...ดับอารมณ์ ที่เริ่มหน่าย..ตามประสา คนยาก..ด้วยบทเพลง..ช่วงที่ ภาวะสงคราทางอารมณ์ ที่กำลังห้ำหั่น กันใน ภายนอก รบกันด้วย...สี.. กิ่งโศก เรียกว่า สีปาก 555 ..ซึ่งกระจายคุกรุ่นอยู่ทุกที่ทุกสถาน บ้านกลอนยัง ถูกกวาด ด้วยพายุนี้ ไปด้วย ..เลยภาพที่เห็น ฟาดฟันกัน ด้วยวลี..ฝุ่นตลบไปหมด ..อันอารมณ์ หากเหนือเหตุผล ความแค้นก็แน่นกมล เพียงท่อนนี้ ก็ควรค่าประสานเสียงพอได้... เสนอเพลง...คำคน ครับ คำคน เ คำร้อง สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ทำนอง สมาน กาญจนะผลิน ขับร้อง สุเทพ วงค์กำแหง ..พี่ ระทมอยู่เดียวดาย ความ สุขที่หมายคลายคืน เจ้า ลืมรักเคยภิรมณ์ ชมชื่น เพียงฟังน้ำคำคนอื่น เจ้าคืนสัญญาแห่งใจ ..อันคำคน เวียนวนลอย ลม ควรหรือเจ้ามาเศร้าตรม เอาอารมณ์ของตัวเป็นใหญ่ เก็บมาวู่วาม หลงลืมแม้ความยับยั้งชั่งใจ ตัดเยื่อ ตัดใย ทอดทิ้งให้พี่ อกตรม ..เจ้า คิดเอาแต่ใจ ตน ลืม เหตุลืมผลงายงม แต่เพียงน้ำคำวาจา ปรารมภ์ ควรหรือยึดเอามาตรม ระทมแล้วเลยเปลี่ยนไป ..อันอารมณ์ หากเหนือเหตุผล ความแค้นก็แน่นกมล กลายเป็นคนคิดสั้นไปได้ หักความระทม ยกเอาอารมณ์ทิ้งให้ห่างไกล จะเห็น หัวใจ แล้วจะรักใคร เจ้าเอย .อันอารมณ์ หากเหนือเหตุผล ความแค้นก็แน่นกมล กลายเป็นคนคิดสั้นไปได้ หักความระทม ยกเอาอารมณ์ทิ้งให้ห่างไกล จะเห็น หัวใจ แล้วจะรักใคร่เจ้าเอย... "เพลง..คำคน" คุณสุเทพ บอกว่าตอนท้ายของเพลงนี้มักจะมีคนนำไปขับร้อง"ผิด"ในตอนท้ายเพลงที่ว่า อันอารมณ์ หากเหนือเหตุผล ความแค้นก็แน่นกมล กลายเป็นคนคิดสั้นไปได้ หักความระทม ยกเอาอารมณ์ทิ้งให้ห่างไกล จะเห็น หัวใจ แล้วจะรักใคร เจ้าเอยที่ถูกต้องคือ...แล้วจะ "รักใคร่" เจ้าเอย..(เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จาก "คุณสุเทพ" ครับ) ....................... ๏ บ้างขุดปูดแค่นขุ้ย.......ความหลัง โน่นฮา บ้างจวกแทงจ้วงจัง-....หนับแค้น บ้างเหยียดหยิ่งหยามยัง.......เหยียบยก บ้างเบ่งพองปล่องแป้น.......พี่เต้ยขาโต ๚ะ ๏ แสนยานุภาพขว้าง.....ครึกขรม ปลิวปละละเลงลม......เลือดล้าง ถ้อยทุบถากรอถม......เท้าย่ำ สลดจิตจวบอ้างว้าง.....อนาถแท้ความหนอ ๚ะ ๏ยุวชนอย่าอ้าง......ลอกเลียน เสพสิ่งคลื่นหวนเหียน.....หั่นชี้ ยลวิจิตรความเขียน.....อื่นเถิด หลบลบแลบทนี้........ตรึกให้ตรองเห็น ๚ะ ...สุขสวัสดิ์ จงมีแด่ทุกผู้..ทุกนาม.
