 น.
กุ้งหนามแดง
เมื่อความจริงเป็นสิ่งไม่เปิดเผย
คนคุ้นเคยเลยแกว่งระแวงหลัง
ความไว้ใจลดลงคงระวัง
มากประดังแคลงใจคนใกล้ตัว
ในความจริงมีสิ่งไม่น่าเผย
ถ้าเอื้อนเอ่ยอาจขมวดเรื่องปวดหัว
ต้องเก็บงำในมุมกลุ้มส่วนตัว
มิใช่กลัวแต่จำเป็นโปรดเห็นใจ
ภาพที่เผยตามหวังเหมือนบังหน้า
อาจอ่อนล้าเก็บกดสร้างสดใส
อาจฉาบเคลือบเหลือบสุขปิดทุกข์ใน
น้ำตาไหลย้อนกลับแหลกยับทรวง
ขอเปิดเผยเพียงถ้อยเรียงร้อยเรื่อง
อาจขุ่นเคืองต่อไปก็ไม่หวง
แม้ภาพสร้างทำสับสนคล้ายคนลวง
แล้วแต่ดวงหฤทัยเธอไตร่ตรอง..
..
31 ตุลาคม 2547 15:26 น.
กุ้งหนามแดง
วันเวลาผันผ่านกาลปรากฏ
มโหสถปราดเปรื่องเฟื่องอักโข
จากเด็กสู่ผู้ใหญ่ถึงวัยโต
ไม่คุยโวยังอ่อนน้อมและถ่อมตน (๓๓๓)
พระนางอุทุมพรแนะนำให้
หาสะใภ้มาเถิดประเสริฐผล
มโหสถขอเวลาหาด้วยตน
เลือกหาใครสักคนตนถูกใจ (๓๓๔)
เขาปรับเปลี่ยนแปลงเร้นเป็นช่างเสื้อ
อำนวยเอื้อซ่อมเสื้อผ้าหน้าสดใส
มุ่งหน้าสู่ทิศอุดรจรจากไป
หมู่บ้านใหญ่อุตตระวมัชคาม (๓๓๕)
เบญจกัลยาณีตระกูลเก่า
อยู่กับเหย้าพ่อแม่ลูกผูกพันสาม
บัดนี้กลับตกยากลำบากความ
หนึ่งอนงค์นงรามนามอมร (๓๓๖)
บิดานางไปไถนาตั้งแต่เช้า
หน้าที่เฝ้าส่งอาหารงานสมร
มโหสถและเห็นนางระหว่างจร
ดังโดนศรปักอกตกถูกกัน (๓๓๗)
ต่างสบตารู้ว่าอานุภาพ
รักกำซาบซึ้งทรวงบ่วงสวรรค์
มโหสถคิดทดสอบปัญญาพลัน
รู้ไหมนั่นข้อความใบ้นัยที่มี (๓๓๘)
จึงยื่นมือออกไปและกำไว้
มีความนัยโสดหรือเปล่าเจ้าโฉมศรี
นางแบมือตอบให้รู้คู่ไม่มี
ถามคนดีมีชื่อว่าอย่างไร (๓๓๙)
ทั้งอดีตปัจจุบันอนาคต
ไม่ปรากฏว่าข้ามีคำนี้ไข
มโหสถรู้นามความเป็นไป
บอกนางไปว่าอมรใช่ไหมนาง (๓๔๐)
เพราะอดีตปัจจุบันอนาคต
ไม่ปรากฏไม่ตายใครมีบ้าง
ชื่ออมรคือไม่ตายทายถูกทาง
จะเดินทางไปไหนในครรลอง (๓๔๑)
นำข้าวให้บุพพเทพ..อ้อ! คือพ่อ
ท่านไปก่อสิ่งหนึ่งโดยส่วนสอง
ไปไถนาถูกคำตามทำนอง
อยู่ข้างหนองที่คนไปไม่กลับมา (๓๔๒)
ที่นาอยู่ข้างป่าช้าเป็นแน่แท้
ต่างคนแก้ปัญญาได้ไม่หนักหนา
นางเชื้อเชิญร่วมเข้าทานข้าวปลา
ปรารถนาถามทางบ้านนางเอย (๓๔๓)
นางให้คิดปริศนาก่อนหาพ่อ
เจ้าบัณฑิตคิดต่อพอเฉลย
เดินทางถึงบ้านนางกระจ่างเอย
เจอแม่เปรยชวนกินข้าวกล่าวขอบคุณ (๓๔๔)
นางอมรให้ข้ากินจนอิ่มหนำ
เมื่อจบคำแม่รู้ใจได้เกื้อหนุน
แนะนำตัวอาชีวะช่างปะชุน
