..ตาย ผมถ้าจะตายเสียแน่ ไม่มีหมอแก้ คงตายเสียแน่คราวนี้ ....นี่คือท่อนเพลงที่ พอฟังแล้วจำได้ดี .ในความอกหักของเจ้าหนุ่ม ที่สาวๆ เขาหักอกเอา มันปานแทบชีวาจะวายวาง หุหุ และเพลงนี้ มีคณะตลก นำไปเล่นไปแสดงกันในบนเวที ..เท่าทีพอจำได้ ดังนี้ครับ โอ๊ย หัวใจผมเดาะ โอ๊ย......( ตลก ทำหน้าตาเจ็บปวดมาก. หัว.....เอามือจับที่หัว ใจ...เอามือกุมหัวใจข้างซ้ายของหน้าอก ผม....นิ้วจับเส้นผมบนหัว เดาะ.....อันนี้ ใช้เท้าทำท่า เดาะลูกตะกร้อ หรือลูกฟุตบอล อิอิ เล่นเอา ฮา เหมือนกัน แนวเพลง ลูกทุ่งขนานแท้แบบสุรพล นี่เป็นที่ถูกอกถูกใจ คนรุ่นพ่อ รุ่นแม่กิ่งโศก เป็นอย่างมาก เพราะสุรพล จะร้องแนวชาวบ้านๆ วิถีชาวบ้าน บ่งบอกความเป็นตัวตนของชีวิตคนในขณะนั้น รถติด ก็ นำเพลงรถติด ฝนตก ก็ร้องสภาพคนหนีฝนตก เพราะกลัวคิ้วที่เขียนดินสอ จะลบหาย 555 แต่ปัจจุบันคงไม่แล้วเพราะมีเขียนแบบถาวร หรือจะร้องแบบเศร้า อย่าง สิบหกปีแห่งความหลัง ก็แสนจะเพราะ หรือ น้ำตาจ่าโท ที่กิ่งโศก ถือเป็นเพลงหากิน เวลาร้องคาราโอเกะ 5555 ลองมาชม มาฟัง กันด้วยความสนุกสนานกันนะครับ อย่าเครียดกับการเมือง อย่าเครียดข่าวใครจะตาย ไม่ตาย เหอๆๆๆ เพลง....หัวใจเดาะ ขับร้อง...สุรพล สมบัติเจริญ โอ๊ย หัวใจผมเดาะ แหมจำเพราะ มาเดาะเอาตรง หัวใจ ที่อื่นมีถม ไม่ไปเดาะนี่เพราะอะไร ดัน มาเดาะ เอาตรงหัวใจ ใครบ้างที่เหมือนอย่างผม ..โอ๊ย หัวใจผมปวด เหมือน โดนนวด ปวดเสียจนอกตรม จะมีบ้างไหม คุณหมอสาวๆ ที่มาช่วยผม โปรดมาระงับความตรม ช่วยดามหัวใจให้ผมที ..ตาย ผมถ้าจะตายเสียแน่ ไม่มีหมอแก้ คงตายเสียแน่คราวนี้ ไอ้โรคอย่างผม นิยมแต่หมอสตรี หากรักษาให้ดี ไม่ต้องกินยาก็หายเลย ..โอ๊ย หัวใจผมเดาะ เพราะโรครักเกาะ กลุ้มเสียจริงท่านหญิงเอ๋ย หากใครสงสาร ช่วยผมที อย่านิ่งเฉย อย่าพึ่งให้ผมตายเลย เอาไว้ฟังเสียงผมเถิดคุณ คุณหมอสาวๆ ที่มาช่วยผม โปรดมาระงับความตรม ช่วยดามหัวใจให้ผมที.. ... คราวหน้าจะลองนำเสนอ แนวเพลงเศร้าของ ราชาเพลงลูกทุ่ง ท่านนี้ดู รักมิเคยคลาย ๏ จ่อใดใจเดาะด้วย...จึงดาม- หักบั่นหั่นบากหาม........บุแห้ง หมดสิ้นหมิ่นโสต,ทราม-......วัยสื่อ หมายแฮ รานแตกแหลกต่านแล้ง......ร่ำต้อนร้อนตำ ๚ะ ๏ ใยช่างยั้งใช่ย้อน........ยอกแชรง ทวนพุ่งทุ้งพรวนแทง.....ทุบทิ้ง พิษร้าวผ่าวฤทธิ์แพง.......แผ่เร่า กร่อนร่วงกลวงร่อนกลิ้ง.....