.. วันนี้ ยังมาแนวลูกทุ่ง..มีสลับลูกกรุงบ้าง แล้วแต่อารมณ์ คนบ้านๆ เช่น กิ่งโศก คนยาก ผู้ไม่เคยป่าวประกาศ ว่าเป็นบ้านนอก คอกวัว แต่อย่างใด..เพราะเพียงแค่ การเสพงานเพลง ก็คงพอจะเดามะยาก.. ว่า อีตาหมอนี่ เป็นคนหลังเขาขนานแท้ 555 พี่น้องไม่ต้องเชื่อนะครับ.. ..เห็นมีการพูดถึงเรื่องบัว..อาจจะหลายเหล่า..(เกินที่พระพุทธองค์บัญญัติ) โดยการยกพุทธพจน์ หรือพุทธภาษิต มาอ้างให้พวกเราได้รับ ความรู้กัน บ่อย.. การนำพุทธพจน์ หรือภาษิตแห่งพระศานำมากล่าว ย่อมสำแดงถึง ความมีจิตใจที่ ดู เป็นอุเบกขา..น่าเชื่อถือ.. อย่างน้อย..พร้อมๆก็ขยับตน ดูสูงขั้น มาให้สาธุชน ได้ประจักรกันบ้าง ละ นะ อิอิ..เพียงแต่ อย่าหลุด ภาวะ รูปที่เห็นว่าตรงตั้งดุจ มีความเป็น...กลาง..(ไม่ใช่กาง) ก็แล้วกัน.. ไม่งั้น ความเสื่อม ย่อมบังเกิด แก่ ผู้นั้นเอง กิ่งโศก..ยังเป็นคนที่พอกด้วยกิเลส พอสมควร..จึงมี ร้อน เย็น ในอารมณ์ ที่ มาเป็นห้วงๆ ไป..ตามภาวะ กระแส สารธาร..อารมณ์ ...วันนี้ อัด เพลง บัวตูมบัวบาน...น้ำเสียงต้นฉบับ แม่ไม้เพลงไทย..เลย จังหวะสนุก ความหมายของเพลง..ผมว่า สะท้อน ภาวะ อารมณ์มนุษย์ได้ดี..ที่ยังพอกด้วยความอยาก การประพันธ์ แน่นอนว่า คงความเป็นบทกวี ..ที่สรรสร้างได้อย่าง..งดงามแท้จริง มาดู และมาฟัง บทเพลง ๆ นี้กัน ..หากเพลงไม่ดัง ก้อ ขอภัย นะครับ.. เพลง : บัวตูม บัวบาน ศิลปิน : พร ภิรมย์ ลงเรือน้อยลอยวน ในสายชลห้วยละหาน มีทั้งบัวตูมบัวบาน ดอกใบไหวก้านงามตา เมื่อลมพัดมาชื่นใจ ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่ เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ ฟังยิ่งฟังไป เร้าฤทัยลำพอง ปองจะเด็ดบัวบาน ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ ใจหมายดึงโน้มโลมรอง หากบัวไม่มีเจ้าของ จะชมทั้งสองปทุม เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ จะเด็ดดอกตูม ยังนึกเสียดายดอกบาน เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน บัวหอมชวนอกสะท้าน งามทั้งบัวตูมบัวบาน เทพไททุกแดนพิมาน ประทานสมดังตั้งใจ เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย จะเด็ดดอกบานดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว จะเด็ดดอกไหนกันหนอบัวตูมบัวบาน จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่ ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน พอดอกตูมแย้มตระการ ดอกบานก็คงแห้งโหย กลีบราร่วงโรยน่าชัง ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม บาปเคราะห์และกรรมประดัง แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง ไม่ยอมกลับหลัง หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน ..จากบทเพลง..คือ ความลังเล...บางครั้งก้อ พลาดหวัง ...จากบทเพลง...สะท้อนถึง ความงามแห่งบุปผาชาติ ใช่จีรัง..เหมือน อำนาจ..ที่คนแสวงหา ก็ ใช่จีรัง.. ๏ ดรุณแรกรุ่นคล้าย..........บัวจี ล่วงล่อภุมรี...................