คิดเจือจุนบ้านนางให้ห่างจน (๓๔๕)
จึงถามหาเสื้อผ้าที่ขาดเก่า
ซ่อมให้เปล่ารู้ชัดยังขัดสน
ฝีมือดีชาวบ้านมาสาละวน
รับจ้างด้นซ่อมปะสะสมเงิน (๓๔๖)
อยู่ร่วมบ้านสองสามวันหมั่นศึกษา
ดูปัญญาสูงลิ่วหรือผิวเผิน
จึงทดสอบหุงข้าวเจ้าดำเนิน
กึ่งทะนานอย่าเกินหุงหาที (๓๔๗)
เป็นข้าวต้มข้าวสวยและขนม
น่าชื่นชมนางตำข้าวขมันขมี
แบ่งสามส่วนแยกไว้ข้าวที่ดี
ต้มทันทีเป็นข้าวต้มสมใจปอง (๓๔๘)
ข้าวสวยนั้นหุงหาจากข้าวหัก
ขนมตักจากปลายข้าวไม่เสียของ
ครบสามอย่างตามสั่งยังทดลอง
มโหสถนั่งมองตำหนินาง (๓๔๙)
ช่างหุงหาอาหารไม่ได้เรื่อง
ทำเป็นเคืองหนักหนายังตาขวาง
นำอาหารผสมกันและเรียกนาง
มานั่งข้างเททั้งหมดรดตัวเธอ (๓๕๐)
แล้วไล่นางออกไปไม่แยแส
ดูให้แน่โกรธไหมในทีเผลอ
ไม่ว่าไรในอาการที่ผ่านเจอ
สม่ำเสมอในอารมณ์น่าชมเชย (๓๕๑)
มโหสถพอใจน้ำใจน้อง
จึงประคองด้วยไมตรีที่เปิดเผย
มอบผ้าดีหนึ่งผืนยื่นให้เลย
และยังเอ่ยให้ชำระล้างร่างกาย (๓๕๒)
พร้อมกันนั้นมอบสมบัติจัดให้เหมาะ
และพูดเพราะกับพ่อแม่ตั้งแต่สาย
จะดูแลนางนี้จนวันตาย
สองตายายบอกสิ้นข้ายินดี (๓๕๓)
ท่านให้ศีลให้พรก่อนจะจาก
เดินไกลมากจากบ้านผ่านวิถี
ร่มรองเท้าแม่อย่าดื้อช่วยถือที
แดดร้อนจี๋ไม่กางร่มเดินชมเพลิน (๓๕๔)
ในที่ดอนรองเท้านางไม่สวม
ดูกำกวมใส่ลุยน้ำต่ำตื้นเขิน
ใต้ต้นไม้นั่งพักบ้างกางร่มเกิน
มโหสถถามเกริ่นเป็นอะไร (๓๕๕)
ฉันกางร่มใต้ต้นไม้กันภัยหัก
หล่นมาจักป้องกันมิหวั่นไหว
สวมรองเท้าในน้ำมิวางใจ
หนามอยู่ใต้ไม่เห็นเป็นอันตราย (๓๕๖)
เมื่อถึงบ้านมโหสถยังทดสอบ
ฝากนางมอบนายทวารประสานสาย
ส่วนตัวเองเข้าเคหะตระเตรียมกาย
ใส่สบายชุดข้าหลวงถ่วงเวลา (๓๕๗)
แสร้งให้คนข้างในออกไปเกี้ยว
ประเดี๋ยวเดียวหน้าม้านซานมาหา
จนสุดท้ายให้ฉุดนางเข้าบ้านมา
กัลยาเห็นงามงดเกินจดจำ (๓๕๘)
นางหัวเราะแล้วร้องไห้ให้สลับ
มโหสถถามกลับไยจึงขำ
นางหัวเราะเพราะเห็นลาภสั่งสมทำ
ร้องไห้ซ้ำเพราะตายไปลาภไม่ตาม (๓๕๙)
มโหสถทำทีเป็นโกรธขึ้ง
ให้คนดึงนางกลับถิ่นสิ้นคำถาม
พอตกเย็นแอบสนิทชิดนงราม
คงติดตามไปที่เรือนช่างเหมือนเดิม (๓๖๐)
พอรุ่งเช้าส่งข่าวเข้าไอศวรรย์
พระทรงธรรม์ทราบความตามส่งเสริม
จัดสมรสพระราชทานงานประเดิม
เป็นจุดเริ่มเรียนรู้มีคู่ครอง (๓๖๑)
30 ตุลาคม 2547 11:23 น.
