21 ธันวาคม 2552 08:29 น.
กันนาเทวี
โลกไม่ตามใจเรา
เมื่อเราพอใจความเย็น แต่โลกพอใจคายความผ่าวร้อน ทางเดียวคือทำใจยอมรับ
และเตรียมกายสู้ไอร้อน
โลกไม่ตามใจเรา
เมื่อเราพอใจความอบอุ่น แต่โลกพอใจกระจายความเหน็บหนาว
ทางเดียวคือทำใจยอมรับ และเตรียมกายสู้ไอเย็น
โลกไม่ตามใจเรา
เมื่ออยากเห็นดอกไม้บาน แต่ยังไม่ถึงเวลาบานของดอกไม้ สิ่งที่ทำได้คือรอคอย
โลกไม่ตามใจเรา
แม้ไม่อยากเห็นใบไม้ร่วง แต่ถ้าถึงเวลาร่วงหล่นของใบไม้ สิ่งที่ทำได้คือมองดู
โลกไม่ตามใจเรา
แม้เราอยากเห็นแต่คนดี ทว่าโลกมีแต่คนเลวให้ดู เราก็ต้องดู และรู้ว่าเราเป็นหนึ่งในนั้นไหม
โลกไม่ตามใจเรา
แม้เราอยากพบแต่คนมีเหตุผล ทว่าโลกมีแต่คนเอาใจตนเป็นใหญ่ เราก็ต้องทน
และไม่หลงเอาแต่ใจตนตามเขา
โลกไม่ตามใจเรา
เราก็ไม่จำเป็นต้องตามใจโลก ถ้าโลกร้ายเกินกว่าจะเอาตาม ก็ต้องถามหาสิ่งที่ดีขึ้น
และถ้าอยากเห็นโลกดีขึ้น ต้องไม่ใช่ด้วยการเฝ้าเรียกร้อง แต่ต้องด้วยการลงมือทำเอง
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโลก
โลกไม่ตามใจเรา
ถึงแม้อยากมีคนรัก แต่โลกไม่เคยพาคนรักมาให้พบ ก็ต้องคบกับเงาตัวเอง
บรรเลงเพลงแห่งความเงียบต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องเหงา
โลกไม่ตามใจเรา
แม้เมื่อพบคนรักแล้ว แต่โลกพอใจให้แคล้วคลาด อย่างเราจะทำอะไรได้
ก็ต้องเลือกระหว่างวางเฉย กับลงนอนดิ้นทุรนปางตาย
โลกไม่ตามใจเรา
แม้เมื่อได้อยู่กับคนรักแล้ว แต่โลกพอใจให้พรากจาก เตรียมวันตายเอาไว้ไม่บอกกล่าว
แล้วเราจะไปฟ้องศาลไหน เพื่อให้ทำโทษมัจจุราชได้
โลกไม่ตามใจเรา
แม้โลกให้ชีวิตมา ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเป็นของเรา ไม่มีชีวิตใดเป็นอมตะ
ไม่มีทางทำให้ชีวิตใดค้ำฟ้า ทุกนาทีแห่งการมีชีวิต คือการเขยิบใกล้ความไร้ชีวิตเข้าไปทุกที
โลกไม่ตามใจเรา
ถ้าโลกกำหนดให้การตายดับ มิใช่เหมือนการดับเปลวเทียน
แต่เป็นการต่อเทียนเล่มใหม่ จะมีใครขัดขืน
โลกไม่ตามใจเรา
แต่โลกก็ไม่ไร้เหตุผล ถ้าเราเข้าใจเหตุผล ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าใจโลก
เมื่อใดเข้าใจโลก
เราจะเลิกอยากให้โลกตามใจเรา
.........
ขอบคุณบทความดีดีจาก
http://www.saranair.com/article.php?sid=17688
20 ธันวาคม 2552 08:33 น.
