21 พฤษภาคม 2550 20:53 น.
กุหลาบน้ำตา
ณ ที่แห่งนั้น
ยามราตรีรติรำพันระลึกหวน
สองกายแอบแนบชิดสนิทนวล
ดังรักเตร่ผูกตรวนครวญคะนึง
ณ ยามวจีพากย์
ฤาจะห่างจางจากจนนึกถึง
วจีร้อยถ้อยวาจายังตราตรึง
ยังสุขสันต์ซาบซึ้งสราญใจ
ณ กายกยสัมผัส
สนิทแนบมโนมนัสจินต์หวั่นไหว
สายกระแสความรู้สึกซาบซ่านหทัย
ยากเปรยเปรียบฤาปันใจให้ใครครอง
ณ รติกัลปาวภพ
แม้นแสงทินกรอ่อนสยบแก่เราสอง
แผ่นพสุธงามระยับกลับกลายทอง
เพื่อรักนี้ฤดีครองด้วยสองจินต์
*****************************************
6 พฤษภาคม 2550 20:34 น.
กุหลาบน้ำตา
จบแล้วหรือเรื่องรักแห่งสองเรา
จบความสุขมาพบเศร้าโศกสนอง
จบประโยคเธอร่ำลาน้ำตานอง
จบลด้วยรักทดลองต้องหมองใจ
เหตุใดหรือคือกำเนิดการลาจาก
เพราะเหตุใดต้องพลัดพรากโปรดแจ้งไข
ถ้อยบรรยาย...ก็คือ"รัก"ของธอไง
เป็นปริศนาคาใจจวบวานวัน
( กุหลาบน้ำตา )
ความรู้สึกครั้งจับมือได้ถือแขน
ช่างแนบแน่นอบอุ่นกรุ่นใจฝัน
กลับกลายเป็นอดีตได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุผลเพียงนั้นมันไม่พอ
( กวีปกรณ์ )
น้ำตาไหลเนื่องจากใจที่แสนเหงา
เหตุเพราะเราหรืออย่างไรทำไมหนอ
จินต์รันทดหมดถวิลสิ้นเฝ้ารอ
น้ำตาคลอช้ำหนอช้ำเพราะกรรมตน
หากเพราะจิตเธอคิดว่าผิดรัก
จงป้องปรามห้ามหักก่อนมรรคผล
คิดเสียว่ารักครานี้เพียงเกมกล
เพียงเพราะรัก...เธอหมองหม่น...จึงต้องลา
( กุหลาบน้ำตา )
6 พฤษภาคม 2550 20:08 น.
กุหลาบน้ำตา
เหลือไว้เพียงรอยร้าวคราวรักสิ้น
น้ำตาหยดรดรินดวงจินต์เศร้า
ด้วยหวังเพียงรอยระแหงแห้งบรรเทา
อีกดับไฟความเหงาแผดเผาใจ
รอยน้ำตาเคยหยดแห้งหมดแล้ว
แต่ความช้ำกลับทิ้งแนวรอยแถวไถ
ยามรำลึกนึกสัมผัสเพลาใด
ก็เจ็บช้ำร่ำไห้ในเวลา
ระหว่างร่ำร้องระงมด้วยขมขื่น
รอยรวดร้าวที่ชื้นกลับเหมือนว่า
มีดอกไม้เบ่งบานบนลานอุรา
กลายกุหลาบน้ำตาที่ข้าริน
รากกุหลาบหลอมมานครั้งรานแหลก
สานรอยแยกเยียวยารักษาสิ้น
ยังรวยรสสุคนธ์พร่างพรมจินต์
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นถิ่นกมล
หอมเอยหอมรักสุขสดชื่น
ยากแปลใจเป็นอื่นสักคราหน
เพียงหยดหนึ่งความทุกข์กลายสุขล้น
เกิดกุหลาบน้ำตาตนบนลานใจ