กุ้งหนามแดง
บนเส้นทางชีวิตลิขิตไว้
มีผู้ให้และผู้รับในทุกหน
ตั้งแต่เกิดจนตายมลายชนม์
ใครหรือพ้นรับส่งจงใคร่ครวญ
แต่เบื้องต้นใครกันให้กำเนิด
ใจประเสริฐสถิตลองคิดหวน
ใครผู้ให้รักครบโปรดทบทวน
หรือเรรวนผิดเล่ากับเงากาล
ยามถึงวัยศึกษาหาความรู้
ยังมีผู้ช่วยฝึกฝนจนแตกฉาน
ใครประสิทธิ์วิชาพาเชี่ยวชาญ
หรือควรผ่านไปหมดเลิกจดจำ
เมื่อถึงวัยครองเรือนยังเตือนจิต
มีคู่คิดแนบเนาทุกเช้าค่ำ
ใครรับส่งคงหนุนอบอุ่นทำ
หรือประจำนำพ้นมิสนใจ
ยามวาระสุดท้ายทิ้งกายร่าง
สู่ความว่างชั่วกัปดังหลับไหล
ใครผู้นั้นชี้วิมุติพิศุทธิ์ไกล
หรือวิสัยทั้งมวลมิควรตรอง
เมื่อดำเนินในทางโลกวางกฏ
ยังไม่หมดผู้รับให้นัยทั้งสอง
ปฏิบัติเหมาะสมตามทำนอง
ใครครอบครองความสุขเข้าคลุกคลี
..
30 ตุลาคม 2547 11:10 น.
กุ้งหนามแดง
พระราชาทรงประทับมุมปราสาท
เรื่องประหลาดทอดเนตรเห็นสัตว์มีหาง
หมากับแพะเห็นชัดเหมือนจัดวาง
ดูทิศทางของสองตัวมันพัวพัน (๓๐๓)
เห็นสุนัขคาบหญ้ามาหาแพะ
ส่วนเจ้าแพะคาบเนื้อมาช่างน่าขัน
ต่างนำมาแลกกันกินพัลวัน
เพราะเรื่องมันซับซ้อนก่อนเป็นมา (๓๐๔)
สุนัขเคยอยู่โรงครัวทำตัวหาญ
ลักอาหารจากสำรับจับตีขา
ส่วนเจ้าแพะลักหญ้าควานฟาดมา
แต่นั้นมาทั้งสองตัวเลยกลัวภัย (๓๐๕)
จึงวางแผนสับตำแหน่งแบ่งกันอยู่
หมาเดินดูโรงช้างได้ไม่สงสัย
แอบคาบหญ้ามาให้แพะแวะเข้าใน
แพะเข้าไปโรงครัวเป็นตัวแทน (๓๐๖)
รีบคาบเนื้อมาให้หมาเพื่อยังชีพ
แล้วก็รีบออกไปไม่เสียแผน
ต่างพึ่งพาอาศัยร่วมในแดน
ไม่ขาดแคลนภักษาทุกคราคืน (๓๐๗)
พระราชาเห็นหมดอยากทดสอบ
หาคำตอบกับปราชญ์มิอาจฝืน
ตอบไม่ได้ต้องตรมล้มทั้งยืน
ต้องขมขื่นปลดออกนอกราชการ (๓๐๘)
ท้องพระโรงวันรุ่งตามมุ่งหมาย
สี่สหายปราชญ์เก่าเข้าราชฐาน
บัณฑิตน้อยก็มาเฝ้าคนเอางาน
ทรงประทานคำถามตอบตามตรง (๓๐๙)
สัตว์สองตัวเป็นศัตรูกลับคู่ได้
เพราะอะไรกันหนาข้าประสงค์
ตอบไม่ได้ปลดจากปราชญ์ขาดมั่นคง