กันนาเทวี
มีข่าวว่ารัฐหนึ่งของอเมริกาจะออกกฏหมายห้ามขายอาหารให้คนอ้วนเกิน
โดยร้านค้าอาจจะถูกสั่งปิดกิจการหากฝ่าฝืนกฏหมาย
แต่ก็มีพวกชมรมบริโภคอย่างเสรีพากันประท้วงคัดค้านกฏหมายนี้
เขาอ้างว่าเป็นการขัดขวางความสุขอย่างหนึ่ง
แต่ทางรัฐก็อ้างเหตุผลว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน
เพราะถ้าขืนไม่ออกกฏหมายนี้ทางรัฐต้องล้มละลายแน่เพราะ
เสียเงินจ่ายค่ารักษาโรคที่เกิดจากภาวะโภชนาการเกินนี้มากมายเหลือเกิน
แล้วท่านละคะเห็นเป็นอย่างไรกันบ้าง??????
เรื่องกินดี อยู่ดี มีสุขของคนเราชักจะทำความเดือดร้อนแก่สังคม
โดยรวมขึ้นมาละดังนั้นอย่าเสียใจเลยที่เราต้องอยู่ในฐานะประเทศยากจน
จงภูมิใจที่ได้อยู่อย่างยากจนเถิด รวยมากไม่ดีอย่างนี้แหละ อิอิ
-ข้อมูลจาก http://royyim.exteen.com/20091218/entry-2
13 ธันวาคม 2552 10:39 น.
กันนาเทวี
ทิ้งรักหักสวาท........
"รักแล้วต้องฟัน " ภาษิตของลูกผู้ชายพายเรือทั่วไป
"รักแล้วรอหน่อย" ภาษิตของลูกผู้หญิงที่รู้จักคิดไตร่ตรอง
"รักแล้วต้องเจ็บ" ภาษิตของคนชอบแอบรักไม่กล้าบอก
"รักแล้วทรมาน" ภาษิตของคนรักคนมีเจ้าของ
"รักแล้วไม่กลัว" ภาษิตของนักเลงท้ายบ้าน
"รักแล้วซาบซึ้งใจ" ภาษิตของศิลปิน
"รักแล้วต้องวีน" ภาษิตของคุณหนู
"รักแล้วต้องเสียสละ" ภาษิตของรองพระเอก/รองนางเอก
"รักแล้วต้องสะสาง" ภาษิตของนักบัญชี
"รักแล้วต้องสะอาด " ภาษิตของพยาบาล
"รักแล้วต้องดูแล" ภาษิตของครูแนะแนว
"รักแล้วต้องสอน" ภาษิตของครู
"รักแล้วต้องขอ" ภาษิตของอีหนู อิอิ
"รักแล้วต้องเสี่ยง" ภาษิตของนักพนัน
"รักแล้วปล่อยไป" ภาษิตของนักบุญ
"รักแล้วทวงบุญคุณ" ภาษิตของคุณธาดา
"รักแล้วมีราคา" ภาษิตของนักปั่นหุ้น
"รักแล้วต้องลงทุน" ภาษิตของนักการค้า
"รักแล้วต้องรักษา" ภาษิตของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
"รักแล้วต้องถนอม" ภาษิตของนักสะสมของเก่า
"รักแล้วต้งเศร้า" ภาษิตของนักบวช
"รักแล้วต้องอวด" ภาษิตของนักแสดง
"รักแล้วต้องระแวง " ภาษิตของนักสืบ/นักข่าว
"รักแล้วต้องเปลี่ยนแปลง" ภาษิตของนักบริหาร
"รักแล้วต้องทำงาน" ภาษิตของหัวหน้า
"รักแล้วต้องเป็นบ้า" " ภาษิตของคนเขียนเอง"
สรุปแล้ว รักแล้วรักเลย รักแล้วมั่นคง จริงใจเป็นเพื่อนกัน
ตลอดไปดีที่สุดน้อ หุหุ
11 ธันวาคม 2552 07:56 น.
