๏ เนตรโพลงบ่งภาพให้ .... เล็งเห็นกบจะกลืนเดือนเพ็ญ .... พร่างฟ้าเขี้ยวแสยะเยือกเย็น .... ขย้ำขยับ อ้านาเดือนเคลื่อนหลบเชื่องช้า .... นรลุ้นช่วยเหลือ ๚ะ๛๏ เนตรเบิกโพลงบ่งเพลิงเผาเวิ้งภพราหูข่มโหมขบตะปบแขจันทรเจ้าเท้าจ้ำหนีย่ำแจบังเมฆคั่นม่านแคร่หลบแลเคียง๏ อสุรีเหลิงฤทธิ์ลิขิตฤกษ์คำรนซ้องร้องเศิกก้องเกริกเสียงขย้ำอัดยัด-อมดวงกลมเอียงอัคนีพะเนียงแตกเสี่ยงนับ๏ เหล่าผู้คนโพ้นคุ้งสะดุ้งคาด-เคาะเกราะสั่นกลั่นสาดสารพัดสรรพหวังช่วยไล่ส่ายร้องทั้งผองรับปืนผาข่มพรมขับนานับครั้ง๏ กี่รอบปีรี่ป่วนรุกหวนปล้ำกี่แรมเดือนเลือนด่ำระห่ำดั่งกี่คืนวันคั่นเวรเป็นภวังค์กี่ศตวรรษชาติหวังยั้งนิวรณ์๏ รอคอยคราวดาวเคลื่อนพรากเรือนเคราะห์เพ-ลาทัณฑ์ผลาญกระเทาะลัดเลาะถอนอสูรคืนกลืนจันทร์รอผันจรพร่ำมนตราอมรนำพรเมือง ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๗ กันยายน ๒๕๕๖
๏ ระแหงแหล่งเหือดสิ้น .... ซบกระเซ็นด่างระดะกระเด็น ...... ดอก-ริ้วนรกจกเปรตเป็น ...... แปลงร่าง รานฮากระทืบกระแทกกริ้ว .... หลู่ฟ้าเย้ยสวรรค์ ๚ะ๛๏ ทั่วระแหงแหล่งฮ้ายบรรลัยเหี้ยนผีห่าเชือดเหือดเสี้ยนจวนเจียนสิ้นอกว้างดายวายด่าวทบท่าวดินใต้มณฑณมลทินตกถิ่นทาง๏ เปลวแสงหรี่สีเลือนเสมือนลับโคมเอยเด่นเอนดับพลันอับด่างในฝันขื่นฝืนคร่ารุ่มระคางเหือดหายร่วงห้วงร้างพับวางลง๏ ภัยพิบัติพัดบ่าโถมถาบั่นจากหัตถ์ชนโหนชั้นห้ำหั่นส่งเติมฟืนไพล่ไฟผลาญให้รานพงชนอัปรีย์อี๊ปลงกลหลงเป็น๏ ความยากอื่นยื่นอังบดบังอัตเหลือโลภค้างรั้งคัดวิบัติเข็ญตัวกูโดยโกยด่วนล้วนประเด็นใบ้รู้ย้อนร้อนเย็นรำเค็ญยิน๏ มารผลาญทรัพย์เพลินฉีกโขกจิกแส่กระเซ็นทั่วชั่วแถแย่ทุกถิ่นเหล่ากาลีกิเลสอาเพศ-รินโหมรุมกัดรัดกินพุงปลิ้นกาง๏ พระหลักเมืองเมลืองโรจน์ท่านโปรดรู้ช่วยยั้งชาติหยัดชูคงคู่สร้างป้องร้ายถมล่มเถื่อนขับเคลื่อนทางพร่าชั่วร้ายฉายล้างราบม้างลง ๚ะ๛+ กิ่งโศก+๖ กันยายน ๒๕๕๖
๏ จะซุกซ่อนแทรกเร้น......ฝังรอย รานฮากลบ-ลบตะเข็บฝอย ......อดีตร้าวกระตุ้นตื่นขื่นถอย ...... รันทด ฟื้นเนอสืบเสาะแสวงก้าว ...... ใหม่สร้างรังสรรค์ ๚ะ๛๏ ซุกซ่อนเร้นเสียดร้าวใต้เงาลึกยังตราตรึกผนึกย้ำถึงคำหยันเดียวดายท่ามบาทวิถีผู้มีทัณฑ์กระซิบพรั่นสั่นขั้วกลางหัวใจ๏ ผืนแผ่นดินถิ่นกว้างย่ำย่างก้าวหาหนึ่งเด่นเพ็ญอะคร้าวราวแขไขปฏิพัทธ์ฉันเถิดอรทัยจับมือฉันมั่นไว้อย่าได้วาง๏ โปรดสำแดงแจ้งรักประจักษ์รู้สมเป็นเช่นยอดชู้มิรู้สร่างถึงไม่เที่ยงคงทนบนเส้นทางแต่สองเราเคล้าข้างไม่ร้างเคียง๏ จะผันแปรเช่นใช่ก็ไม่ทราบศิโรราบจับซบบรรจบเสียงเถิดจูงใจผูกจิตจุมพิตเพียงพร้อมอ้อมโอบกอดเยี่ยงมิเบี่ยงโย้๏ พูดด้วยพจน์จรดล้ำถ้อยคำรักว่าฉันพร้อมยอมภักดิ์จมปลักโผล่ให้เริงหลง-งง-เงย-ก้มเกยโงโลมรักผลิปริโขเติบโตคง๏ ณ คาบนี้สิพร้อมน้อมพบเพื่อนแม้นมิตรเยือนสงสัยนัยประสงค์โปรดรู้ใต้กรอบตาเบื้องหน้าตรงถ้วนล้วนกรงวงภาพรับทราบพอ ๚ะ๛+ กิ่งโศก+ศุกร์ ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ปี มะเส็งฟังเสียงรอสายทางโทรศัพท์ที่เป็นเพลงฝรั่ง ที่เราฟังไม่ออก ฟังทุกวันและทุกวัน มันก็เลยคุ้นหู ไปดูไปอ่านเลยลองผันมันเป็นบทกวี มั่วๆเอาตามความรู้สึกอะครับTake Me To Your Heat...
