2 มกราคม 2552 07:46 น.

บาดแผลใจ

กันนาเทวี

คนเราไม่มีใครปรารถนาบาดแผลในใจแต่บางครั้งชะตาชีวิตก็ผกผัน
ทำให้เราต้องเผชิญกับสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิด  สุรภีก็เช่นกัน

     "แม่ภีไม่ไปกะเขาได้ไหม  อีตาคนนี้หนูไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย"
     "ไม่ได้หรอกลูกเขาเป็นทนายความที่ปรึกษาในบริษัทของเรา
       เราต้องให้เขาไปด้วยเผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลกะบริษัทโน้น
       จะได้รู้ทันเขา"
      "ก็ไหนแม่ว่าคุณลุงเขาใจดีไงแม่  ญาติกันแท้ๆ"
      "เป็นญาติก็จริง  แต่เรื่องธุรกิจนี่ไว้ใจกันยากนะ"
      " แล้วอีตาทนายหน้าจืดนี่ละคะ  ไว้ใจได้แค่ไหนเชียว"
      "คุณพ่อไว้ใจเขาเสมอจ้ะ เขาทำงานให้ท่านไม่บกพร่อง"
       "แหมๆๆเชียร์กันจัง ชักหมั่นไส้เสียแล้วสิพ่อคนดี"
       "อิอิ  ลูกแม่นี่ ไม่เป็นผู้ใหญ่สักที"
        "ครานี้หนูจะได้พิสูจน์ ฝีมือละว่าทำงานแทนพ่อได้ไม่
          บกพร่องเหมือนกัน"
        "จ้าๆๆ..."

สุรภีเป็นลูกสาวนายยรรยงอภิมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ทำธุรกิจการค้า
ขายข้ามชาติ  มีธุรกิจในเรือนทุนมหาศาลมากมายหลายอย่าง เธอเป็น
คนชอบเอาใจตนเองตั้งแต่เด็ก  มีปัญญาดีเรียนเก่ง  แต่หยิ่งในเกียรติ
มาก  เพราะถือว่าตนเองรวย  สวยมีบริวารคอยบริการเอาใจ

เมื่อปลายปีที่แล้วมานายยรรยงเกิดเสียชีวิตกะทันหันขณะทำงานในบริษัท
ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันยังนำความโศกเศร้ามาให้กับลูกเมีย
เป็นอย่างมาก  สุรภีในฐานะทายาทสาวคนเดียวจึงต้องสละการเรียนต่อ
ในระดับปริญญาเอกในต่างประเทศเพื่อมาดำเนินกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ

      "นี่ชั้นสั่งให้นายจัดการให้เรียบร้อยทำไมยังไม่จัดการอีก  หา"
      "แต่คุณท่านบอกว่างานนี้เราต้องพิจารณาโดยรอบคอบผ่าน
        คณะอนุกรรมการของบริษัทก่อน  เพื่อกันหุ้นส่วนครหาได้นะครับ"
       "โอ้ย  น่าเบื่อรำคาญเสียจริงทำอะไรก็ชักช้าติดขัดไปหมดแบบนี้
         บริษัทคู่แข่งเขาก็แซงหน้าไปหมดสิ"
       "ทำธุรกิจการค้าบางอย่างก็ใจร้อนไม่ได้นะครับต้องรักษาภาพพจน์
         ของทางบริษัทด้วย"
        "นี่นายมาว่าชั้นทำภาพพจน์บริษัทเสียหายเหรอ"
        "เปล่าครับผมเพียงแต่ติงเตือน"
        " อวดดี"   
        "ครับ"
        "เอะ! นายนี่จะกวนประสาทชั้นรึไงหา  ว่าแล้วยังมาครับๆๆอยู่ได้"
       "ขอโทษครับ "

ศักดิ์ชัยทนายความของนายยรรยง  เป็นลูกน้องของเขามานานตั้งแต่
เขายังเริ่มกิจการใหม่  เขาเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานและพร้อม
เรียนต่อปริญญาตรีด้านกฏหมายไปด้วย  โดยนายยรรยงสนับสนุนมา
โดยตลอดเขาจึงรู้สึกสำนึกในบุญคุณและนับถือเขาเสมือนพ่อ และนาย
ยรรยงก็ไว้เนื้อเชื่อใจเขามาโดยตลอด

ด้วยความใกล้ชิดกันหญิงสาวยอมรับว่าศักดิ์ชายเป็นผู้มีความสามารถ
หลายด้านจริงๆเขาเรียนรู้และถ่ายทอดบุคลิคท่าทาง  ความคิดอ่านมา
จากพ่อเธอได้ทุกอย่าง  แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมแพ้เขาละ  เธอมีความรู้
มีดีกรีและฐานะดีกว่าเขาตั้งเยอะ  สำคัญเธอเป็นจ้าวนายและเขาเป็น
ลูกจ้างรับเงินเดือนจากเธอ

