11 กรกฎาคม 2549 16:49 น.
กันเอง
เลือดเดียวกัน
บัวกันต์ วิลามาศ
1.
ปรียานุชเธอมีสิทธิ์ที่จะอาศัยความได้เปรียบทางสังคมของครอบครัวเธอ โดยการขอย้ายหรือขอไปช่วยราชการที่โรงเรียนในเมืองได้ ศักยภาพของเธอพร้อมที่จะไปอยู่ในโรงเรียนที่
หลาย ๆคนขนานนามว่าเป็นโรงเรียน คุณนาย แต่เธอปฏิเสธความได้เปรียบนั้นอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลอันใดนั่น เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายความแห่งเหตุผล
ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่ลึกล้ำของหญิงสาวร่างน้อยคนนี้หรอกว่า เหตุใดคือคำตอบแห่งการปฏิเสธในสิ่งที่เธอพึงกระทำได้อย่างไม่อาลัยใยดี ต่างกับอีกหลายคนที่ดิ้นรนหาโอกาส
เช่นนี้ แต่ก็ไม่พบเจอในเส้นทางแห่งโอกาสที่ต้องการได้
ทุกเช้าราวโพล้เพล้ เธอกุลีกุจอจัดแจงทำอาหารเพื่อร่วมรับปรานกับครอบครัว ก่อนที่
จะจับรถคู่ชีพบึ่งออกจากตัวเมืองไปตามเส้นทาง มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านอันเป็นแหล่งงานแห่งอาชีพ
ที่เธอรับผิดชอบเป็นกิจวัตรแห่งวิญญาณของความเป็นครูในยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษาที่ท้าทายในความสามารถของผู้คนในยุคสมัย
พลันที่รถคันงามที่เธอทำหน้าที่เป็นสารถีส่งตัวออกจากเขตเมือง ผ่านกองขยะกองโต
ที่เทศบาลนำมากองไว้ข้างทางนอกเมือง เปรียบเสมือนอนุสาวรีย์ที่เชิดหน้าชูตาผู้ผ่านพบ ให้ผู้คนที่กรายผ่านได้รับรู้ว่าบ้านนี้เมืองนี้มีเศรษฐกิจดี มีการซื้อขายสินค้ามากมายจนไม่สามารถทำลายกองขยะให้หมดไปได้ แมลงวันหัวเขียวตัวโตเท่าเม็ดไฝบนใบหน้าของนักการเมืองบางคน ที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการขยายพันธุ์บนกองขยะขนาดมหึมาถึงกับสะดุ้ง เมื่อรถที่เธอขี่ผ่านไปด้วยความเร็วที่ไม่เกินอัตราตามที่กรมขนส่งกำหนดไว้ให้ผู้มีหน้าที่ขับขี่ยวดยานได้พึงตระหนักในความปลอดภัยของผู้ร่วมสัญจร
แมลงวันผู้ไวต่อการดมดอม ไม่รอช้าต่างรวมกันบินตามเธอไปเพื่อชมความงามและสูดดมกลิ่นแป้งแห่งความหลังจากเจ้าของรถอย่างไม่เป็นขบวนดั่งผึ้งแตกรัง แต่ด้วยความเร็วของรถ
กว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เหล่าแมลงวันเกิดการท้อแท้แม้ยังหวัง หันหัวบินกลับมาสูดดมกลิ่นจากกองขยะอีกคำรบหนึ่งดั่งเช่นเป็นกิจวัตรที่ต้องปฏิบัติมิให้ขาดเช่นนี้
ผ่านพ้นจากการกระหายอยากจากแมลงวัน เข้าสู่หมู่บ้านย่านอาชีพ เธอถูกรุมจีบจาก
เหล่ายูงที่มุ่งหวัง จิ้มแทงที่ผิวเนื้อไร้เสื้อบัง สูบเลือดจากกายก็พอประทัง แต่กลับยังแพร่เชื้อ
สู่เนื้อนาง
บ้านตานวน เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีครัวเรือนมากนัก ทางทิศใต้ของหมู่บ้านเป็นขอบประเทศเขตป่าลึก เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่านาชนิด หลายชีวิตของคนในหมู่บ้านได้อาศัยป่าแห่งนี้เป็นที่ประกอบกิจการงานแห่งอาชีพตน ให้ชีวิตได้ผ่านพ้นไปวัน ๆ ท่ามกลางความอดอยากของภาวะที่ใกล้จะล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ถนนหนทางขาดการปรับปรุง ยุงก้นปล่องมีช่องทาง
ในการขยายพันธุ์อย่างเต็มที่ ทำให้โรงเรียนแห่งนี้ได้รับอานิสงส์แห่งเบี้ยกันดาร
เธอผ่านการทดลองปฏิบัติราชการแล้ว
2.