เจตจำนงทดสอบรู้รอบตัว (๓๑๐)
สี่ปราชญ์ขอเวลาสักวันหนึ่ง
แล้วรีบบึ่งกลับบ้านงานปวดหัว
มโหสถทบทวนล้วนใกล้ตัว
องค์เหนือหัวเดินเล่นเห็นอะไร (๓๑๑)
จึงแวะถามพระนางอุทุมพร
เมื่อวันก่อนพระราชาเสด็จไหน
นางบอกลงหน้ามุกขลุกนานไป
ดีพระทัยยังสรวลควรไปดู (๓๑๒)
มโหสถเดินไปชมก็สมเจตน์
ทราบสาเหตุวิถีสัตว์ทั้งคู่
ลาพระนางกลับเคหะออกประตู
กลับคืนสู่สถานบ้านเรือนตน (๓๑๓)
สี่ปราชญ์กลุ้มกุมหัวกลัวตกอับ
อาจถูกปรับหมดลาภภาพสับสน
มโหสถเป็นที่พึ่งของทุกคน
จึงดั้นด้นแบกหน้าช่วยข้าที (๓๑๔)
มโหสถบอกหาเราให้เข้าเดี่ยว
บอกเรื่องเกี่ยวกับสัตว์มิปัดหนี
พรุ่งนี้ค่อยเข้าเฝ้าพระบารมี
ตอบทันทีที่บอกไม่หลอกเอย (๓๑๕)
ในวันรุ่งราชาจึงมาถาม
เอ้าได้ความอย่างไรให้เฉลย
เสนกะว่าเนื้อแพะอร่อยเลย
เนื้อสุนัขนั้นเปรยไม่เคยลอง (๓๑๖)
เพราะฉะนั้นสองตัวจึงเป็นมิตร
พระราชาว่ามิผิดถามปราชญ์สอง
กามินทร์ว่าแพะมีเขาเราเคยมอง
หมาไม่มีจึงต้องเป็นเพื่อนกัน (๓๑๗)
ปุกกุสะว่าหนังแพะปูหลังม้า
แต่หนังหมาเขาไม่ใช้ให้ขบขัน
เพราะอย่างนี้ทั้งสองต้องเพื่อนกัน
องค์ราชันบอกถูกต้องถามอีกคน (๓๑๘)
ฝ่ายเทวินทร์ว่าแพะนั้นกินหญ้า
และเจ้าหมากินเนื้อในทุกหน
แต่ก็แปลกเป็นเพื่อนกันมันชอบกล
ไม่รู้จริงสักคนท่องบ่นวาง (๓๑๙)
มโหสถว่าอย่างไรให้บอกด้วย
หมาอำนวยคาบหญ้ามิขัดขวาง
แพะคาบเนื้อมาเผื่อเหลือจะวาง
เกื้อกูลกันคือทางแห่งไมตรี (๓๒๐)
พระราชาโสมนัสตรัสยกย่อง
ปราชญ์ทั้งผองได้รางวัลมั่นสุขี
กลับตำหนักนงรามถามสามี
ปัญหานี้ใครแก้ไขให้บอกมา (๓๒๑)
พระองค์จึงบอกว่าทั้งห้าปราชญ์
ช่างสามารถรู้เรื่องเปรื่องหนักหนา
พระนางจึงชี้แจงแหล่งที่มา
ปราชญ์ทั้สี่มาหาน้องชายเรา (๓๒๒)
นางบอกไม่เป็นธรรมต้องทำใหม่
ควรจะให้มโหสถมากกว่าเขา
น่าเกลียดไปเอาอย่างนี้ดีกว่าเรา
ตั้งคำถามเพิ่มเอาดีกว่าจม (๓๒๓)
ในปัญหาพระราชาว่าเรื่องทรัพย์
ถ้าเทียบกับปัญญาสง่าสม
อะไรดีกว่ากันในคารม
