18 กุมภาพันธ์ 2550 15:14 น.
กุหลาบน้ำตา
ปฐมฤกษ์เบิกทางจรแห่งช่วงชีพ
แรกเปิดหีบหาความหวังตั้งเหตุผล
สร้างชีวิตสร้างปัญญาสร้างค่าคน
กลบความจนบนฐานะความพอเพียง
การทำดีหวังได้ดีมีที่ไหน
ประพฤติใจมิต้องสั่งหวังชื่อเสียง
มีเพียงศิลป์ระบินศาสตร์แว่วสำเนียง
คอยหลีกเลี่ยงสิ่งโสมมต้องข่มใจ
คราปัจฉิมริมทางจรแห่งชีวิต
ฝืนจริตโลกมายาล้าสมัย
หมดหนทางกลางวิถีต้องครรไล
ต้องเป็นไปตามผลกรรมกระทำมา
16 กุมภาพันธ์ 2550 21:50 น.
กุหลาบน้ำตา
" ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นด้วยการเกิด ( จากครรภ์มารดา )
และจบสิ้นการเป็นมนุษย์ด้วยการตาย ( เชิงตะกอน ) "
.......................................................................................
เมื่อกำหนดทศมาศนิราศรัตน์
ปทุมทัดเหลืองละออช่อเกสร
กุมารน้อยกำเนิดนันต์ครรภ์มารดร
อัสดรระดาดับระยับพราว
บุษบกบุษบงประยงยาตร
ดาราราชบนเด่นดวงบนห้วงหาว
กาลแห่งชีพรชเนื่องยืดเยื้องยาว
ช่อสกาวผกามาศยังยาตรา
ทินกรอ่อนแสงสำแดงเดช
ปลงสังเวชอนิจจังทั้งทุกขา
มนุษย์ชนระย่นชีพตามเวลา
เมฆเมฆาเมียงขอบรอบเมฆัน
จันทราทรเพียงเสี้ยวเปลี่ยวสงัด
พระพายพัดโพยมพาดุจอาถรรพณ์
เชิงตะกอนร้อนคลั่งดั่งลงทัณฑ์
ม้วยมหันต์มอดอนาถชีพขาดลง
...........................................................
( ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒ )
ณ ทศมาศนิราศรัตน์ ปทุดทัดระทานดอก
อรุณหล้าระดาออก ระดาดับระยับพราว
กุมารน้อยคละเคลื่อนคลอด ระเมียรมอด ณ ห้วงหาว
ณ เบื้องบนสกลกาว ชโยลั่นสนั่นไพร
ระยะกาล ณ ชีพชนม์ ระย่อย่นระคนไหว
มหันต์ม้วย ณ เลไลย ตะกอนเชิงระร้อนแรง
........................................................................
ครบกำหนดทศมาศ มณีรัตน์
นมัสน้อมวจีจรัศ เรืองศรี
กำเนิดชีพยืนหยัด เยื้องสาย สะดือนา
ม้วยมหันต์ชีพพลี พลั้งชนตะเกินเชิง ชนม์เอย
16 กุมภาพันธ์ 2550 21:35 น.
กุหลาบน้ำตา
" ขยายความจากชื่อ " ...............
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ณ สนามหน้าเมือง เบื้องหน้าพระบรมรูป
พระยาศรีธรรมโศกราช ( บริเวณประตูป้อมไชยสิทธิ์ )
จังหวัด นครศรีธรรมราช
ยุทธศาสตร์นาฎกรรมบนลานโศก
ชายธงโบกมิยั้งหยุดยุทธหัตถี
เหล่าทหารนับพันหลายวายฆาตี
อรีราษฎร์อัปยศร่วมอดสู
ทั้งรบรันฟันประดาเลือดถาโถม
กายเสื่อมโทรมทรุดสลายกายอดสู
ทั้งตัวเล็กเด็กผู้ใหญ่น่าเอ็นดู
เพราะศัตรูเข้ารานผลาญตัวเมือง
กำแพงเมืองเยื้องสูงดูเด่นโดด
ศัตรูโลดกระโดดข้ามลามเข้าเหมือง
เมืองศรีธรรมศิรินครที่รุ่งเรือง
กลับกระเดื่องดาดับยับเพียงดิน
นาฎกรรมครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก
ยอดป้อมหักต้นปลายจดหมดความศิลป์
ชาวนครเศร้าละเหี่ยเสียแผ่นดิน
ศาสน์เสื่อมสิ้นมิเหลือซากรากเหง้าเดิม
....................................................................