กันนาเทวี
ละครชีวิตฉากนี้ได้มาโดยบังเอิญขณะนั่งจิ้มคอมฯ ปั่นงาน
นิยายอยู่นั้น มีลูกค้าเติมเงินโทรศัพท์คนหนึ่งเดินเข้าออก
ร้านอยู่หลายเที่ยวดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้มีเรื่องสับสนวุ่นวายใจ
หลายประการ เขาโทรศัพท์คุยกะใครกันนะทำไมเงินหมดไวจัง
ท่าทางเขาก็สุภาพเรียบร้อยดี หนสุดท้ายก่อนทำนบ(น้ำตาของเขา
จะแตกเขาเดินเข้าร้านเจ๊(ป้ากันนาเองแหละโดนเขาอุปโลกให้เป็น
เจ๊กำมะลอ 55) สองสามเที่ยวบ่นว่าคุยไม่รู้เรื่องๆ เปลืองเงินๆ
ห่วงลูกๆ อะไรทำนองนี้ เหมือนอัดอั้นตันใจมาก เขาเอาโทรศัพท์
มาวางขอให้กดโทรหาลูกชายแล้วคุยกะลูกต่อหน้าเราสองป้าหลาน
เราได้รู้ละครชีวิตฉากสำคัญไปด้วย เป็นบทเรียนสำหรับหลานสาว
วัยรุ่นไปด้วยโดยเราไม่ต้องสอน เสียงพ่อคุยกะลูกดังนี้
"เก่งๆ นี่พ่อนะลูก ลูกฟังพ่อนะ พ่อรู้นะว่าเก่งน่ะคิดอย่างไร...
ลูกทำไมดื้อกะแม่เขา แม่เขาบอกแม่หมดแล้วนะ พ่อส่งเงินให้
ลูกเอาไปใช้อะไร หมด บอกพ่อสิลูก บอกมาเถอะลูก ไม่ต้องโกหก
พ่อรู้และผ่านชีวิตวัยรุ่นมาก่อน จึงเป็นผู้ใหญ่เป็นพ่อคนมาจนเดี๋ยวนี้
ลูกเอาเงินไปทำอะไรลูก.........อ๋อ..ซื้อน้ำหอม ลูกกลิ้ง...อืม....
หยุดไปสักพัก(หายใจ)
เก่งๆ ....เก่งฟังพ่อนะลูก ทุกวันนี้พ่อมาทำงานรับจ้างอาศัยนายจ้าง
เขาอยู่ลูกจะมาอยู่กับพ่อก็คงไม่ได้หรอก พ่อห่วงลูกนะ พ่อทำงานทุกอย่าง
สารพัดนะตอนนี้ หาเงินส่งให้ลูก ฟังพ่อนะอย่าใช้เงินเปลือง อย่าดื้อ
ตุ๊ด...........
"เจ๊ๆๆ โทรศัพท์ผมโทรออกไม่ได้อีกละ "
"ไม่ใช่นะคะ ปลายสายลูกชายคุณนะเขากดปิดหรือวางสายคะ"
"ผมทุกข์ใจกะลูกผมจริงๆ ตะก่อนเขาไม่เป็นอย่างนี้นะครับ
เป็นเพราะแม่เขานั่นแหละ แม่เขาอบรมไม่ดี เป็นแม่ยังไง
ไม่ดูแลอบรมลูก น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มคลอเบ้า ผมรักลูกผมครับ
ลูกเป็นแก้วตาดวงใจ ไม่มีลูกผมก็อยู่ไม่ได้ เมียผมมันมัวเมา
มันมีชู้ ผมอดทนนะครับ ผมสงสารลูก ผมทำงานสารพัดส่งเสีย
ลูก ผมอยากให้ลูกเรียนดีดี เรียนสูงๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนผม
เมียผมมันไม่เห็นแก่ลูก ผมขอร้องมันแล้ว ว่าเห็นแก่ลูก ผม..
ผม...(น้ำตาเริ่มหยดไหล) เจ๊....ผมขอโทษนะครับ เดินปาดน้ำตา
เดินออกร้านไป .........เฮ้อ ละครชีวิต ......หลานบอกว่าสนุกกว่า
นิยายของป้าตั้งเยอะแน่ะ
หัวอกคนเป็นพ่อห่วงลูกก็ห่วง ห่วงหาเงินก็ห่วง มีประโยคหนึ่งเขาพูด
ออกมาตอนท้ายว่าหากลูกเขาน้อยใจ ฆ่าตัวตายเขาจะไม่ให้อภัยเมียเขา
เขาจะฆ่าเมียให้ตายตกตามลูกไป เขายอมติดคุก ยอมตายในคุก
โห......อะไรกันเนี่ยปัญหาครอบครัวโลกแตก จากชีวิตของคนสองคน
รักและผูกพันกันมา ร่วมทุกข์ร่วมยากจนถึงปานนี้ ตอนนี้คิดจะฆ่าแกง
กันเสียแล้ว นี่แหละหนอบทละครชีวิตช่างแสนเศร้าเสียจริง
จากเรื่องจริงไม่อิงนิยาย...เก็บตก....จากร้านเจ๊กันนา....