แต่ใจเจ้ากรรมนี่สิมันไม่ได้เป็นดังตั้งสัจจาไว้เลย   นับวันก็จะเอนเอียง
เข้าหา  วันไหนเขาไม่มาไม่อยู่มันหงุดหงิด  งุ่นง่านจนระงับตนเอง
ไม่อยู่  นี่เธอเป็นอะไรไปนะสุรภีเริ่มถามตนเอง   ไม่ได้นะ   เขาเป็นใคร
เธอเป็นใคร   เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

เงารักที่แฝงในใจเริ่มประจักษ์หากไม่ได้รับการต่อติดหรือเชื่อมต่อพลังรัก
นั้นคงจะมอดม้วยไปแต่อนิจจาเคราะห์กรรมนำชัก   หรือจะโทษอะไรดี
กิจการบริษัทที่เคยดำเนินมาด้วยดีก็มีอุปสรรคปัญหาเข้ามาจากพิษ
เศรษฐกิจโลก ทำให้เธอต้องอาศัยเขาช่วยเหลือติดต่อประสานงานมากมาย
จากความครางแครงใจที่เคยมีก็เลือนหายไป  ศักดิ์ชายกลายเป็นที่ปรึกษา
ประจำตัว  เป็นคนที่รู้ใจไปเสียทุกเรื่องทำไมนะใจเจ้ากรรม  ความหยิ่ง
ในศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงหายไปไหนหมดสิ้น  ต่อแต่นี้ชีวิตสุรภีจำเป็นอยู่
เพื่อเขาแล้วหรือเธอพยายามวนถามตนเองทุกครั้งที่อยู่ลำพัง

จะทำอย่างไรดี  เขาไม่ใช่ของเราๆ เขามีเจ้าของ น้อยภรรยาสุดรักและมี
น้องโอมลูกชายที่น่ารัก  สุรภีจะทำฉันใด หักใจหรือก็ช่างยากเย็นหรือ
ตามใจตนเองมันช่างนักหนาเหลือเกิน   พ่อจ๋าลูกเหนื่อยล้าเหลือเกิน
ทำไมหนอคนเราต้องมีรักที่ผิดที่ผิดทางด้วย  .....

ไม่แปลกหรอกหากประสบการณ์ชีวิตต้องแลกมาด้วยความขมขื่น
เสียงสะอื้นระคนหยาดน้ำใสๆที่ไหลรินอาบร่องแก้มกับรักที่ระทมทุกข์

บ่อยไปที่ดวงตาแห่งปัญญามืดบอดเพียงเพราะชีวิตสมบูรณ์พร้อม
มีอันผกผัน   ต่อเมื่อเวลาล่วงผ่าน  เสมือนการส่องกระจกเงามอง
ใบหน้าตนเองช่างมีความไม่ดี  ขี้เหร่ไม่เอาไหนมากมาย

เอาเถอะอย่างไรก็เป็นบทเรียน    แม้จะเจ็บปวดปานใดก็ไม่ได้
เลวร้ายเสมอไป  อย่างน้อยก็สอนให้รู้จักตนเองมากขึ้น  เพื่อมี
ชีวิตอยู่อย่างอดทนเข้มแข็งต่อไป...............				
31 ธันวาคม 2551 10:12 น.

ไม้คานของแม่

กันนาเทวี

"ผัวหาบ  เมียคอน"  สำนวนนี้เหมาะสมกับแม่ของฉันมากทีเดียว
แม่เป็นวีรสตรีในหัวใจของลูกๆทั้งหกคนเพราะท่านเป็นแม่ผู้
มีแต่ให้  

ฉันและพี่ๆ  น้องๆ นับว่าเกิดมาโชคดี ถ้าเปรียบกับเพื่อนๆ
ในหมู่บ้านเดียวกัน    ตายายเป็นคนกว้างขวางเพราะใจกว้างจริงๆ
จำความได้ตอนเด็กๆ  ชนบทไทยตอนนั้นยังไม่วิวัฒนาการขนาดนี้
คนที่พึ่งตนเองไม่ได้มีเยอะ  แต่เขาก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อนเพราะอาศัย
ซึ่งกันและกัน  วันๆหนึ่งที่บ้านเราจะมีแขกไปมาหาสู่ทุกวันคึกคัก
มานอนค้างบ้าง  มาแล้วกลับบ้าง ชีวิตวัยเด็กฉันจึงพบเห็นผู้คนหลากหลาย
พวกรับจ้างเลื่อยไม้   พวกนายฮ้อยตำรวจ   พวกชาวเขา   พวกพ่อค้า
งัวต่าง (ใช้วัวบรรทุกของบนหลัง)  และพวกพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยอื่นๆ
หาบเร่นำของมาแลกเปลี่ยนโดยมีบ้านตายายเป็นศูนย์กลาง