เกลือกล้อเกวียนหลอน ๚ะ ๏ ฤดีฤาด่างข้น..........รสคาว ไร้ทิศหลงทางราว-......บอดแล้ สะเปะสะปะสาว..........ปีนเสาะ ทั่วนา มืดตีบหม่นเต่อแม้.......มิเต้นม้วยตาม ๏ วอนเถิดไหว้เถอะน้อง......พี่วอน ๚ะ ไว้เมตตาอย่ารอน.......ตัดไว้ บ่วงโอบรัดบังอร......ร้อยบ่วง หวนคิดห้วงความให้....แรกนั้นคืนหวน ๏ มิเจื่อนไม่จืดแม้น.........นุชจาง มั่นรักมากเหลือวาง.......หว่างห้อง- ใจแม่จวบหมายทาบ......ทาบต่อ ใครเล่าพึงรักน้อง.......เฉกนี้พี่เสนอ ๚ะ + กิ่งโศก+ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ ขอบคุณ ลายเส้นสวย ๆ จาก บ้านคุณ ญามี่
ผิดกับยายของฉัน ที่บ้านทุ่ง (เอ้า ยายของฉันละ ที่บ้านทุ่ง) แกปล่อยเสื้อเลยพุง ยานเป็นถุงกาแฟ ............... ท่านจบของเพลงลูกทุ่งย้อนยุค ที่ทำเอาผม ต้องอมยิ้ม เมื่อได้ฟังบทเพลงนี้ ..นับว่าเป็นลูกทุ่งขนานแท้ เลย สุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งเมืองไทย บรรดาแฟนเพลงรุ่น คุณพ่อคุณแม่กิ่งโศก ติดกันงอมแงม หุหุ กิ่งโศก จำได้ น้าชายแกชอบมาก แกร้องเพลง สิบหกปีแห่งความหลังแบบเลียนเสียงสุรพล ตอนประโยคสุดท้าย แกจะอ้าปากกว้างๆ..แล้วตะเบ็งเสียงดัง แบบโก่งคอร้องกันเลย ผมมองดูเป็นที่น่าขันนัก เพราะเสียงจะออกมาแบบ ..กะ วาบ ๆ เห็นปัจจุบัน มีแต่เรื่องที่ไม่แท้ ไม่จริง เอามาพูดกันมากมาย เช่น เทียม บ้างละ เก๊บ้างละ บ้างก็ ออกตัวว่า..นั่นนะไม่ใช่ของแท้...มังเปงของเทียม 5555...... คนกรุงเทพฯ เคยนำชื่อผู้ว่า กทม. มาล้อกันช่วงหนึ่ง คือ ผู้ว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่ของแท้ เช่น.. ผู้ว่า พลเอกเทียม มกรานนท์....เทียม ...ไม่ใช่ของแท้ ผู้ว่าพลตรีจำลอง ศรีเมือง.......จำลอง....เป็นแค่การจำลอง ยังไม่ใช่ของจริง ผู้ว่าพิจิต รัตนกุล.......เป็นของจังหวัดพิจิต ไม่ใช่ของกทม...5555 วันนี้เลยหันมาฟังเพลงที่คงความเป็นลูกทุ่งขนานแท้ ที่หยิบเอาเรื่องราวใกล้ตัว นำมาถ่ายทอด เป็นเสียงเพลง..นอกจากนี้ ทำให้ย้อนมองเห็นภาพ เมื่อ สักสามสิบปี ย้อนหลัง สภาพสังคม การดำเนินชีวิต ของรุ่นนั้นเขาก้าวหน้า หรือเป็นอย่างไรกัน..ถือว่าศึกษาประวัติศาสตร์สังคมไทยไปในตัวนะครับ เพลงนี้ชื่อเพลง ของปลอม คงเป็นแฟชั่นที่กำลังเฟื่อง ของคนยุคนั้น บวกกับอารมณ์ขัน ของคนแต่ง คนร้อง..ผมว่า ให้ความบรรเทิงดีนักละครับ เพลง....