มอเตอร์ไซด์รับจ้างจากวินในตัวอำเภอ สวมเสื้อกั๊กสีแดงมีชื่อของนักการเมืองท้องถิ่นปักไว้ด้านหลัง ขับบึ่งเข้ามาที่โรงเรียนตั้งแต่โรงเรียนยังไม่ขึ้นเรียน ซึ่งตามปรกติในยามนี้ รถที่วิ่งเข้าสู่โรงเรียนจะเป็นรถของเธอปรียานุช แต่วันนี้หาใช่ไม่ เด็กน้อยหลายคนที่กำลังทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนเริ่มสงสัย หรือว่าครูปรียานุชย้ายหนีจากพวกเราไปแล้ว จึงให้มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสอนแทน
ไม่......สิ่งเหล่านี้เป็นไปไม่ได้
คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างยื่นกระดานแผ่นหนึ่งให้อาจารย์ใหญ่ที่เดินออกมานำนักเรียนทำความสะอาดบริเวณด้านประตูเข้าโรงเรียน
อาจารย์ใหญ่ค่ะ..ดิฉันขอลาป่วยสักหนึ่งวัน ต้องเข้าโรงพยาบาล ดิฉันปวดหัวและหนาวมาก ฝากดูแลเด็กด้วยค่ะ
ด้วยความเคารพ
ปรียานุช
จดหมายลาป่วยที่ไม่เป็นทางการของครูปรียานุช ที่ส่งถึงผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ตั้งใจอ่านอย่างรีบเร่ง แววตาที่เปล่งประกายแห่งอุดมการณ์กลับแดงกล่ำมีน้ำไสๆไหลรินลงเล็กน้อยมาล้างลูกตา เขาใช้มือที่วันนี้ยังไม่เปื้อนชอล์กปาดน้ำไส ๆนั้นออก โดยไม่อาการอายเขินต่อคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ยืนมองอยู่ด้วยความสงสัย
มันเป็นน้ำตาของผู้บริหาร
มันเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย
ขอบคุณมากครับ
ครับ...ผมกลับก่อนนะครับอาจารย์ใหญ่
อาจารย์ใหญ่ยืนมองรถรับจ้างที่ขับออกจากโรงเรียนไปจนลับสายตา
เขาครุ่นคิด
ความลำบากใจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อครูปรียานุชลาป่วย หน้าที่ความรับผิดชอบเด็กจึงเพิ่มขึ้นด้วย เพราะทั้งโรงเรียนมีครูเพียง 4 คน เมื่อครูปรียานุชลา ครูที่เหลือจึงต้องทำหน้าที่สอนแทนคนละ 2 ห้องเรียน
คุณทองสุข หลังเลิกเรียนเราเข้าไปที่ตัวอำเภอด้วยกัน....ไปเยี่ยมครูปรียานุช อาจารย์ใหญ่บอกเพื่อนครูร่วมโรงเรียน ครูทองสุขเป็นเพื่อนครู ไม่ใช่ลูกน้อง
ครับ
ห้องพิเศษหมายเลข 5 ของโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอ คือห้องที่ครูปรียานุชนอนพักรักษาตัว สภาพห้องเป็นห้องเล็ก ๆ มีเตียงคนไข้อยู่ด้านซ้ายของห้อง ส่วนทางด้านขวาของห้องมีม้านั่งสำหรับคนเฝ้าคนไข้ สิ่งอำนวยสะดวกมีทั้งตู้เย็นเบอร์ 5 และโทรทัศน์
สามีของปรียานุช คือปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และทำหน้าที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไปด้วย วันนี้เขาไม่ได้อยู่เฝ้าครูปรียานุช เพราะเขาต้องออกไปประชุมต่าง ๆนานาจิปาถะที่เขาต้องรับผิดชอบ มีเพียงคุณแม่ของครูปรียานุชเท่านั้นที่เฝ้าอยู่
ความไม่สบายใจของอาจารย์ใหญ่เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่ออาจารย์ใหญ่เห็นครู
ปรียานุช นอนอยู่บนเตียง แขนของเธอถูกเสียบด้วยปลายเข็มที่แหลมคม มีสายยางใสโยง
ไปที่ถุงน้ำเกลือที่ห้อยอยู่บนเสาข้างเตียงพยาบาล เธออยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ดูแล้วเศร้าหมองไม่สดใสเหมือนชุดที่เธอใส่ไปทำงานที่โรงเรียน ต่างกันราวฟ้ากับดิน เป็นการแต่งกายในชุดที่ทุกคนไม่อยากพบเจอ แม้ว่าการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จะเป็นธรรมดาก็ตามที
เป็นอย่างไรบ้างครับ..ครูปรียานุช
เหนื่อยค่ะ
น้ำตาผู้บริหารเริ่มปริ่มออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำตอบของครูปรียานุช
ดึกมากแล้ว......สามีครูปรียานุชยังไม่กลับ อาจารย์ใหญ่และครูทองสุขยังไม่กลับ
ความหนาวเหน็บในคืนที่มีหมอก เริ่มแผ่ซ่านเข้าสู่ความรู้สึกของผู้คน ครูปรียานุชเริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูง คุณหมอต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับอาจารย์ใหญ่ที่ต้องคอยเป็นห่วงอย่างกระวนกระวาย
อาการของครูปรียานุชทรุดหนักเมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
คุณหมอต้องประกาศหาเลือด เพื่อให้เลือดกับครูปรียานุช และเลือดกรุ๊ปโอของ
อาจารย์ใหญ่ ได้ถูกถ่ายทอดเพื่อรักษาชีวิตของครูปรียานุชได้อย่างไม่คาดคิด มันเป็นกรุ๊ปเลือดแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือ
3.