นาฎกรรมบนลานกว้าง กวาดหมด
เหล่าทวยราษฎร์โศกสลด เลือนสลาย
ศาสตร์แลศิลป์เปลื้องปลด เปลี่ยวเมือง นครเอย
กำแพงเมืองวอดวาย วูบสิ้นถิ่นนคร
15 กุมภาพันธ์ 2550 21:02 น.
กุหลาบน้ำตา
อันความคิดของมนุษย์ไม่หยุดนิ่ง
แม้นเกิดสิ่งอุปสรรคไม่อาจขวาง
ค่าความคิดต้องปลดปล่อยตามรอยทาง
คิดทิ้งวางเมื่อวูบสิ้นชีวินตน
ต่างครอบครัวต่างความคิดต่างแวดล้อม
ต่างความพร้อมต่างชีวิตต่างสับสน
ต่างการสอนต่างปัญญาต่างตัวคน
ต่างฐานะต่างอดทนต่างผลงาน
กล้าจะทำกล้าจะคิดกล้าจะพูด
กล้าพิสูจน์กล้าลงมือกล้าสื่อสาร
กล้าทดลองกล้าปราดเปลี่ยวกล้าเชี่ยวชาญ
กล้าจัดการกล้าผิดถูกกล้าผูกพัน
ความแตกต่างบนทางชีพต้องชาญเชี่ยว
กล้าโดดเดี่ยวที่จะต่างกลางแปรผัน
ต่างความถูกต่างความผิดคิดค้ำยัน
กล้าประจัญต่อโลกจริงคือสิ่งดี
15 กุมภาพันธ์ 2550 20:44 น.
กุหลาบน้ำตา
ค่าความรักจางชืดจืดสนิท
รักพ่ายผิดพลาดหนักหักสลาย
ค่าความรักระยำหนักเช่นปลักควาย
รักเลวร้ายมิลงรอยถอยรักคืน
รักจมปลักโศกสลดหมดรสชาติ
ข่ายรักขาดเสี้ยวบิ่นสิ้นทนฝืน
อนาถรักดั่งน้ำคลำสุดกล้ำกลืน
ต้องขมขื่นขาดสะบั้นเกือบบรรลัย
สื่อแห่งรักหักขาดอนาถหนัก
เลือดกระอักพ้นจิตผิดวิสัย
เลือดหล่อร่างสร่างขาดอนาถใจ
เปรียบดั่งไฟบรรลัยโลกต้องโศกตรม
ควายกระบือยังสื่อรู้ว่าผู้เลี้ยง
เธอกลับเลี่ยงผู้ส่งรักจักขื่นขม
ควายผู้แม่ดูแลลูกด้วยน้ำนม
สุดระทมเธอเลี้ยงรักด้วยรักลวง
...............................................................
ความรักหรือปลักควาย รักเลวร้ายเธอลวงหลง
รักหมองต้องปองปลง รักจบลงในดงลวง
................................................................
ความรักหรือปลักควาย เคว้งคว้าง
รักหม่นหมดหนทาง ทิ้งถอน
รักด้อยต้องปล่อยวาง หวามวาบ
รักอนาถขาดรานรอน เรี่ยราดอนาถตน รักเอย
..................................................................