4 ธันวาคม 2552 20:35 น.
กันนาเทวี
พรุ่งนี้จะเป็นวันพ่อขอรำลึกถึงพ่อตามประสาพ่อลูก
พ่อคนไทยส่วนมากรักลูกเช่นเดียวกับแม่ แต่คุณพ่อ
ส่วนมากไม่ได้ใกล้ชิดเท่าไหร ตั้งแต่เล็กพ่อจะคอยช่วย
ให้หยิบจับของส่งให้แม่ คอยให้กำลังใจแม่มากกว่าที่จะลงมือ
เลี้ยงลูกเองกับมือ ซึ่งตามจารีตแล้วไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชาย
นอกจากพ่อบางคนมีความจำเป็นเช่น ตนเองกำลังตกงาน
เมียคลอดแล้วต้องไปทำงาน พ่ออาจจะอาสาเลี้ยงซึ่งคงมีน้อยราย
นอกจากนี้ครอบครัวไทยยังมีระบบครอบครัวขยายที่ยัง
เหนียวแน่นเข้มแข็งอยู่ ปู่ ย่า ตา ยาย มักจะแห่แหนกัน
มาช่วยเลี้ยง แบบว่าแทบจะทะเลาะกัน เพราตำราการดูแล
คนละอย่าง นับแต่ความเชื่อ ค่านิยมต่างๆ ยิ่งพ่อกับแม่มาจาก
คนละทิศละทาง ปู่ ย่า ตายายยิ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันมากมาย
เกิดประเด็นถกเถียงกันได้ง่าย
พ่อบางรายมีหน้าที่หาตังค์เข้าบ้าน ไม่ค่อยมีเวลามาดูแล เอาใจใส่
หยอกล้อกับลูก เลยเกิดความห่างเหินขึ้น ไม่สนิทเหมือนแม่
จนบางทีเหมือนกับมีสายใยบางๆกั้นไว้ จุดนี้เมื่อลูกโตขึ้นความรู้สึก
อาจพัฒนาเป็นความกลัว หวาดระแวง ไม่กล้าจะเข้าใกล้ไปใหญ่
ลูกวัยรุ่นบางคนมีปัญหาเข้ากับพ่อไม่ได้ เวลามีปัญหาจะฝากผ่าน
ทางแม่เท่านั้น ซึ่งแท้ที่จริงพ่อน่าจะมีส่วนร่วมในการอบรม ดูแล
เอาใจใส่พอๆ กับแม่ ใกล้ชิดลูกไว้เมื่อมีปัญหาบางอย่างลูกไม่
สามารถคุยกับแม่เข้าใจ อย่างน้อยก็มีพ่อรองรับอีกคน สมบูรณ์
ในความเป็นครอบครัวจึงจะเกิด เด็กจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
เมือมีพ่อใกล้ชิด มีความลับบางอย่างลูกผู้หญิงอยากถามคุณพ่อ
แต่ถามแม่ไม่ได้จริงๆ คล้ายๆกับกรณีของลูกผู้ชายที่ต้องการใกล้ชิด
แม่สัมผัสความอ่อนโยน
ธรรมชาติสร้างสรรค์ มนุษย์ผู้ชายและมนุษย์ผู้หญิงมาเพื่อจรรโลง
สืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากครอบครัวใดพ่อแม่ลูกรักใคร่สามัคคี
กลมเกลียวกันก็จะมีความสุข ร่มเย็น ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง
ไม่มีการเกี่ยงงอนหน้าที่กัน ประสาครอบครัวไทยๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัย
ภาษากายก็สัมผัส รอยยิ้ม อ้อมกอดของพ่ออบอุ่น แข็งแรงปลอดภัย
อ้อมกอดของแม่อ่อนโยน นุมนวล เมื่อลูกเติบใหญ่มาพร้อมสมบูรณ์
จิตใจดี ย่อมเป็นคนดี ที่มีอนาคตงามแน่นอน...