24 พฤศจิกายน 2547 16:34 น.
กุ้งหนามแดง
คุณครูขา...
หนูเป็นเด็กไม่ฉลาดเกินคาดหวัง
จะเป็นดังครูต้องการคงนานหนอ
พูดหูซ้ายทะลุขวาครูอย่ารอ
เพื่อนหัวร่อขบขันหยันทุกครา
คุณครูขา...
หนูเป็นเด็กเจ้าปัญหาครูอย่าสน
แม้ดิ้นรนให้สามารถดังปรารถนา
หนูทำได้แค่ฟังตั้งหน้าตั้งตา
ทุกมาตราเหมือนเคยละเลยจำ
คุณครูขา...
หนูเป็นเด็กโง่เง่ามากใช่ไหม
ครูถึงได้ลงโทษเสียจนหนำ
แถมสั่งสอนทุกไม้ใช้ฟาดทำ
หนูยังคลำก้นน้อยคล้อยน้ำตา
..
23 พฤศจิกายน 2547 11:01 น.
กุ้งหนามแดง
เธอจะซึ้งหรือเปล่าก็ช่างเถอะ
เธอจะเลอะเลือนมั่งยังไม่สน
เธอจะโกรธจะเคืองเรื่องของคน
เธอจะซนรู้ว่าหาประสบการณ์
เธอจะพบกับใครไม่หึงหวง
เธอจะล่วงเกินมิว่าช่างกล้าหาญ
เธอจะสั่งเห็นอยู่ผู้เชี่ยวชาญ
เธอจะหวานก็งามตามที่เป็น
เธอจะสุขรู้ไว้คนใกล้ชื่น
เธอจะยื่นไมตรีคนนี้เห็น
เธอจะรักหรือชังยังหน้าเป็น
เธอจะเด่นรับรู้คู่เคียงกัน
เธอจะทำทุกอย่างทางที่ชอบ
เธอจะมอบทุกอย่างทางที่ฝัน
เธอจะอยู่หนใดตามไปทัน
เธอจะพรั่นฉันไย..แค่ใจเธอ..
........................................................
กลอนบัวบานกลีบ
รูปแบบ:
xx000000
ซ้ำ ๒ คำต้นวรรคทุกวรรค ใช้กระทู้เดียวตลอดจนจบความ..
23 พฤศจิกายน 2547 10:35 น.
กุ้งหนามแดง
~พวกนาคน้อยนำเต่าเฝ้าจอมนาค
แต่งเรื่องมากเป็นทูตอาวุโส
ภาระกิจสร้างสัมพันธ์มันเริ่มโว
ที่มาโผล่เพราะว่านายท่านใช้มา (๒๑)
มีประสงค์จะยกธิดาให้
ขอท่านได้ส่งทูตไปพร้อมกับข้า
เพื่อกำหนดฤกษ์งามตามตำรา
เจตนาเกี่ยวดองของสองเมือง (๒๒)
ทศรถจอมนาคมากขบขัน
ใครไหนกันใช้เต่าไม่เข้าเรื่อง
เต่าเจตจูลทูตน้ำย้ำความเมือง
วางมาดเขื่องตัวแทนของราชัน (๒๓)
~ท้าวทศรถหลงความตามที่พูด
ให้จัดทูตโดยดีพิถีพิถัน
ส่งตรงไปพาราณสีในเร็ววัน
ถึงหน้าเมืองเต่านั้นขอตัวไป (๒๔)
เจตจูลอ้างไปหารากบัวถวาย
ขอแยกย้ายเฝ้าธิดาลาเฉไฉ
สี่ทูตรอนานเกินเดินเข้าไป
เข้าเฝ้าในราชาพรหมทัต (๒๕)
ถวายพระพรเรียบร้อยค่อยทูลว่า
ฝ่ายนาคายินดีตามดำรัส
ยอมเป็นทองแผ่นเดียวกันนั้นแน่ชัด
จึงได้จัดพวกเราเข้ากราบเรียน (๒๖)
เจ้านครพรหมทัตตรัสสะดุด
นาคมนุษย์มิสมกันมันปวดเศียร
ไม่เคยมีทูตน้ำใดในมณเฑียร
ไปว่ายเวียนยกลูกข้าถึงบาดาล (๒๗)
ทั้งสี่ทูตผิดหวังโดนรังเกียจ
นาคไร้เกียรติหรือไรให้กล่าวขาน
คนกับสัตว์วิปริตปิดวิมาน
เชิญพวกท่านกลับไปไม่ยินยอม (๒๘)