ของปลอม แต่ง/ร้อง...สุรพล สมบัติเจริญ ..โลกนี้ มีอะไรน่าแปลกจริง เรื่องผู้หญิงพูดไปแล้วเบื่อจัง อย่าเพิ่งโกรธ หรือว่าอย่าเพิ่งเกลียดชัง (อย่าเพิ่งโกรธ หรือว่าอย่าเพิ่งเกลียดชัง) ขอพูดอีกครั้งเถิดนะน้องนางเจ้าอย่าเพิ่งฉิว ปากแดงแดง ตากลมกลม ปล่อยผมโชว์ อกโตโตเหมือนแตงโมที่หิ้ว แต่ทำไมน้องสาว จึงเดินลิ่ว (แต่ทำไมน้องสาวจึงเดินลิ่ว) น่ากลัวคงหิ้ว เอามาแต่ของปลอม .ของไม่จริงมันจึงไม่สั่น ไม่ไหว เขย่าเท่าไรจะให้มันไหวมันก็ไม่ยอม สงสัย ข้างในคงเป็นของปลอม (สงสัย ข้างในคงเป็นของปลอม) ที่แม่เนื้อหอม ปลอมไว้หลอก คุณลุง ผู้หญิงไทยสมัยนี้ผิดกว่าเดิม หน้าอกเสริมใส่ฟองน้ำกันให้ยุ่ง ผิดกับยายของฉัน ที่บ้านทุ่ง (เอ้า ยายของฉันละ ที่บ้านทุ่ง) แกปล่อยเสื้อเลยพุง ยานเป็นถุงกาแฟ (ดนตรี พร้อมพูด...เฮ้อ สาวเอ๊ยสาว ของแท้ที่อีพ่ออีแม่เพิ่นให้มา เจ้าบ่พอใจ ดั๊น ไปใส่ของปลอมเดินโซว์ เค็ดเป็นซ่งบักโม บับเบิด แท้น้อ ฮ่วย.) ..ของไม่จริงมันจึงไม่สั่น ไม่ไหว เขย่าเท่าไรจะให้มันไหวมันก็ไม่ยอม สงสัย ข้างในคงเป็นของปลอม (สงสัย ข้างในคงเป็นของปลอม) ที่แม่เนื้อหอม ปลอมไว้หลอก คุณลุง ผู้หญิงไทยสมัยนี้ผิดกว่าเดิม หน้าอกเสริมใส่ฟองน้ำกันให้ยุ่ง ผิดกับยายของฉัน ที่บ้านทุ่ง (เอ้า ยายของฉันละ ที่บ้านทุ่ง) แกปล่อยเสื้อเลยพุง ยานเป็นถุงกาแฟ (พูด เฮ้อ สมัยนี้..ของปลอมทั้งนั้น) + ฤๅจริง....หรือหลอก + ๏บานแก้มเบ่งกลีบเบื้อง......กองบุญ ครองอิ่มคำเอิบคุณ........ใคร่อ้อน ละม้ายลิตละมุน...........ละเมียด สนิทเชื่อนำซ้อน.......สบน้าวสื่อกระแส ๚ะ ๏ เห็นฉาบแห่ซ่อนห้อง......ห่อสี ในลึกนึกไล่นี-.......ติเร้น จริงหลอกจักหลบจี....บานช่อ สุดหยั่งชั่งยุดเค้น.......คั่วย้ำคลายยาง ๚ะ ๏ บ้างแอบเบนเบี่ยงอ้าง.....โอนใบ หากพลาดเหพลิกหัย.......หักพลิ้ว เฉกเทียมใช่แท้ใส.........ฉาบขุ่น ห่างผิดหันผูกหิ้ว.......ผกห้วงหัวหาย ๚ะ ๏ มิตายหมายตกม้วย.....มรณ์ตาม หากมั่วชั่วมิหาม.......ห่อด้วย ดีโชยเด่นช่วยดาม.....ดอมชื่น เห็นผิดหันผกห้วย.....หลบเร้นละหาน ๚ะ + กิ่งโศก + ๒๖ เมษายน ๒๕๕๓
