17 กันยายน 2549 22:45 น.
กุมภ์
ดวงดาวกลางเวหา โชคชะตาจักรราศรี
กำหนดมานานปี ตัวเรานี้เจ้าชะตา
นับรอบได้สิบสอง ตามครรลองการศึกษา
ตัวเราเดือนกุมภา กำหนดมาราศรีกุมภ์
รูปคนแบกคนโฑ แจกันโถใส่น้ำกลม
กำเนิดในธาตุลม รวนเรสมเป็นอาโป
เอาแน่นอนไม่ได้ มองดูคล้ายคนเลโล
น้ำไหลจากคนโฑ ดูเยโยวกวนเวียน
ชอบอยู่สมถะ วิริยะคงแก่เรียน
เป็นนักคิดนักเขียน เร่งความเพียรสะสมบุญ
ศึกษาหลักธรรมะ ลดเลิกละรู้บุญคุณ
ผู้ใหญ่คอยเจือจุน คล้ายเป็นทุนได้ใช้ไป
เป็นนักอนุรักษ์ ไม่เคยพักตะลอนไกล
ป่าเขาลำเนาไพร ธารน้ำไหลสายลมจร
ชมชอบศิลปะ อักษรสะสมเป็นกลอน
ภู่กันสะบัดสอน ดั่งเป็นพรแต่ก่อนมี
อีกด้านนักประดิษฐ์ เฝ้าค้นคิดปัญญาดี
ฝึกฝนหลักวิธี ตามวิถีความดีงาม
คำพูดจูงใจคน ไม่เวียนวนหมดคำถาม
ปรึกษาได้ทุกยาม ทุกเรื่องถามตามใจคน
มุมมองเรื่องชีวิต ฟ้าลิขิตทำสับสน
คนยากดีมีจน ล้วนตัวตนเป็นคนทำ
ความรักด้านที่มอง เรื่องคู่ครองยากชี้นำ
รักคล้ายชะตากรรม ที่หนุนนำและเปลี่ยนแปลง
รักความอิสระ ศิษย์พุทธะรู้ตื่นแจ้ง
ตัวตนค่อยแสดง หาได้แกล้งทำลายใคร
ตัวตนของคนกุมภ์ ราหูกุมอยู่เรือนใจ
เกเรและอ่อนไหว คนรู้ใจคงยากเจอ
คนกุมภ์เดือนกุมภา มีรักมาให้เสมอ
สุดแล้วแต่ใจเธอ อย่าไปเผลอรักคนกุมภ์
10 กันยายน 2549 10:58 น.
กุมภ์
ค่ำคืนใต้แสงดาว ส่องแสงพราวดาวดวงได
กระพริบระยิบไกล ฝากใจไปกับฝันดาว
แสงดาวพราวค่ำนี้ งดงาม
ดาวส่องแสงแวววาม ส่องให้
กระพริบถี่ฝากความ หมายว่า
ฝากส่งใจไปใกล้ ค่ำนี้ ฝันดี
ก่อนฝันในคืนนี้ วานมองที่เวหาหาว
หนึ่งดวงในหมู่ดาว กระพริบพราวว่าห่วงใย
ก่อนหลับตาแผ่วพลิ้ว นิทรา
วานก่อนมองดารา เกลื่อนฟ้า
มีเพียงหนึ่งดวงตา แทนค่า ดวงดาว
พราวส่องกระพริบจ้า ค่าได้ ห่วงใย
หากเจอดาวดวงนั้น ที่เวิ้งฝันโค้งฟ้าไกล
ดาวนั้นแทนดวงใจ สื่อความนัยไม่โรยรา
กวาดสายตาส่องฟ้า เบื้องบน
เกลื่อนกล่นดาราหน ส่องจ้า
โค้งฟ้าใช่ไกลจน เกินกว่า หยิบยื่น
สื่อส่งจากปลายฟ้า ส่งให้ ดวงใจ
ข้ามไปตามทางฝัน ที่แห่งนั้นดวงดารา
ระยิบระยับตา ผ่านเวลาเนิ่นนานวัน
ฝากหัวใจส่งให้ ดวงดาว
คืนค่ำทอแสงพราว แจ่มฟ้า
ระยิบส่องแสงขาว กระจ่าง
ดาวค่ำยังส่องหล้า แช่มช้า เนิ่นนาน
เก็บรักและหัวใจ ฝากดาวใสในวันฝัน
เรียงร้อยถ้อยรำพัน ทุกคืนวันว่ารักเธอ
ความรักแทนค่าด้วย ดวงใจ
มีค่าเกินสิ่งได แน่แล้ว
ฝากดาวส่องแสงใส ส่งผ่าน วลี
รักที่มีไม่แคล้ว ไม่ท้อ รอเธอ
8 กันยายน 2549 02:19 น.
