30 เมษายน 2547 12:26 น.
กุ้งถุงทอง
หากมนุษย์เข้าห้ำหั่น
ฆ่าฟันกันอย่างเลือดเย็น
เมื่อนั้นคงเฉกเช่น
เดรัจฉานพาลกระทำ !!
เสียงปืนผาไล่ต้อน ปุถุชน
หมดซึ่งความเป็นคน แปดเปื้อน
ฤๅคงเพราะมารปน แฝงร่าง
หมดสิทธิ์ครวญโอดเอื้อน อย่าได้สังหาร
เปรี้ยงปร้างปืนผาต้อน ต่างเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว
ลูกเด็กเล็กแดงกลัว ร้องสะอื้นคืนญาติมา
เขาคงหมดธรรมะ ถึงได้ละเลยน้ำตา
ญาติตายคร่ำครวญหา แต่ข้าไม่รู้ใยดี
ฤๅเป็นเพราะมารปน เปื้อนกมลจนมิดที่
ฤๅฤทธิ์พวกผิดผี เงินฟาดหน้าใช้ฆ่าคน
คนไม่มีความผิด ก็โดนริดรอนเหตุผล
พวกเราปุถุชน หมดสิทธิ์ร่ำคร่ำขอชีพ
29 เมษายน 2547 20:26 น.
กุ้งถุงทอง
ไหนเล่าไหนใครว่า
กาลเวลาจะลบล้างเรื่องราวที่ไม่อาจฝืน
เช่นความรักของเราที่ไม่อาจหวนคืน
กาลเวลาเดินระรื่น ผ่านความขื่นขมตรมใจของเรา
ไหนเล่าไหนใครเคยบอกว่า
เมื่อวันใหม่เข้ามาเราก็จะลืมวันเก่า
แต่ทำไม ยิ่งวันใหม่ ต่อไป ต่อไป ใจยิ่งเศร้า
ความรักเผาร้อนจิต ยิ่งคิด ยิ่งปวดใจ
ไหนเล่าไหนก็เขาบอก
รักลวงหลอกเป็นเพียงมายาหาเจ็บไม่
แล้วทำไมตอนนี้ความรักบาดลึกถึงข้างใน
จนน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่รู้ตัว
29 เมษายน 2547 15:47 น.
กุ้งถุงทอง
เหม่อมองผ่าน แล้วผ่าน แล้วผ่านผัน
ประเดี๋ยววัน ประเดี๋ยวคืน คืนไหนหนอ
หนุ่มบ้านนา ตั้งหน้า ตั้งตารอ
อีกวอนขอ จันทร์ขอ อย่ารอนาน
นับจากวัน วันสมร มาจรจาก
ด้วยหวังมาก มากหวัง ตั้งหลักฐาน
อนงค์ว่า อนงค์จา ไปหางาน
เมื่อมีเงิน จะกลับบ้าน สร้างบ้านเรา
หนุ่มบางกอก เค้าเห็น เห็นเข้าท่า
ไม่รอช้า รีบมา มารับเจ้า
น้องหญิงเห็น เงินหนัก พยักเอา
แล้วฝากพี่ ฝากเฝ้า เฝ้าบ้านนา
สามปีแล้ว แล้วจากวัน วันหญิงจาก
ฤๅรักพราก พรากรักแล้ว แก้วสิเน่หา
ฤๅนุชเจ้า เจ้าจักกลับ กลับวาจา
ทอดทิ้งรัก รักร้างรา ราค่าไป
โอ้บุหลัน คั่นฟ้า ราตรีหวน
หาได้ชวน อนงค์มา หาข้าไม่
ปล่อยให้นั่ง เศร้าแสบ แสบทรวงใน
ฤๅปล่อยให้ หนุ่มบ้านนา น้ำตาคลอ
29 เมษายน 2547 01:08 น.
กุ้งถุงทอง
( อิ น ท ร วิ เ ชี ย ร ฉั น ท์ ๑๑ )
๏ เมฆาขมุกมัว นภะทั่วสิแปลงแสง
จากสีรพีแดง ดุจดับและลับไป
๏ ครืนครืนคะโครมโครม พยุโหมถโถมใส่
ผืนฟ้านภาลัย ตะละสีจะซีดเซียว
๏ ครึ้มฟ้าคะครึ้มฝน ขณะลมก็ก่อเกลียว
รวบรวมละลดเลี้ยว ปะทะเข้า ณ ตำบล
๏ ผู้เฒ่าและหนุ่มสาว อกรุ่มและร้อนรน
เมื่อได้เจอะตัวตน พยุโทสะเดือดดาล
๏ โครมโครมคะครืนครืน ดุจคลื่นทะเลมาร
พลิกภพกระทบบ้าน นฤทั่วก็กลัวเกรง
๏ เปรี้ยงปร้างประแปลบแปลบ นภแลบและข่มเหง
ผู้คนก็รีบเร่ง จรหนีและลี้ภัย
๏ สายฝนซะซู่ซู่ พร่ำพร่ำพรูพะพร่างใส่
สู่พื้นพนาไพร และตำบลมิยั้งยับ
๏ ลมอุ้มกระแสธาร ชะระรานกระแทกทับ
เรือนไม้ก็หมุนกลับ นรดิ้นและสิ้นใจ
๏ จวบจนรตีกาล ก็มิหยุดสะดุดไว้
กลับยิ่งจะโถมใส่ ทุกที่พินาศพัง
๏ ผ่านผันผะผันผ่าน รติกาละหมดหวัง
ลมพายุประดัง คละเสียงร่ำร้องให้
๏ แววแววแวะวาววับ รพิจับนภาใส
เมฆฝนก็หมดไป นฤทั่วก็ยินดี
๏ ผู้เฒ่าก็กล่าวว่า ขณะฟ้ามิเปรมปรีดิ์
ทุกสิ่งมิเว้นที่ ก็มิอาจจะต้านทาน
28 เมษายน 2547 01:07 น.
กุ้งถุงทอง
หงิงง....งหงิงหงิงเจ้าหมาน้อยยังคอยเฝ้า
วันคืนเล่าผ่านไปใจหมดหวัง
คงอาศัยความรักเป็นกำลัง
ชีพจึงยังไม่สิ้น.....สิ่งอาลัย
งี๊ดด....งี๊ดงี๊ดได้แต่ครางเป็นลางรัก
ดอกฟ้าไม่ประจักษ์ความรักใคร่
น้ำตาล้นไหลหลั่งคลั่งหัวใจ
นานเท่าไหร่...ได้เคียงคู่ชูชมเชย
ง๊อดด...ดง๊อดง๊อดกอดกับเหงาเคล้ากับเศร้า
ชะรอยเราคงสิ้นหวังเค้าหยันเย้ย
ก็รู้ดี...แต่ทำใงหัวใจเอย
รักไม่เคยได้สมหวังทุกครั้งไป
หัวใจดังกระจกแก้วแผล็วลงพื้น
มิอาจฝืนกำหนดกฎใดได้
แต่....กระจกแตก!ดวงใจแยก!มิเป็นไร
ขอแค่ใจ....ได้เพียงเพ้อรักเธอพอ
ถึงแม้จะรักเธอจนล้นหัวใจ
...............แต่อย่างไรตัวเราคงไม่คู่ควร