~ทูตทั้งสี่ลาลับกลับเมืองน้ำ
ดำรัสช้ำย้ำจิตมิคิดถนอม
จอมบาดาลบอกเตรียมตัวให้ทั่วพร้อม
มารุมล้อมธานีฤทธิ์รณ (๒๙)
ในราตรีมีงูทุกหมู่บ้าน
เลื้อยเพ่นพ่านเป็นตับภาพสับสน
ในราชฐานนาคปรกสะทกทน
เห็นผู้คนว้าวุ่นทูลถ้อยคำ (๓๐)
ขอพระองค์ส่งธิดาให้นาคเถิด
เรื่องที่เกิดจะผ่อนคลายระส่ายระส่ำ
เพื่อเห็นแก่ชาวประชาตาดำดำ
จำใจทำละทิฐิสันติวิธี (๓๑)
จึงยอมความยกลูกสาวให้เจ้าน้ำ
พอขาดคำนาคหายวับกลับวิถี
สมุทรชาอภิเษกในทันที
อัครมเหสีจอมบาดาล (๓๒)
ทศรถสั่งไว้ให้แอบแฝง
อย่าแสดงรูปนาคสมัครสมาน
นางจะกลัวเสียเปล่าไม่เข้าการ
โทษประหารอย่างเดียวอย่าเที่ยวลอง (๓๓)
~ใช้ชีวิตร่วมกันวันพ้นผ่าน
สี่กุมารกำเนิดเลิศฉลอง
สุทัศนะพี่ใหญ่ทัตคนรอง
สุโภคะคือน้องรองสุดท้าย (๓๔)
น้องสุดท้องนั้นคืออริฏฐะ
ทุกวาระแปลงมนุษย์สุดเฉิดฉาย
สมุทรชาไม่รู้จริงทั้งหญิงชาย
เพราะรอบกายซึมซาบภาพมายา (๓๕)
พี่เลี้ยงสอนอริฏฐะมาตะเจ้า
ต่างจากเราเพราะเป็นคนนั่นแหละหนา
คิดทดสอบความจริงสักหนึ่งครา
ตอนมารดาให้นมเหมาะสมแสดง (๓๖)
โผล่หางนาคออกมาให้นางเห็น
ผลักกระเด็นตกไปไม่แอบแฝง
เล็บเกี่ยวตาลูกชายแม้ไม่แรง
เลือดไหลแดงจักษุบอดหารอดเอย (๓๗)
ทศรถโกรธบุตรฉุดพี่เลี้ยง
ไม่คิดเลี่ยงลงทัณฑ์ท่านเปิดเผย
ฝ่ายมารดาทูลขอไว้อภัยเลย
เรื่องลงเอยรู้ความว่าอยู่บาดาล (๓๘)
~กาลครั้งหนึ่งท้าวทศรถกับเจ้าทัต
สองคนชัดไปเฝ้าเข้าราชฐาน
มหาราชวิรูปักษ์ปรึกษางาน
ปัญหาผ่านทัตแก้ไขได้สบาย (๓๙)
นับแต่นั้นขนานนามภูริทัต
ปัญญาชัดเปลี่ยนนามตามขยาย
ภูริทัตเห็นสมบัติจัดเรียงราย
ดูมากมายกว่าของตนคิดหนทาง (๔๐)
(ยังมีต่อ...)
22 พฤศจิกายน 2547 12:01 น.
กุ้งหนามแดง
กลอนแปด...
ขอซบไหล่ได้ไหมขอไออุ่น
ขอไหล่คุณพักพิงอิงอกไหว
อยากได้ยินจังหวะหนึ่งของหัวใจ
ว่าหวั่นไหวหรือเปล่าคราวใกล้กัน
เตรียมเดินทางร่วมกันทั้งชีวิต
รู้ถูกผิดร่วมทุกข์และสุขสันต์
ต่อแต่นี้ไม่ทอดทิ้งยิ่งแบ่งปัน
สร้างสวรรค์บนแดนดินก่อนสิ้นลม
..
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ขอนั่งแนบชิด....อิงซบไหล่นิด....ติดตามพัวพัน
จังหวะหัวใจ....หวั่นไหวสุขสันต์....อยากร่วมแบ่งปัน....สร้างวันของเรา
อนุญาติไหม....เดินทางร่วมไป....เรียนรู้สุขเศร้า
ขอเพียงเราสอง....ประคองบรรเทา....รับรองไม่เหงา....รักเรายืนยง
22 พฤศจิกายน 2547 09:37 น.