นกแนบนวลนางนอน กางสองกรโอบกากี ชื่นชีวันขวัญชีวี แนบฉิมพลีหลับไม่ลง วันนี้นำเสนอ บทเพลงที่เข้าถึงความเป็นไทย ตามความรู้สึกของกิ่งโศก เพราะ เป็นเพลงที่ บรรเลงด้วยดนตรีไทย ขับนำด้วยเสียงระนาดเอก ที่เป็นวงปีพาทย์ครบเครื่อง มีจังหวะสนุกสนานเร้าใจ จากเสียงกลอง แล เนื่อ้หา ของเพลง เกี่ยวกับวรรณคดี ฟังแล้วได้อรรถรสยิ่งครับ เนื้อหาการประพันธ์ ที่เล่นคำได้กลมกลืนนัก คนเห่ขับก็พลังเสียงดูรื่นหู แม้นว่าบทเพลงนี้ จะนำมาจากบทเห่กากี ของเจ้าฟ้ากุ้ง บทกลอนของสุนทรภู่ ตอนครุฑ อุ้มนางกากี และบทมโหรีคำกลอน ของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) นำมาเรียบเรียง รวบรวมเป็นบทเพลงๆ นี้ บทประพันธ์ คือบทอัศจรรย์ ของการโอ้ปฏิโลม ชายหญิง ที่เขียนเชิงเปรียบเทียบกับธรรมชาติแทน... ความเก่าแก่ในวรรณคดี ผสมผสานกับความวิจิตรในจินตนาการทางภษาา คงสามารถกล่อมขัดเกลาอารมณ์คนที่ระอุ ให้เย็นลดดีกรีคงได้บ้างไม่มากก็น้อย กิ่งโศกหวังเช่นนั้น เราลองมาฟังและสดับไปพร้อมๆ กัน ณ..เพลานี้เทอญ เห่ฉิมพลี" - พร ภิรมย์ น้อง...นอน นอนหนุนตักพี่นอน นอน นอน นอน น้องนอน จะกล่อมให้นอน... ฉิมพลีพิมานมาศ สุดสวาทนาฏกากี เวนไตยให้ยินดี ปรีดาแนบแอบนางชม สองสุขสองสวาท แสงโสมสาดสองสุขสม สองสนิทสองชิดชม สองภิรมย์สมฤดี นกแนบนวลนางนอน กางสองกรโอบกากี ชื่นชีวันขวัญชีวี แนบฉิมพลีหลับไม่ลง สะท้านชานไกรลาส พิศวาสประหลาดหลง พระสุเมรุค่อยเอนลง ทอดยอดตรงหิมพานต์ นาคีสีทันดร เริงสาครกระฉอกฉาน กระเทือนถึงบาดาล แผ่พังพานเข้าถ้ำไป ราหูจับจันทรา สู้ฤทธิ์ราหูไม่ไหว ราหูอมสมฤทัย ไม่ยอมให้พระจันทร์จร อสุนีบาตฟาดสายฟ้า ต้องภูผาหน้าสิงขร ราหูอายคลายจันทร สุดอาวรณ์อาลัยจันทร์ นาคีเริงสาคร อ่อนใจตัวกลัวสุบรรณ แผลงฤทธิ์พ่นพิษพลัน หนีสุบรรณเจ้าฉิมพลี ยอดเอยเจ้ายอดรัก ผู้มีพักตร์ผ่องโสภี หลับตาอย่าพาที ฟังเสียงพี่อย่ารำคาญ ตักพี่นี้แทนหมอน ทิฆัมพรแทนมุ้งม่าน โพยภัยไม่แผ้วพาน หลับสำราญดั่งฉิมพลี น้อง...นอน นอนหนุนตักพี่นอน นอน นอน นอน นะนอน จะกล่อมให้นอน... ๏ พักตร์น้องเพียงเนตรพริ้ม ....พรูนัย ล่วงสู่ลุสรวงวลัย ........... โสตล้ำ พิมานผ่านเมฆไพ ....... พรมมาส กราวคีตดีดคลอกล้ำ ....... กล่อมเคลิ้มก่ายขอน ๚ะ ๏ นอนต่างหนุนตักนี้ ......... แทนหมอน สวมกอดสอดสองกร.......... กกเกล้า อิ่มบานเอิบบังอร ........... แอบชิด สนิทสนมเหน้า .......... หนุ่มซ้อนหนุนสาว ๚ะ ๏ บ่มหนาวบ่หน่ายเนื้อ ........บอกนาง เรียมร่ำใช่รักลาง ........... เถิดรู้ จวบสิ้นใช่จืดจาง ........... จรจืด ไผจักเท่าพี่ผู้ ................ ฮักเจ้าจอมขวัญ ๚ะ ๏ บรรเลงบรรลุร้อง ....... บรรโลม เห่กล่อมห้อมกรอโหม ...... หึ่งกลั้ว กินรีกรวาดโกรม ........... ก้าวร่าย รำเฮย สว่างสวรรค์รั้ว .............. รอบเซิ้งเริงสุม ๚ะ ๏ จุมพิตจิตพ่มแจ้ง ....... จักรพาล สบถสบสาบาน ............ บ่งแจ้ง สิเน่ห์สนิทนาน ......... เนื่องสู่ โยงรักยากริแย้ง .......อยู่ยั้งยืนยง ๚ะ ขอบคุณ line สวยๆ จากบล็อคคุณ ญามี่ ครับ
..เคยได้ยินสุภาษิต ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ต่อมามีคนดันแผลงแบบประชดว่า ทำดีได้ดี มีที่ไหน ทำชั่วได้ดี มีถมไป แลนั่นคือ ผลลัพธ์ หรือสิ่งที่แต่ละคนได้รับแบบที่ตรงกันข้าม ตามความเชื่อ ของคนไทย ที่นับถือพระพุทธศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับ นรก สวรรค์ ใครทำบาป ก็ตกนรก หมกไหม้ แล้วแต่ชนิดของบาป อีก ว่าหนักเบาแค่ไหน ดูๆ ไป ยมพบาล ก็เหมือนศาล นะ เพราะต้องตัดสินว่าใครบาป ไม่บาป บาปมาก บาปน้อย หรือ มีบุญส่งไป สวรรค์ ตาม สถานะที่ทำกรรมดีไว้ ว่าจะไปชั้นไหน ส่วนนรก ต้องดูว่า บาปแค่ไหน อยู่ขุมไหน ... อันที่จริง การดำรงค์ชีวิต อยู่ในปัจจุบัน มันก็คล้ายกันนะ..ว่าเรากำลังใช้กรรมอยู่ กรรมไม่ดี ก็ได้รับความทุกข์ทรมาร ทั้งกาย และใจ ประหนึ่งมีไฟสุมทรวงเช่นนั้น ส่วนคนที่ มีกรรมดี ชีวิต ก็อิ่มเอิบ ผ่องใส โดยที่ไม่ขึ้นกับฐานะยากจน หรือรวยแต่อย่างใด หรือ นี่แหละ ที่เราเรียกกันว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ..หุหุ กิ่งโศก คนยาก ขอเปิดกรุ เพลงเก่าอีกเพลง ..วันนี้อยากเสนอ บทเพลง เกี่ยวกับ..นรก สวรรค์หน่อยครับ เพราะปัจจุบัน..ดูว่ามนุษย์เดินดิน ไม่แยแสสวรรค์ หรือ เย้ย นรกกันน่าดู เผื่อจะเห็นดอกบัวแท้ๆ (โดยไม่เห็นดอกบัวปลอม กรงจักร) พระสงฆ์ องคเจ้า เริ่มเสื่อมความศรัทธา ลงทุกวัน เสพเมถุน ยุ่งทางโลก และผสมกับอวิชาทางคุณไสย อันไม่ใช่แนวทางของพุทธองค์ ผู้คนขโมย ตัดเศียรพระ ตามวัดวาอาราม โอ้..เกิดอะไรกันนี่ ยังไม่ถึงยุคพระศรีอาร ไม่ใช่หรือ เพลงนี้ ยมพบาลเจ้าขา..