อย่าระทมตอบเหตุเจตนา (๓๒๔)
เสนกะว่าทรัพย์นั้นดีกว่าแน่
ดูเอาแต่นกกาอยู่ในป่า
ยังชุกชุมในต้นไม้ผลดกนา
เป็นอันว่าทรัพย์ดีกว่าย่อมแน่นอน (๓๒๕)
มโหสถว่ามีปัญญาดีกว่าหรอก
เราจะบอกข้อดีมิใช่สอน
ไร้ปัญญาอยากมีทรัพย์จับบทตอน
ทำเรื่องร้อนไร้สมองเพื่อครองเงิน (๓๒๖)
เพราะไม่ใช้ปัญญาหาทรัพย์หนุน
จึงว้าวุ่นรู้ชัดไม่ขัดเขิน
สุจริตในปัญญาหากินเพลิน
ย่อมดำเนินชีวิตได้ไม่ยากเย็น (๓๒๗)
เสนกะว่าความรู้ดูยังเด็ก
เพราะยังเล็กไม่รู้ความต้องตามเข็น
ดูให้ดีพวกเราเข้าประเด็น
ต้องมาเป็นนักปราชญ์ราชบัลลังค์ (๓๒๘)
เพราะอะไรถ้าไม่ใช่ใบบุญเขา
ท่านเลี้ยงเราด้วยอะไรเป็นที่ตั้ง
ทรัพย์ใช่ไหมบัณฑิตอย่าปิดบัง
พึงระวังคำพูดผิดสูตรไป (๓๒๙)
มโหสถไม่เถียงใช่เลี่ยงหลบ
บอกไม่ครบขาดอยู่รู้หรือไม่
ข้าราชการทำงานประสานไป
เพราะอะไรต้องใช้ในปัญญา (๓๓๐)
ปัญญาดีไม่ฉ้อราษฏร์และบังหลวง
ปัญญากลวงโกงบ้านเมืองเรื่องหนักหนา
งานผิดพลาดเพราะด้อยในปัญญา
พิจารณาเห็นว่าปัญญาดี (๓๓๑)
พระราชาชอบพระทัยในคำตอบ
จึงได้มอบทรัพย์เพิ่มเสริมสุขี
มโหสถคนเดียวในบัญชี
ปราชญ์ทั้งสี่หน้าจ๋อยแทบปล่อยโฮ (๓๓๒)
29 ตุลาคม 2547 10:19 น.
กุ้งหนามแดง
เรานั่งจิบจิบชาอยู่หน้าบ้าน
พร้อมทั้งอ่านอ่านหนังสือยื้อสมอง
กลัวว่าอัลอัลไซเมอร์จะเผลอครอง
น้ำตานองนองแน่แก้ไม่ทัน
เปลี่ยนมานั่งนั่งขีดเขียนดูซะบ้าง
เราก็ว่างว่างอยู่รู้ผลิกผัน
เห็นเจ้าเหมียวเหมียวร้องต้องพัวพัน
พัลวันวันหนึ่งหลายเพลา
เข้ามาคลุกคลุกเคล้าเฝ้าสนิท
เบียดมาชิดชิดแนบแอบเบียดขา
เห็นหางชี้ชี้ไปอะไรวา
มาจ้องตาตาแป๋วแล้วเดินนำ
ตามไปดูดูที่เผื่อมีเหตุ
ทราบสาเหตุเหตุที่ร้องเราต้องขำ
ให้ไปเก็บเก็บซากหนูดูมันทำ
จมูกย้ำย้ำว่าเหม็นเห็นท่าทาง
.....................................................
กลอน: รักร้อย
รูปแบบ: ซ้ำคำที่ตำแหน่ง 3-4 เปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค..
OOXXOOOO
..