แม้จะนานแต่ก็เหมือนไม่นาน การใช้ชีวิตร่วมกันของคณะครูกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์ ปลูกฝังความเป็นความหวังของแผ่นดินให้กับเด็กอย่างมีความสุข ทุกคนร่วมกันเพื่อเด็ก ณ ดินแดนบ้านป่าแห่งนั้นอีกคำรบหนึ่ง
4.
ทำไมคุณต้องทุ่มเทการทำงาน คอยรับใช้อาจารย์ใหญ่บ้านนอกคนนั้นมากนัก
สามีของครูปรียานุชมักเอ่ยในลักษณะนี้ออกมาบ่อยครั้งที่ครอบครัวของเธอเริ่มมีปากเสียงกัน เป็นปัญหาทางครอบครัวที่มิใช่ปัญหาธรรมดาของมนุษย์โลก
หรือว่าคุณมีอะไรกันกับอาจารย์ใหญ่ของคุณ
คุณมีอะไรกับอาจารย์ใหญ่ของคุณใช่ไหม
ปรียานุชเธอไม่เคยโต้เถียงหรือเอ่ยคำใดออกมาจากปากของเธอเลย เธอฟัง เธอก้มหน้าก้มตาทำงานในหน้าที่การงาน ทำงานในหน้าที่ของภรรยาที่ดีของครับครัว เธอไม่สนใจในคำพูดอันไร้สาระของสามี แม้ว่าบางครั้ง บางวันหรือบางเวลาเธอจะเจ็บจากคำพูดสักเท่าไรก็ตาม
บ่อยครั้ง บ่อยขึ้น ที่เธอต้องคอยอธิบายเหตุผลในการทุ่มเทกายใจในการทำงาน แต่คำอธิบายของเธอหาได้เป็นที่พอใจของสามีเลยแม้แต่น้อย อธิบายเหตุผลให้เข้าใจกลับสงสัยมากขึ้น เป็นความลำบากใจของเธออย่างที่มิอาจฝืน
คงถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเอ่ยออกมาดั่งที่ใจต้องการ
ใช่....ฉันมีอะไรกับอาจารย์ใหญ่จริง ๆ
เธอเอ่ยขึ้นมาเมื่อความอดทนของเธอสิ้นสุดลง
สามีของเธอตาแดงกล่ำ จ้องใบหน้าของครูปรียานุชที่เอ่อด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด มือขวาถูกยกขึ้นพร้อมที่จะตบเปรี้ยงลงบนใบหน้าของครูปรียานุช มันเป็นอารมณ์ขุ่นเคืองที่ฝังอยู่ในใจของเขามานานแล้ว เขารอวันที่ครูปรียานุชจะตอบ..ตอบในสิ่งที่เขาคิดไว้เป็นความคิดที่ของต้องการให้ตอบอย่างนั้น
เขาต้องการคำตอบที่เขาคิด
คิดอยากให้เป็นเช่นนั่นจริง
ใช่....ใช่....ฉันมีอะไรกับอาจารย์ใหญ่ . สิ่งที่ฉันมีมันเป็นเลือดกรุ๊ปโอ....เป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกันที่ช่วยให้ฉันรอดตายเมื่อเข้าโรงพยาบาล อาจารย์ใหญ่เขาให้ฉันในวันที่คุณไม่มีเวลาว่างเพื่อดูแลฉันไง...พอใจหรือยังในคำตอบของฉัน
มันต่างกันกับที่ฉันมีกับคุณ..คุณเข้าใจแล้วหรือยัง
เธอจะหาคำใดมาเอ่ยได้ดั่งใจเช่นนี้ แต่เธอก็ทำได้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องประกาศความเป็นศักดิ์ศรีของเธอเอาไว้ หลังจากที่ปล่อยให้สิ่งที่เธอรักและหวงแหนต้องเผชิญกับความเจ็บปวดมานานแสนนานแล้ว
มือที่ยกขึ้นเหนือไหล่ พร้อมที่จะฟาดเปรี้ยงลงในส่วนใดก็ได้ของครูปรียานุช ในยามที่เขาหุนหัน ถูกลดลงโดยสัญชาติญาณ เขาเดินออกจากห้องไป ครูปรียานุชมองตามสามีที่กำลังมีอารมณ์โมโหเดินออกไปจากห้องอย่างสะใจและปนเปกับความสงสารในความคิดที่ไร้เหตุผลของผู้เป็นสามี เขาเดินไกลออกไป..ไกลออกไป
เธอสะอื้นไห้อีกที