๏ ช้ำรานฉานล้าเฉก .....ชะรอย แช่งแลทอดเนิ่นเทินหน่ายถอย .... นับท้อพากย์สรรพรั่นสบพลอย .... สั่นผ่าน โศกเฮยผลาญย่ำพร่ำยิ่งพ้อ .... พิโยคโย้ผ่าวยืน ๚ะ๛๏ ช้ำรอยรานผ่านเร้าผ่าวอารมณ์-สะกิดแคะแทะข่มจวนล่มขืน-สังขารยั้งหวังหยัดรัดที่ยืน-เหยียดชูเชิดหน้าชื่นระรื่นทรวง๏ ขมซ่อนหลบขบมุมในหลุมหม่น-หมางครางครวญถ้วนหนระคนห่วง-หาอาทรภาพเก่าอันร้าวกลวง-โบ๋ลึกล้นเกินล้วงจะท้วงร้อง๏ คมใหม่กดหมดคมบาดจมค่อน-มิดด้ามพร้าหาผ่อนบันทอนผ่อง-ใสมัวขับจับเคล้าสีเทาคล้อง-คอถูกก่านบั่นต้องจนหมองตัว๏ กรีดบรรจงบ่งไว้บิใจแหว่ง-วิ่นชิ้นแหกแหลกแห่งขาดแบ่งหัว-หูร่างไร้คล้ายขอดเหมือนถอดคัว-เกล็ดปลาเกลี้ยงเหวี่ยงทั่วทั้งตัวทิ้ง-๏ แผลใหม่ไหม้ซ้ำเหมือนต่างเตือนมุ่ง-หมายใครได้สะดุ้งร่วงรุ่งดิ่ง-หล่นถึงเนื้อลึกใต้มิไหวติง-ดึงยุดฉุดสาวยิ่งนับนิ่งยอ๏ ปล่อยไปตามยะถาชาตาที่-ย่ำผจญหนนี้ไม่หนีหนอสยบยอมจ่อมพับลำดับพอ-เพียงแค่รานผ่านล้อของเวลา+ กิ่งโศก +พฤหัสบดี ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖แรม ๗ ค่ำ เดือนสิบ ปี มะเส็ง...ตอนนี้เป็นแผลที่แก้มขวา..แบบว่าโดนใบมีดโกนเข้าไป ฉึกหนึ่ง เลือดโทรมเลย หุหุ...
๏ เนตรโพลงบ่งภาพให้ .... เล็งเห็นกบจะกลืนเดือนเพ็ญ .... พร่างฟ้าเขี้ยวแสยะเยือกเย็น .... ขย้ำขยับ อ้านาเดือนเคลื่อนหลบเชื่องช้า .... นรลุ้นช่วยเหลือ ๚ะ๛๏ เนตรเบิกโพลงบ่งเพลิงเผาเวิ้งภพราหูข่มโหมขบตะปบแขจันทรเจ้าเท้าจ้ำหนีย่ำแจบังเมฆคั่นม่านแคร่หลบแลเคียง๏ อสุรีเหลิงฤทธิ์ลิขิตฤกษ์คำรนซ้องร้องเศิกก้องเกริกเสียงขย้ำอัดยัด-อมดวงกลมเอียงอัคนีพะเนียงแตกเสี่ยงนับ๏ เหล่าผู้คนโพ้นคุ้งสะดุ้งคาด-เคาะเกราะสั่นกลั่นสาดสารพัดสรรพหวังช่วยไล่ส่ายร้องทั้งผองรับปืนผาข่มพรมขับนานับครั้ง๏ กี่รอบปีรี่ป่วนรุกหวนปล้ำกี่แรมเดือนเลือนด่ำระห่ำดั่งกี่คืนวันคั่นเวรเป็นภวังค์กี่ศตวรรษชาติหวังยั้งนิวรณ์๏ รอคอยคราวดาวเคลื่อนพรากเรือนเคราะห์เพ-ลาทัณฑ์ผลาญกระเทาะลัดเลาะถอนอสูรคืนกลืนจันทร์รอผันจรพร่ำมนตราอมรนำพรเมือง ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๗ กันยายน ๒๕๕๖
๏ ระแหงแหล่งเหือดสิ้น .... ซบกระเซ็นด่างระดะกระเด็น ...... ดอก-ริ้วนรกจกเปรตเป็น ...... แปลงร่าง รานฮากระทืบกระแทกกริ้ว .... หลู่ฟ้าเย้ยสวรรค์ ๚ะ๛๏ ทั่วระแหงแหล่งฮ้ายบรรลัยเหี้ยนผีห่าเชือดเหือดเสี้ยนจวนเจียนสิ้นอกว้างดายวายด่าวทบท่าวดินใต้มณฑณมลทินตกถิ่นทาง๏ เปลวแสงหรี่สีเลือนเสมือนลับโคมเอยเด่นเอนดับพลันอับด่างในฝันขื่นฝืนคร่ารุ่มระคางเหือดหายร่วงห้วงร้างพับวางลง๏ ภัยพิบัติพัดบ่าโถมถาบั่นจากหัตถ์ชนโหนชั้นห้ำหั่นส่งเติมฟืนไพล่ไฟผลาญให้รานพงชนอัปรีย์อี๊ปลงกลหลงเป็น๏ ความยากอื่นยื่นอังบดบังอัตเหลือโลภค้างรั้งคัดวิบัติเข็ญตัวกูโดยโกยด่วนล้วนประเด็นใบ้รู้ย้อนร้อนเย็นรำเค็ญยิน๏ มารผลาญทรัพย์เพลินฉีกโขกจิกแส่กระเซ็นทั่วชั่วแถแย่ทุกถิ่นเหล่ากาลีกิเลสอาเพศ-รินโหมรุมกัดรัดกินพุงปลิ้นกาง๏ พระหลักเมืองเมลืองโรจน์ท่านโปรดรู้ช่วยยั้งชาติหยัดชูคงคู่สร้างป้องร้ายถมล่มเถื่อนขับเคลื่อนทางพร่าชั่วร้ายฉายล้างราบม้างลง ๚ะ๛+ กิ่งโศก+๖ กันยายน ๒๕๕๖