ขับร้องโดย บุปผา สายชล เป็นเพลงเก่า สมัยกิ่งโศก ไม่เกิดเลยอะ อิอิ ยมบาลเจ้าขา ขับร้องโดย บุปผา สายชล ยมบาลเจ้าขา ฟังฉันว่าสักนิดหน่อยสิ เดี๋ยวนี้ทำไมคนดี ๆ ต้องไปเมืองผีกันโดยง่ายดาย ยมบาลเจ้าขา คนชั่วช้าทำไมไม่ตาย ชั่วช้าน่าชังเห็นยังลอยชาย ส่วนคนดีหลบหายล้มตายไปทีละคน โลกมนุษย์แย่ที่สุดแทบทนไม่ไหว จะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น เมื่อก่อนนี้เคยเห็นแต่ผีหลอกคน เดี๋ยวนี้ชอบกลเจอแต่คนหลอกผี ยมบาลเจ้าขา เชิญท่านมารับฟังหน่อยสิ นักร้องเสียงเย็นแถมเป็นคนดี ท่านเอาไปเมืองผีเสียปีละคนสองคน โลกมนุษย์แย่ที่สุดแทบทนไม่ไหว จะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น เมื่อก่อนนี้เคยเห็นแต่ผีหลอกคน เดี๋ยวนี้ชอบกลเจอแต่คนหลอกผี ยมบาลเจ้าขา เชิญท่านมารับฟังหน่อยสิ นักร้องเสียงเย็นแถมเป็นคนดี ท่านเอาไปเมืองผีเสียปีละคนสองคน .......................................... จังหวะสนุกสนาน แต่เนื้อหากลับ แฝงสัจจธรรมยิ่ง อยากให้คนที่กำลังคิดร้ายต่อแผ่นดิน ได้สำนึกถึงบาปกรรมมั่ง ทำดีเพื่อพ่อหลวงบ้าง หยุดให้ร้ายจาบจ้วง พ่อหลวงได้แล้ว บาปจะได้หยุดกิน แค่นั้น ตรองเถิด ผองไทย (กลบท: วัวพันหลัก) ๏สำนึกตรึกเถิดผู้...........ผองไทย ไทยย่ำถองแยกไทย......ยั่วท้าว ท้าวยมโลกยกไหว.......วักหัตถ์ หัตถ์กราดชี้กุน้าว........สู่ฟ้าลงเหว ๚ะ ๏ เลวชั่วไร้สุขร้าง......รอสู สูยิ่งฉ้อแย่งชู..........ฉกยื้อ ยื้อยุดย่ำแยงยุ.......หยิบยก ยอนา ยกต่อเหยียดติดตื้อ....ตอกย้ำต่ำสยอง ๚ะ ๏ ฮีตคองเฮือนคู่ฮู้......ฮ่วมความ ความล่วงครั้งเลื่อนคาม......ค่อนแล้ว แล้วชนร่นฉาวราน..แล่ฉีก ฉีกแบ่งฉลบ่นแส้ว(แซ่ว)....ซูบเบ้เฉบอ ๚ะ ๏บ่อขุมบิบั่นข้อ........เบิกขุม ขุมนรก,กก,รุม......ละกว้าง กว้างโอบกลบอ้ากุม...กัด,อก อกแบะอุบาทว์อ้าง.....อับเบื้องอบาย ๚ะ ลายเส้นสวยๆ จากบ้านคุณญามี่
เฮ...ละลันละลันละลันละลา... .......ละลันละลันละลันละลา... ทำนองเสียงบทเพลงภาระตะ...ที่เคยเปรี้ยงปร้างสมัยก่อนนั้น คงไม่มีเพลงใดเกิน โชเล่ย์พเนจร..เป็นแน่ เพราะคนร้อง เป็นลูกครึ่งอินเดีย ชื่อ สุมิตร แต่ต่อมานักร้องลูกทุ่งไทย ยอดรัก สลักใจ ก็นำมาขับร้องโด่งดังอีก ..แบบว่ามีเพื่อนๆ ร้องขอแนว อินเดียนะขอรับ.. อันที่จริงแนวเพลงแบบแขกอินตะระเดียนั้นมีหลายเพลง.. กิ่งโศกพยายามหาเพลง โชเล่ย์ แต่หาลำบาก..ไปเจอเพลง ..รอยมนทินใจ..ฟังสำเนียงร้อง อืม.ใช่เลย เพลงนี้แหละ แนวเพลงอินเดียที่เรามักจะเห็นและฟังกันส่วนมากในภาพยนต์แขก..ที่เพลง เหมือนโห่ เห่ สูงๆ ยาวๆ จังหวะ สนุก พร้อมภาพพระเอก นางเอก ..