กุ้งหนามแดง
~ แต่ก่อนกาลย้อนความตามเล่าเรื่อง
พรหมทัตครองเมืองพาราณสี
มเหสีปรากฏโอรสมี
ตำแหน่งศรีอุปราชพระราชทาน (๑)
ครั้นโอรสเติบใหญ่จึงไหวหวั่น
กลัวลูกนั้นยึดอำนาจศาสตร์ทหาร
ต้องตัดไฟแต่ต้นลมเหมาะสมการ
คำริผ่านดำรัสตรัสในพลัน (๒)
เจ้าจงไปประพาสตามปรารถนา
ตามเวลาจนพ่อลับดับสิ้นขันธ์
ค่อยกลับมาสืบวงศ์เผ่าพงษ์พันธ์
อภิวันท์รับคำก่อนอำลา (๓)
โอรสนั้นมีใจใฝ่ธรรมะ
คิดจะผละในเหตุกิเลสหนา
ดำเนินออกนอกวังยังพนา
เจตนาถือพรตเพื่อลดกรรม (๔)
จนมาถึงบรรณศาลาคราสงัด
ภูมิทัศน์ภูงามแม่น้ำต่ำ
บำเพ็ญเพียรเจริญสติบริกรรม
เป็นประจำทุกคราสมาทาน (๕)
~ จะกล่าวฝ่ายนาคสาวแสนร้าวจิต
เพราะชีวิตไร้คู่รักสมัครสมาน
จำแลงร่างเป็นมนุษย์สุดสะคราญ
จากบาดาลสู่ริมฝั่งยมนา (๖)
ทั้งสองคนพบกันสวรรค์ส่ง
รักมั่นคงสุจริตสิเน่หา
ให้กำเนิดบุตรหนึ่งกุมารา
พระนามาสาครพรหมทัต (๗)
บุตรอีกหนึ่งเกิดตามงามหนักหนา
สมุทรชาคือธิดาตามดำรัส
ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกผูกพันชัด
ปฏิบัติตนชอบทั้งครอบครัว (๘)
~ เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต
ราชโอรสอยู่ไหนให้ปวดหัว
เตรียมพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาตัว
ผู้มีบุญในทั่วปฐพี (๙)
พรานผู้หนึ่งเคยประสบพบโอรส
จึงรู้หมดที่อาศัยในวิถี
นำอำมาตย์ไปเชิญท่านในทันที
เลิกพิธีเสี่ยงทายไม่จำเป็น (๑๐)
เมื่อมาถึงจึงอัญเชิญสู่เมืองหลวง
กิจทั้งปวงรอรับดับทุกข์เข็ญ
เสวยราชสมบัติฉัตรร่มเย็น
โอรสเห็นสมควรชวนกันไป (๑๑)
ฝ่ายนางนาคบอกยากใช้ชีวิต
หากโกรธาพ่นพิษจะผิดได้
หมดบุญกันเถิดหนาขอลาไกล
พาลูกไปอยู่ด้วยช่วยปรองดอง (๑๒)
พระโอรสสั่งขุดเรือเพื่อนาคน้อย
ใส่น้ำค่อยเต็มลำนำทั้งสอง
มาลงเล่นในน้ำตามทำนอง
ประคับประคองเดินทางไปในเร็ววัน (๑๓)
เมื่อถึงวังยังให้ขุดสระสรง
นาคสององค์ลงแช่มิแปรผัน
จนวันหนึ่งมีสัตว์หนึ่งเข้าพัวพัน
ในสระนั้นแต่เมื่อไรไม่ทราบเลย (๑๔)
ระหว่างสองนาคน้อยลงเล่นน้ำ
โผล่หัวดำตามัวน่ากลัวเหวย
ตัวอะไรในสระใสไม่คุ้นเคย
ร้องลั่นเลยตกใจหลายลักขณา (๑๕)
จึงใช้แหและอวนมากวนลาก
มิลำบากเห็นเป็นเต่าเจ้าสี่ขา
คิดทำโทษใส่ครกตำฉ่ำอุรา
ปิ้งดีกว่าเอาเนื้อแกงว่าแรงดี (๑๖)
บ้างบอกเอาไม้พาดหม้อรอน้ำอุ่น
มันมีลุ้นตายเป็นเล่นปาหี่
อีกคนว่าทิ้งน้ำวนชลธี
กระดองนี้จะแตกลงคงทรมาน (๑๗)
เต่าเจ้าเล่ห์เห็นทางรอดจึงสอดขึ้น
คงจะมึนก่อนตายทั้งกายฐาน
ถ้าทิ้งน้ำทุกข์ล้นจนวายปราน
ขอพวกท่านเมตตาฆ่าทันที (๑๘)
เหล่าข้าราชบริพารมินานคิด
เห็นตรงจิตทิ้งน้ำวนทนทุกข์นี่
เต่าหล่นตูมมิตายในวารี
นาคเด็กมีเห็นเต่าเข้าจับโยน (๑๙)
เจ้าเต่าน้อยเปลี่ยนมาดเป็นอาจหาญ
บอกพวกท่านได้โปรดหยุดโลดโผน
เราขอพบเจ้าบาดาลพาลตะโกน
อย่าหยาบโลนกับเราเต่าวางโต (๒๐)
(ยังมีต่อ...)