26 กันยายน 2549 11:33 น.
กุมภ์
แดนไกลไพรกันดาร ห้วยละหารลัดเลาะไป
สายธารยังรินไหล ดั่งสายใยไม่ขาดตอน
แดนไพรในป่ากว้าง กันดาร
ธารใหญ่ห้วยละหาร บ่าล้น
รินไหลดั่งสายธาร รัดเกี่ยว สายใย
ไหลเอ่อละเมอพ้น ท่วมท้น ใจเรา
หุบเขาไพรรกร้าง ดูอ้างว้างกลางหุบดอน
เปลี่ยวเปล่าในสิงขร สายลมจรช่วยพัดไป
หุบเขาไพรป่าร้าง ห่างไกล
ป่าใหญ่กลางพงไพร เปลี่ยวร้าง
เดียวดายเหม่อมองไป ไพรเถื่อน สิงขร
วอนเอ่ยรำเพยบ้าง บ่นเย้า สายลม
คนเดียวเดี่ยวเอกา ยากจะหาคนเข้าใจ
ชีวิตคนบ้านไกล จะมีใครหนอนำพา
เพียงลำพังอ้างว้าง เดียวดาย
คนหนึ่งหาความหมาย ค่าล้น
อยากหาคู่เคียงกาย หมายว่า ตัวเธอ
เผลอปล่อยใจสืบค้น ห่างร้าว ดวงแด
จมจ่อมในวิมาน แดนกันดารไกลสุดตา
สวรรค์กลางพนา อยากเชิญมาอยู่ร่วมกัน
จมจ่อมใต้แผ่นฟ้า บาดาล
หากแต่เป็นวิมาน ห่างฟ้า
สวรรค์ป่าทิพย์ยาน ไกลห่าง
บ้านป่าในแดนหล้า ใคร่ให้ มาเนา
ที่นี่วิมานดิน ที่อยู่กินของตัวฉัน
เหนื่อยยากสารพัน ทุกคืนวันฝันไม่ลง
วิมานดินถิ่นนี้ อยู่กิน
ซ่อนอยู่ในแดนดิน ห่างเร้น
พอเพียงดั่งทรัพย์สิน เลอค่า
เหน็ดเหนื่อยมิว่างเว้น ค่ำนี้ ฝันลวง
กลัวเธอจะเหนื่อยยาก เกรงลำบากหากเธอหลง
ใช่มานั่งปลดปลง ในป่าดงวิมานดิน
เกรงเธอจะเหนื่อยล้า ลำเค็ญ
ทนอยู่อย่างเคยเป็น เช่นนั้น
ลำบากกว่าเคยเห็น เฉกเช่น จ่อมจม
คงห่างคนละขั้น ห่างชั้น วิมาน
วิมานดินงดงาม วิแวววามไฝ่ถวิล
วิมานบนผืนดิน วิมานถิ่นดินแดนดอย
วิมานดินห่างชั้น งดงาม
แสงส่องวิแวววาม ส่องหล้า
บนผืนแผ่นดินตาม หาค่า จิตใจ
ไพรป่าในคืนล้า เด่นหล้า แสงเดือน
26 กันยายน 2549 09:24 น.
กุมภ์
ขอขอบคุณในไมตรีที่หยิบยื่น
ทุกวันคืนมอบสิ่งดีหาไดเหมือน
มากน้ำใจอวยพรให้ไม่แชเชือน
แม้เป็นเดือนที่นับได้คล้ายเป็นปี
ขอขอบคุณในดอกไม้น้ำใจสวย
รินระรวยละอองสวยด้วยแสงสี
คือแสงทองอำพันผ่องผ่านกวี
และคือสีที่เป็นศรีสลักใจ
ขอขอบคุณที่ห่วงใยคนไกลบ้าน
ไม่เคยคร้านสร้างตำนานรักใสใส
แม้นไกลห่างระยะทางแต่หัวใจ
ผูกพันใกล้จนคล้ายจับรับด้วยมือ
ขอขอบคุณ"คุณคนดี"เป็นที่หนึ่ง
คนที่ซึ่งเป็นกำลังให้ยึดถือ
ความสำเร็จใช่พลิกฟ้าด้วยฝ่ามือ
หากคุณคือกำลังเสริมที่เติมเต็ม.............
17 กันยายน 2549 22:45 น.
