23 กุมภาพันธ์ 2552 22:52 น.
กิ่งโศก
ถ้ามองข้ามความดีคนมีค่า
แม้จะนั่งตรงหน้ายังเพิกเฉย
ไม่มีวันที่จะเจอคนใช่เลย
แม้เอื้อนเอ่ยทักทายไม่ใยดี
แม้นเมินเลย เฉยชา ดั่งผาหิน
ใจไม่ยิน ฤารับ คำร้องนี่
ที่วานพ้อ ต่อเสริม เติมวจี
ขอคนดี หยุดรอ ขอเพียงฟัง
คนจะมีคู่ครองอยู่ด้วยสุข
ควรลืมทุกข์เรื่องราวแต่คราวหลัง
สะกดรอยแห่งบาปสาบชิงชัง
เติมพลังให้กันด้วยเนื้อบุญ
แม้อดีต กรีดไว้ ให้ใจร้าว
ใช่จะสาว ยาวยื้อ กระพือขุ่น
เพียงจักเก็บ บทเรียน บอกบาปบุญ
อันไหนคุณ สิ่งใดโทษ..จดไว้จำ
อันคู่เทียมพบเมื่อไหร่ก็ดูง่าย
แต่คู่หมายคู่แท้แม่คมขำ
กว่าจะพบใช่เวลาพาจดจำ
คอยเกื้อหนุนผลงามเพื่อนำทาง
:
หากคู่แท้ แน่เกื้อ กุศลเก่า
ที่ย้อนเร้า แรงบุญ หนุนนำสร้าง
ดุจไอ้ขวัญ คู่เรียม ริมกองฟาง
รักหาจาง เพราะถ้อย ร้อยสัจจา
เมื่อหลุดพ้นความสับสนก็กระจ่าง
เป็นหนทางนำล่องอย่างช้าช้า
บุญกุศลร่วมชาติที่ทำมา
ย่อมรักษาคนดีนี้สองคน
มือพนม ก้มกราบ อฐิษฐาน
พระประธาน โปรดรับ แรงกุศล
ครั้งร่วมเรียง เคียงไหว้ เก้าวัดวน
ขอจงดล กมลมั่น นิรันดิ์รัก
:
ก้มกราบพระด้วยใจผ่องใสยิ่ง
ไม่ประวิงจขออิงแอบแนบใจภักดิ์
จะประคองรักสองให้แน่นหนัก
ดุจความรักเหมือนนทีที่งดงาม
*****************************************************
ได้รับเกียรติจากคุณแก้วประภัสสรร่วมต่อกลอนด้วยครับ ...ขอบคุณมากคุณแบม..ส่วนบทไหนของใครเดาเอานะครับ..ทายถูกมีรางวัล อิ อิ
13 กุมภาพันธ์ 2552 22:01 น.
กิ่งโศก
หากใจคน บอบบาง เหมือนอย่างแก้ว
คงแหลกแล้ว ด้วยพิษ ความคิดถึง
แต่นี่เป็น เลือดเนื้อ เมื่อคำนึง
หัวใจจึง เจียนเต้น ไม่เป็นใจ ( จาก บล็อค..บรรณภรณ์ )
..............................................
ร่ำคำขาน ปานดั่ง หทัยดับ
โสตสอดรับ นับน้าว ผะผ่าวไหว
พิษคิดถึง พึงเร้า เย้ายอกใจ
สุมเพลิงไหม้ เกรียมป่น ใจคนคอย
กฤษณา ราวี ฤดีซ่าน
ทิวาลับ สายป่าน ใจหลุดผล็อย
ก่นราตรี คลี่กาล แหวกม่านคอย
ศศิคล้อย ดาวเคลื่อน เลื่อนใจทน
คิดถึงเอย ใยเลย คิดถึงเหลือ
ผิว่าเกื้อ แต่ก่อน ย้อนนำผล
นำถ้อยนี้ ที่คนึง อยู่อึงอล
ถึง...ณ..คน ไกลนั้น ที่ฉันจอง
....ฝากผืนฟ้า พานำ คำข้านี้
....ฝากนที ไหลถ้อย ลอยละล่อง
....ฝากธารลม โหมพัด พาดพจน์กรอง
...กู่ป่าวร้อง ก้องฟ้า ....ว่า.....คิดถึง...คุณ
3 กุมภาพันธ์ 2552 12:29 น.
กิ่งโศก
หลุดสลาย ไร้แรง ... พยุงต้น
ปลิดปลิวหล่น พ้นกิ่ง.ก้านรุกขา
ละลิ่วลอย เค้วงลู่ สู่ฉมา
ผ่านอาภา มาลุต พิรุณริน
ปะทะโถม ลมพลิ้ว ใบสะบัด
โทมนัส กัดป่น จนแหว่งวิ่น
เดชสุรีย์ ผลาญเผา เป็นเถ้าดิน
มวลตลบ กลบสิ้น ......ดิ้นดับลง
แผ่นใบกรอบ ตอบแห้ง แดงดำปื้น
จตุบาท ย่ำพื้น ป่นเป็นผง
เคยชะอุ่ม ชุ่มรับ ประดับพง
มาแหลกลง อุทิศร่าง ภูมิเทวี
ดวงใจหล่น หลุดขั้ว ระรัวร้าว
เต้นแผ่วผ่าว ราวใ บ แห่งไม้นี้
ด้วยผจญ ฝนร้าย ร่ำราวี
แม่ธรณี...กลบร่างไว้ ..ใต้.ดินดอน...
...................................................................
รุกขา.....ต้นไม้
ฉมา.....แผ่นดิน
มาลุต...ลม
ภูมิเทวี....แม่พระธรณี
....เครดิต ภาพ...จาก..big-lor