วิ่งไล่กัน จาก ภูเขาลูกหนึ่ง ไปอีกลูกหนึ่งเลยทีเดีย ภาพยนตร์อินเดีย..ส่วนมาก มีบทเพลง ที่กินเวลาไปเกือบครึ่งเรื่องกระมัง ร้องไป ขยับตัวยึกยักไป หลบพุ่มไม้ บังต้นเสา หุหุ เยิ่นเย้อมาก...แต่ชอบดู รามายะนะ .. พวกแขกมักจะตาโต ใหญ่ คม( อารยัน )..จนคนไทยนำมาเปรียบเทียบ ผิวพม่า นัยน์ตาแขก..(แผลง นัยน์ตาแหก) วันนี้เราจะไปถึงชมพูทวีปกันนะครับ ฟังทำนองเพลงอินเดีย แต่เนื้อหาแบบไทยๆ รอยรักรอยมลทิน ไพรวัลย์ ลูกเพชร เมฆ มัวบนท้องฟ้าแลดูยังอาลัย เก็บความช้ำไว้ให้ใครจาบัลย์ ห่าง ไกลคนละฟ้าเวลาย่ำสายัณห์ ผูกความนึกฝันคือรอยราคี ห่างจากแต่เพียงเดือน ห่างฟากแค่เพียงปี ชั่วห่างรักนี้ไม่มีอำลา เศร้า เราเคยรักมาดังดวงชีวา จากไปโหยหาดังใจมลทิน ระทมหม่นหมองช้ำ ระกำจากปลายลิ้น เป็นรอยมลทินกินซึ้งเลยถึง แก่นใจ ใครจะนึกฝันเป็นความอาลัย เก็บความช้ำไว้เพื่อรอวันตาย อันตรายแต่กายนั้น รำพันก็ฝันร้าย เธอเอาดวงใจเธอขายชายใด.. บอกฉัน มองและชะเง้อฟังเธอรำพัน โอ้ความรักนั้นรอยมลทินใจ อันตรายแต่กายนั้น รำพันก็ฝันร้าย เธอเอาดวงใจเธอขายชายใด.. บอกฉัน มองและชะเง้อฟังเธอรำพัน โอ้ความรักนั้นรอยมลทินใจ ห่างจากแต่เพียงเดือน ห่างฟากแค่เพียงปี ชั่วห่างรักนี้ไม่มีอำลา เศร้า เราเคยรักมาดังดวงชีวา จากไปโหยหาดังใจมลทิน ...เมฆ มัวบนท้องฟ้าแลดูยังอาลัย เก็บความช้ำไว้ให้ใครจาบัลย์ เฮ ลันลันลันลันลันลันลันลา ลันลันลันลันลันลันลันลา เฮ ลันลันลันลันลันลันลันลา ลันลันลันลันลันลันลันลา มลทินใครหนอสร้าง ๏ รอยด่างร้างดื่นร้าว......ฤดี ตราบาปต้อนบีบตี......แบะต้อง ยากลบกลบรอยยี-.....ย่ำราบ ฝังแน่นแผ่นหนาพร้อง.....เชื่อมพื้นผืนผา ๚ะ ๏ อาลัยอายร่ำร้อง.....เรียกหา ครวญโอดกำสรดครา-......ขื่นซ้อน กลืนพิษรักพักลา........โรยแผ่ว ฟากหม่นฝนมืดฟ้อน....พยับฟ้าพรูสาย ๚ะ ๏ พรายก่ำพร่ำเกลี่ยพร้อย......แก้มพรม เปียกแฉะแปะชิดปม.........เช็ดป้าย คงร่ำขื่นล่วงขม................ข่มหลุด อกกุดหยุดยกย้าย.............ยอกสิ้นหมดลม ๚ะ ๏ น้ำถ้อยน้อยท่ามเนื้อ.........หนาวสะเทือน เฉกดาบฉับแดเฉือน.........ฉีกดิ้น บั่นเถือบิแทงเบือน.........เบี่ยงท่า เหือดยิ่งแห้งแย้งสิ้น......สืบย้อนใจสาว ๚ะ ๏ ฤาเกลียดเรียดกล่าวร้าย.......หาดี เทคว่ำน้ำปัถพี.......สาปพร้อม จอดภพจบวิถี....เจิมชาติ ลี้ห่างร้างไกลล้อม......ปิดกั้นกล่าวเห็น ๚ะ +กิ่งโศก+