กุมภ์
หริ่งเรไรระงมไพรในคืนดึก
กลางป่าลึกเดินปล่อยใจไปตามสี
แสงระยิบจากหิ่งห้อยในราตรี
กลางพงพีดั่งราตรีประดับดาว
แสงสีขาวเจือเหลืองพราว..วาววาววับ
ไพรระยับคล้ายจุดดาวสกาวขาว
กระพริบใสไหลตามลมดั่งฝนดาว
ชมแสงสาวฝนหิ่งห้อยที่ลอยลม
คล้ายม่านดาวพราวระยิบกระพริบจ้า
แต่เหว่ว้าดูเดียวดายไม่สุขสม
แสงใสเศร้าเคล้าสายลมที่พร่างพรม
ดูขื่นขมอยู่ในทีแสงสีนวล
ทวนสายลมในราตรีกลางไพรใหญ่
บินจากไกลลอยล่องไปไม่คืนหวน
แสงหริบหรี่ที่เหลือน้อยไม่เย้ายวน
ทิ้งแสงนวลประดับโคนต้นลำพู.......................
24 สิงหาคม 2549 02:30 น.
กุมภ์
ผาภูไกลสุดฟ้า นกเขาป่าอยู่พงไพร
รินลมรำเพยไกล หวานละไมเสียงพนา
ผาสูงยังบ่ใกล้ เมฆา
นกป่าห่วงพนา ค่ำแล้ว
รินลมป่าเชยมา ผะแผ่วแว่วเสียง
หวานอ่อนรำเพยแพ้ว แผ่วพลิ้วเสียงไพร
นกเขากลางป่าใหญ่ เปลี่ยวหัวใจเกินรักษา
เดียวดายในพนา วอนใครมาเลี้ยงดูใจ
นกเขาไพรกู่ก้อง สำเนียง
เปลี่ยวปล่าวรวดร้าวเพียง กู่ร้อง
เดียวดายส่งเพียงเสียง หาคู่
อยากอยู่ให้จับจ้อง เหนื่อยล้าหัวใจ
กลางไพรสนธยา นกเขาป่าหารู้ได้
หลงทิศโบยบินไป โหยหาไห้ในค่ำคืน
กลางไพรในป่าเศร้า สนธยา
นกป่าหลงบินมา ใช่รู้
หลงทิศห่างพนา ไพรป่าร้างเอย
หาญฝ่าลำพังสู้ กู่ร้องก้องไพร
ดึกดื่นก่อนฟ้าสาง สายหมอกจางในคืนขื่น
คืนช้ำสุดกล้ำกลืน น้ำตารื้นหามีใคร
ดึกดื่นคืนค่อนแล้ว รุ่งราง
กระจ่างสายหมอกจาง ห่างพื้น
สายลมอ่อนหมอกบาง เจ็บซ่อน
ดึกดื่นน้ำตารื้น สะอื้นอาวรณ์
20 สิงหาคม 2549 01:02 น.
กุมภ์
หยาดน้ำค้างกลางหมอก ไหวระลอกสายหมอกไพร
คงอยู่ตลอดไป ไกลจากใจไปสู่ทาง
หนทางอาบแสงจันทร์ กระจ่าง
เมฆหมอกบดหนทาง เคลื่อนแล้ว
ดาราระยิบพราง สายหมอก
ลมเหนือพริ้วลมแผ้ว แผ่วฟุ้งจรุงใจ
ทางไกลสู่ทางได ถามหมอกไพรไม่อำพราง
มืดมัวสลัวจาง ใสสว่างกลางป่าไพร
ธารสายหมอกละลาย ขาวใส
เอิบอิ่มอาบหัวใจ ใสแจ่ม
หมอกจางระบายไหว ลมอ่อน
ซ่อนความสดชื่นแช่ม อุ่นแดดรุ่งอรุณ
แดดอ่อนสาดส่องแสด ตะวันแผดบนป่าใหญ่
ขุนเขาลำเนาไพร ไกลหรือใกล้สว่างตา
ภูดอยคอยตะวัน ส่องสาด
ชื่นลมพรมไกรลาศ สิงขร
ม่อนดอยกรุ่นบุปชาติ สาดกลิ่น
รวยระรินกลิ่นขจร อาบสองห้องใจ....................