๏ “มาตาปิตุ”แม้น .... เหมือนพรหมเฉก“บุรพเทวะ”สม .... เช่นผู้”คุรุ” แรกอุดม .... โดยศาสตร์ ปฐมเนอ“อาหุเนยโย”รู้ .... เลิศล้วนอรหันต์ ๚ะ๛๏ อัน"มาตาปิตุ”ควรคู่ตั้งดำรงค์รั้งร่มไม้โพธิ์ไทรเสมือนยกเทินสูงเยี่ยงเด่นกว่าเพ็ญเดือนคือเครื่องเตือนเยือนย้ำกตัญญู๏ เทียบบิดรมารดามีค่าดุจ-พรหมวิหารพิสุทธิ์-สี่แด่สูเมตตาก่อการุณค้ำจุนชูมุทิตารู้อยู่อุเบกขาย้ำ๏ คือเทวะผู้สรรคอยคั่นชี้ปกป้องภัยพ่ายหนีตีกระหน่ำถนอมเนื้อเชื้อชอบมิบอบช้ำรักเกินใครกล่าวคำนำเทียบเคียง๏ คือปฐมบรมครูผู้เริ่มสอน-เกลาปัญญากล้าก่อนจะคลอนเกี่ยงวางวิถีบาทเอนไม่เบนเอียงให้รู้หลบทบเบี่ยงเลี่ยงอบาย๏ คืออรหันต์บุคคลยึดยลครบวิสุทธิ์เทพรู้ภพบรรจบหมายเนื้อนาบุญหนุนแกร่งก่อแรงกายสาธุชนหญิงชายจงใคร่ตรอง๏ ผู้บุตรเอยผู้ดำรงค์สืบพงศาโปรดแลหาผู้สร้างท่านทั้งสองยามท่านอยู่ดูแลตามครรลองประพฤติครองต่อผู้มีพระคุณ ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเส็ง..ใกล้วันแม่..กิ่งโศกขอน้อมรำลึกถึง บุพการีทั้งสอง ..แม้นบัดนี้จะคงมีแต่พ่อเฒ่า พระองค์เดียวในบ้านที่ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวสายสัมพันธ์ในครอบครัว..ส่วนแม่ ตอนนี้ท่านสถิตย์บนฟ้าบนสรวงสวรรค์แล้ว ลูกขอประพฤติดี กระทำดี เพื่อทดแทนพระคุณของแม่..ส่วนพ่อลูกจะขอทดแทนพระคุณท่านเท่าที่บุตรพึงกระทำได้ ...
๏ "เงา"ทอดท่ามทิวาสุริยวัฏเคลื่อนคล้อยห้อยเห็นชัดรัศมีฉายเลียนอย่างหยอกล้อหยันย้ำบรรยายจวบรัตติกาลผ่านกรายลับหายกลืน ๚ะ๛๏ เงาฉายงายโชติเช้า ....บังแสงสุริย์ฉายสำแดง .... ยิ่งล้อคนเคลื่อนเลื่อนให้แคลง ... คงเล่น ล้อเฮยจะย่างนั่งวิ่งห้อ.... ก็ห้อมตะล่อมเหมือน๏ คล้ายเพื่อนคล้ายแฝดคล้าย....สองคนตรองกิริยาฉงน .... ต่างคล้ายภาพดำม่านหม่นจน ... มืดจับ เจื่อนเฮยขยับยกตกตามย้าย .... เยี่ยงเย้าหยอกเอิน๏ ต่างเพลินต่างเพริดใต้ ....ตาวันท่ามทิวาเฉิดฉันท์ .... ปรากฏไซร้ห่างหว่างระยะหัน .... เห็นกำเนิด เงานาหนึ่งมืดหนึ่งสว่างให้ .... แบ่งข้างสองเขลา๏ ลางเงาลางเกิดซ้อน .... ซ่อนลึกครอบกรอบก่อต่อตรึก .... ตริรู้งำจิตขีดสำนึก ....ชะงัก งันฮาแผลงปรับเปลี่ยนแปลงผู้ .... พลิกใต้เงางำ๏ คำกล่าวเงานั้นย่อม .... คู่ตัวเงาว่างบ่เห็นหัว ..... เหตุสิ้น-ชีพวิบัติขลาดกลัว .... ลางก่อ ร้ายแฮด่าวชะตาแตกดิ้น .... ดับต้องตามเกณฑ์๏ เงาตัวเห็นสะท้อน.... ตัวตนเงาจิตย่อมกลืนกล .... กลบกล้ำคือผลิปริแปลงผล .... ปลายสุด แท้เนอสรรพสิ่งบังเกิดซ้ำ .... สืบตั้งแต่อัตตา ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๑ สิงหาคม ๒๕๕๖แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็งเงานั้น ย่อมสำแดงสถานะ โดยเสมอเพื่อนเสมือนญาติ ยิ่งมิตร