กุมภ์
ดวงดาวกลางเวหา โชคชะตาจักรราศรี
กำหนดมานานปี ตัวเรานี้เจ้าชะตา
นับรอบได้สิบสอง ตามครรลองการศึกษา
ตัวเราเดือนกุมภา กำหนดมาราศรีกุมภ์
รูปคนแบกคนโฑ แจกันโถใส่น้ำกลม
กำเนิดในธาตุลม รวนเรสมเป็นอาโป
เอาแน่นอนไม่ได้ มองดูคล้ายคนเลโล
น้ำไหลจากคนโฑ ดูเยโยวกวนเวียน
ชอบอยู่สมถะ วิริยะคงแก่เรียน
เป็นนักคิดนักเขียน เร่งความเพียรสะสมบุญ
ศึกษาหลักธรรมะ ลดเลิกละรู้บุญคุณ
ผู้ใหญ่คอยเจือจุน คล้ายเป็นทุนได้ใช้ไป
เป็นนักอนุรักษ์ ไม่เคยพักตะลอนไกล
ป่าเขาลำเนาไพร ธารน้ำไหลสายลมจร
ชมชอบศิลปะ อักษรสะสมเป็นกลอน
ภู่กันสะบัดสอน ดั่งเป็นพรแต่ก่อนมี
อีกด้านนักประดิษฐ์ เฝ้าค้นคิดปัญญาดี
ฝึกฝนหลักวิธี ตามวิถีความดีงาม
คำพูดจูงใจคน ไม่เวียนวนหมดคำถาม
ปรึกษาได้ทุกยาม ทุกเรื่องถามตามใจคน
มุมมองเรื่องชีวิต ฟ้าลิขิตทำสับสน
คนยากดีมีจน ล้วนตัวตนเป็นคนทำ
ความรักด้านที่มอง เรื่องคู่ครองยากชี้นำ
รักคล้ายชะตากรรม ที่หนุนนำและเปลี่ยนแปลง
รักความอิสระ ศิษย์พุทธะรู้ตื่นแจ้ง
ตัวตนค่อยแสดง หาได้แกล้งทำลายใคร
ตัวตนของคนกุมภ์ ราหูกุมอยู่เรือนใจ
เกเรและอ่อนไหว คนรู้ใจคงยากเจอ
คนกุมภ์เดือนกุมภา มีรักมาให้เสมอ
สุดแล้วแต่ใจเธอ อย่าไปเผลอรักคนกุมภ์
10 กันยายน 2549 10:58 น.
กุมภ์
ค่ำคืนใต้แสงดาว ส่องแสงพราวดาวดวงได
กระพริบระยิบไกล ฝากใจไปกับฝันดาว
แสงดาวพราวค่ำนี้ งดงาม
ดาวส่องแสงแวววาม ส่องให้
กระพริบถี่ฝากความ หมายว่า
ฝากส่งใจไปใกล้ ค่ำนี้ ฝันดี
ก่อนฝันในคืนนี้ วานมองที่เวหาหาว
หนึ่งดวงในหมู่ดาว กระพริบพราวว่าห่วงใย
ก่อนหลับตาแผ่วพลิ้ว นิทรา
วานก่อนมองดารา เกลื่อนฟ้า
มีเพียงหนึ่งดวงตา แทนค่า ดวงดาว
พราวส่องกระพริบจ้า ค่าได้ ห่วงใย
หากเจอดาวดวงนั้น ที่เวิ้งฝันโค้งฟ้าไกล
ดาวนั้นแทนดวงใจ สื่อความนัยไม่โรยรา
กวาดสายตาส่องฟ้า เบื้องบน
เกลื่อนกล่นดาราหน ส่องจ้า
โค้งฟ้าใช่ไกลจน เกินกว่า หยิบยื่น
สื่อส่งจากปลายฟ้า ส่งให้ ดวงใจ
ข้ามไปตามทางฝัน ที่แห่งนั้นดวงดารา
ระยิบระยับตา ผ่านเวลาเนิ่นนานวัน
ฝากหัวใจส่งให้ ดวงดาว
คืนค่ำทอแสงพราว แจ่มฟ้า
ระยิบส่องแสงขาว กระจ่าง
ดาวค่ำยังส่องหล้า แช่มช้า เนิ่นนาน
เก็บรักและหัวใจ ฝากดาวใสในวันฝัน
เรียงร้อยถ้อยรำพัน ทุกคืนวันว่ารักเธอ
ความรักแทนค่าด้วย ดวงใจ
มีค่าเกินสิ่งได แน่แล้ว
ฝากดาวส่องแสงใส ส่งผ่าน วลี
รักที่มีไม่แคล้ว ไม่ท้อ รอเธอ
8 กันยายน 2549 02:19 น.
กุมภ์
หริ่งเรไรระงมไพรในคืนดึก
กลางป่าลึกเดินปล่อยใจไปตามสี
แสงระยิบจากหิ่งห้อยในราตรี
กลางพงพีดั่งราตรีประดับดาว
แสงสีขาวเจือเหลืองพราว..วาววาววับ
ไพรระยับคล้ายจุดดาวสกาวขาว
กระพริบใสไหลตามลมดั่งฝนดาว
ชมแสงสาวฝนหิ่งห้อยที่ลอยลม
คล้ายม่านดาวพราวระยิบกระพริบจ้า
แต่เหว่ว้าดูเดียวดายไม่สุขสม
แสงใสเศร้าเคล้าสายลมที่พร่างพรม
ดูขื่นขมอยู่ในทีแสงสีนวล
ทวนสายลมในราตรีกลางไพรใหญ่
บินจากไกลลอยล่องไปไม่คืนหวน
แสงหริบหรี่ที่เหลือน้อยไม่เย้ายวน
ทิ้งแสงนวลประดับโคนต้นลำพู.......................