ยั่วเย้า บัวบานซ่านกลิ่นสี........แย้มช่อ ผึ้งภู่พรูพลอดเคล้า........ชะงักง้างดอกไหน ๚ะ ๏ ใคร่ผันผลุดหลุดพ้น........โคลนตม เปื้อนติดคราบอาบปม......เปลือกหุ้ม รอดหลีกหลากปากคม......อำพุช ชาติเนอ ขยับหนีขยุ้ม.....................โผล่น้ำห้วยระหาน ๚ะ ๏ บานตูมต่างเบ่งต้อง..........ตา,บวร หยามเหยียดชลจร...........จรดจ้อง ยกตนส่งเหนือขอน.........ต่ำปลัก โคลนเฮย กลีบร่วงหล่นร่องท้อง.....เสพสิ้นมัจฉา ๚ะ ๏ ดรุณแรกรุ่นเพี้ยง.......จีบัว จริตมิเกลามัว.............เมือกกล้ำ หลงรูปดุจดั่งวัว.........พ้นหลัก เริงพฤกษ์ลุล่วงถ้ำ......เซ่นท้องราชสีห์ ๚ะ + กิ่งโศก+ ขอบคุณลายเส้นสวยๆ จากคุณญามี่..(ไปแอบจิกมา)
.วันนี้ กิ่งโศก หลงยุค นิดหน่อยอะ..หลังออกไป..ทำจ๊อบ เล็กๆ ..ที่พอมีเวลาในวันหยุดชดเชย วันนี้. ความเหน็ดเหนื่อย ได้วิทยุในรถนี่แหละ ฟัง FM เพลง วัยสะรุ่นทั้งนั้น ..อะนะ วันนี้ขอกระชากวัยหน่อย.. เพลงนี้ เนื้อหาไม่มีอะไรมากเลย...จู่ๆ ก็เปิด เรื่องเกี่ยวกะโจร....ที่ข่มขู่ คดโกง..ทรัพย์ศฤงคาร ของผู้อื่นที่ไม่ใช่ส่วนตน..เอามาเป็นของตน..แถม ลำพองใจยิ่งนัก ซะงั้น ..แต่สุดท้ายกับไปพบสัจธรรมอย่างหนึ่ง...ที่คาดไม่ถึง..คือ ..สุขที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การรับ..รับอะไรที่ตัวเรามีความอยาก.. มาฟังเพลงนี้กันดูนะครับ เพลง : จอมโจร ศิลปิน : Cookie united อัลบั้ม : Cookie united ครั้งหนึ่งมีเจ้าโจรใหญ่ที่สุขใจกับการได้รับมา ทุกๆแห่งที่มันมุ่งไป จะต้องได้คืนกลับมา แล้วอยู่มาในวันหนึ่ง เกิดได้พบเด็กน้อยผู้หลงทาง จึงได้บอกว่ามีสิ่งใด อย่าช้าให้จงส่งมา ถ้าไม่ส่งก็คงเจ็บตัวแน่นอน เจ้าเด็กน้อยไม่ค่อยกลัวสักเท่าไหร่ ตอบออกไปของในมือคืออมยิ้ม ... เจ้าเด็กน้อยยิ้มให้โจรพลางบอก ชวนให้ชิมลองหน่อย จะเจออมยิ้มอร่อยหวานมัน แล้วเจ้าโจรเมื่อได้ชิม เด็กก็ยิ้มท่าทางแสนดีใจ เจ้าโจรเกิดแปลกใจขึ้นมาเลยถามยิ้มแย้มอะไร หนูน้อยตอบได้มอบสิ่งดีให้กัน.. * เจ้าโจรร้ายนั้นจึงได้เข้าใจ สุขที่แท้ไม่ใช่เพียงแค่การรับ เจ้าโจรร้ายนั้นได้ลองคืนกลับ คืนให้กันแล้วมันก็เจออมยิ้มอร่อยหวานมัน แล้วเด็กน้อยและเจ้าโจรต่างก็เดิน จับมือไปด้วยกันพบความสุขจากการแบ่งปัน การให้ที่มีต่อกันได้ความสุขที่แท้กลับคืนได้มา (ซ้ำ * ) สุขที่แท้ไม่ใช่เพียงแค่การรับ โลกใบนี้ถ้าได้ลองมองกลับ คืนให้กันก็คง จะเจออมยิ้มอร่อยหวานมัน หากเพลงไม่ดัง เข้าไป ลิงค์ นี้เลย http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=3707 ๏ เดียรถีย์ชาติครั้ง......ความสถุน ยื้อเบียดทรัพย์อื่นขุน....ขยอกขย้อน จิตหยาบบาปหนุน.......บุญห่าง ปลายชีพเปลวโชนซ้อน......แทรกไหม้ใช้กรรม ๚ะ ๏ ยุติทำยุลิ้น........ยั่วรอ อวดซื่อถือสัตย์หนอ....นับเชื้อ อ้างเอ่ยย่ำจนงอ.......สิ้นแง่ง ลืมคิดจิตหวนเกื้อ....ก่อครั้งความหน ๚ะ ๏ อิ่มเอ๋ยอิ่มก่อนแล้ว.......ฤาหิว มิหน่ายรสเคลือบผิว.....ซ่อนร้าย กระหายเฉกเสือหิว......หวงซาก สิ้นฤทธิ์แลละม้าย......กุดแข้งแขนขา ๚ะ