27 มีนาคม 2549 13:01 น.
กุ้งถุงทอง
๏ ลมปลิดใบไม้ร่วง...........ปรายโปรย
ก้านกิ่งไป่โอดโอย............สะอื้น
เพราะชินเกิดแล้วโรย........อยู่ร่ำ
เป็นสิ่งธรรมดาพื้น............จบแจ้งจึงเฉย ฯ
๏ เทียนย่อมสว่างแจ้ง........ยามจุด
หากแต่ยากยื้อยุด.............เมื่อไหม้
เพียงชั่วครู่ดับดุจ..............เสียงชื่อ ลือดัง
ต่อสะสมมากไซร้.............อาจสิ้นสูญเสีย ฯ
๏ อนิจจังเป็นฉะนี้..............พึงระลึก
เหล็กแกร่งยังอาจสึก..........กร่อนได้
ชีพท่านท่านมิตรึก..............ตรองไตร่ ได้ฤๅ
สมสั่งกรรมดีไว้.................ชีพสิ้นเชยชม ๚๛
4 มีนาคม 2549 19:43 น.
กุ้งถุงทอง
๏ โทสะลามลุกไหม้....................ธรณี
ทุรชนเปรมปรีดิ์.........................เห่าร้อง
สุ้มเสียงสบถราคี........................ขจายทั่ว
ผู้ผิดกล่าวปัดป้อง.......................สวะพ้นภัยตน ฯ
๏ ประชาชนต่างท้อง...................มารดา
แต่อยู่ร่วมอาณา..........................เขตไซร้
อิ่มกิเลสนานา............................เอาเปรียบ
สินแผ่นดินอยู่ใกล้.......................เร่งฉ้อฉลเอา ฯ
๏ คนเขลาต่างถูกเสี้ยม...............ถูกสอน
เขาสั่งให้นั่งนอน.........................ไป่แย้ง
ตกหลุมเล่ห์ริดรอน......................ทอนสติ
ความสัตย์ปรากฎแจ้ง..................นาศแล้วมาตุภูมิ ฯ
๏ โคมลอยฟูมเฟ้อเฟื่อง..............ทุกหน
ข่าวบิดอีกเบือนบน......................ปดโป้
ชนไม่เท่าทันคน.........................คณานับ
ต่างรับสารขยะโอ้!.......................มืดหน้าตามัว ๚๛
เปลื้องแหกิเลส
๏ ความชั่วเยือนเยี่ยมแล้ว.............ชาวเรา
การนิ่งเยี่ยงคนเขลา.....................ย่อมแพ้
ปัญญาสติทุเลา............................ปลายเหตุ
สามัคคีสมรรถแก้........................ผ่อนร้ายกลายดี ๚๛
24 กุมภาพันธ์ 2549 23:56 น.
กุ้งถุงทอง
ปลดกลีบแห่งจันทรามาแต่งแต้ม
ธุลีรักแรกแย้มแซมตรงขอบ
หมอกเย็นหนาวขาวพรายกระจายรอบ
สังคีตไพรให้เป็นกรอบของตัวมัน
เงาทมิฬหินผาเป็นหน้าฐาน
เถาวัลย์สานม่านตานิทราฝัน
ศิลาแลงแปลงเปลี่ยนเป็นพู่กัน
มธุรสผกผันพรรณา
อนิจจังรั้งฉุดหยุดไฉน
เข็มใบไม้หมุนไปทางทิศขวา
แม้ต้องก่อกองไฟใหม่ทุกคราวมา
ศิลปะยังนำพาสู่อนันต์
3 กันยายน 2548 21:40 น.
กุ้งถุงทอง
๏ ก้านยังจำเมื่อครั้ง..................ยังชู
ตูมดอกผลิพรั่งพรู....................คู่ต้น
หวงเสมอหนึ่งยอดพธู...............แสนรัก
ฟูมฟักรักเข้มข้น.....................ค่ำเช้าคอยเชย ฯ
๏ วันผันเผยผลิพ้น...................ฐานดอก
ต่างดอกต่างเงยงอก.................อวดโอ้
เบิกบานเบ่งกลีบออก................แสดงเด่น เกสร
งามงดหรูหราโก้......................กดก้านชูตน ฯ
๏ สรรสีปนปัดแต้ม...................ตนตัว
เกรงจะหม่นหมองมัว...............ไป่แจ้ง
โชยเฉลยกลิ่นบ่กลัว.................ใครคิด เด็ดดอม
มิคิดว่ารสแกล้ง........................แต่งต้องมีสลาย ฯ
๏ บุปผาฉายเฉิดไว้..................ประดับ
เพียงแต่ครู่หนึ่งนับ...................ร่วงร้าง
เพลาหมดเฉาอับ......................กลับสู่ ปฐพี
คงแต่ชื่อลืออ้าง........................ว่าเจ้าเคยงาม ฯ
๏ เฉกนามคนผู้ซึ่ง...................ตรึงตรา
กอปรกิจ กรรมดีมา..................ย่อมรู้
บุปผาอยู่กลางพนา...................พงเถื่อน ก็ดี
ยังอาจงามอวดผู้......................อยู่ใกล้ไพรสณฑ์ ฯ
๏ ชั่วชีพงามพ้นผ่าน.................สูญลง
ก้านกิ่งยังบรรจง.......................เสกสร้าง
พร้อมชูช่อใหม่คง -..................มั่นแน่ว แน่นา
วัฏจักรสัจธรรมอ้าง...................บ่งให้แลเห็น ๚๛
2 กันยายน 2548 22:31 น.
กุ้งถุงทอง
ลมปลิดใบไม้ร่วง..............ปรายโปรย
ก้านกิ่งไป่โอดโอย.............สะอื้น
เพราะชินเกิดแล้วโรย......อยู่ร่ำ
เป็นสิ่งธรรมดาพื้น............จบแจ้งจึงเฉย
เทียนย่อมสว่างแจ้ง...........ยามจุด
หากแต่ยากยื้อยุด..............เมื่อไหม้
เพียงชั่วครู่ดับดุจ...............เสียงชื่อ ลือดัง
ต่อสะสมมากไซร้................จบสิ้นสูญเสีย