แม่ของฉันเป็นลูกสาวคนโตของตายาย  และมีน้องชายเพียงคนเดียว
น้าชายของฉันสุขภาพไม่ดีเป็นโรคหืดหอบตั้งแต่เล็กๆ  แต่ปัญญาดีชอบ
เรียนหนังสือ  ช่วยงานทางบ้านไม่ได้จึงบวชเณรและมุ่งเอาดีทางเรียน
อย่างเดียว  ภาระงานจึงตกที่พี่สาวคือแม่ของฉันทุกอย่าง  แม่จึงไม่มี
โอกาสเรียนหนังสือเหมือนเพื่อนๆ   ต้องเลี้ยงวัวและหาผักหาปลามา
ทำอาหาร  แม่เล่าว่าอยากเรียนหนังสือมากเคยขอตาไปเรียนตอน
เขารณรงค์ให้คนเรียนหนังสือซึ่งตอนนั้นแม่อายุ   12  ปี   เลยวัยแล้ว
สมัครเรียนแล้วได้ไปบ้างไม่ได้ไปบ้าง  แต่แม่ก็พอสะกดคำได้  
อ่านได้นิดหน่อย  นั่นคือประสบการณ์ในโรงเรียนอันน้อยนิดของแม่  
แต่แม่สามารถคิดโจทย์เลขยากๆ ที่ฉันอ่านให้ท่านฟังได้  
ตอนฉันเรียนชั้นประถมมีเลขร้อยละ  เศษส่วนที่ฉันไม่เข้าใจ
อ่านโจทย์ให้แม่ฟัง   แม่ฟังแล้วคิดสักครู่ก็คำนวณในหัวแล้ว
บอกคำตอบให้  ฉันก็เขียนคำตอบไปส่งครู  ครูถามว่าหาคำตอบ
ได้อย่างไร  ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน 

ตอนแม่แต่งงานกะพ่อ แม่เป็นแม่ร้าง แต่ยังสาว   เพราะท่านเคยแต่งงานกับ
หนุ่มในหมู่บ้านเดียวกันมาก่อน  แต่ตาไม่ชอบเพราะเขานอนตื่นสาย
หลบหลีกงานเอาเปรียบพ่อตา  แต่พ่อของฉันเป็นคนต่างอำเภอมารับ
จ้างเลื่อยไม้ พ่อเป็นคนขยันท่าทางซื่อตรง  เข้มแข็งเพราะท่านผ่าน
การบวชเณร  และผ่านการฝึกทหารเกณฑ์  สำคัญพ่อเรียนจบ ป.4
อ่านออกเขียนได้  

พ่อเป็นคนขยันมากๆ  งานในไร่นาที่ตาเคยทำพ่อจะรับภาระแทน
ในฐานะลูกเขยท่านส่งเสียน้าชายด้วย   ต่อมาพอน้าชายได้เป็น
พระมหาและสอนโรงเรียนพระที่ในเมืองท่านจึงสนับสนุนให้หลานๆ
ได้เรียนต่อ  แม่ยังคงทำงานในฐานะผู้เป็นแม่บ้านให้กำเนิดลูกน้อย
และเลี้ยงดูโดยมียายเป็นผู้ช่วยเหลือ  แม่ของฉันเป็นสตรีนักสู้
ไม่ได้เป็นแต่เมียที่ดูแลแต่ลูกและรอสามีหาเลี้ยงเท่านั้นแต่แม่
จะดิ้นรนต่อสู้ทุกอย่างให้ลูกได้กินอิ่ม นอนหลับ  ได้นุ่งห่มดี  สำคัญ
ได้เรียนหนังสือ  ซึ่งการส่งเสียลูกเรียนสมัยก่อนเป็นเรื่องที่ชาวบ้าน
ทั่วไปไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่   แต่พ่อแม่ของฉันท่านมีความเห็น
ตรงข้าม แม้จะยากลำบาก ทำนา ทำสวน ค้าขายสารพัด  แม่หาบของขาย
หนักเท่าไหร่ไม่บ่นไม่ท้อ  เงินทุกบาทสตางค์หามาช่วยกันเก็บหอมรอมริบ
ไว้ส่งลูกๆ เรียน  ไม้คานของแม่อ่อนค้อมเวลาฉันเดินตามได้ยินเสียง
ดังเอี๊ยดๆๆ  แม่ช่างเป็นหญิงที่มีความอดทนสูงยิ่ง   เวลาพักเหนื่อย
เหงื่อหยดพราวเต็มหน้า   แต่ยังถอดหมวกมาพัดให้ลูก  ฉันประทับใจ
แม่เสมอ  แม้แต่ยามชราร่างกายอ่อนล้าก็ไม่เคยทำตัวให้ลูกๆลำบากใจ
คุณความดีของแม่เล่าแล้วซึ้งใจไม่รู้จบ 

 ปีใหม่นี้ฉันขออธิษฐานขอให้ดวงวิญญานของแม่ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใด
ขอให้ท่านได้มีสุข  ได้พบแต่สิ่งที่ดีงามตลอดไปด้วยเทอญ...

ค่าวซอฮ่ำเรื่อง ไม้คานของแม่

ถึงหาบจะหนัก  บ่าแม่จะด้าน  ถูกไม้คานหนีบจ้ำ
หนตางยาว คราวไกลยิ่งล้ำ   สองบ่าเถิกเส้าเขียวแดง
เอาผ้าหลองไว้ แต่ไม้คานแข็ง  บ่าแม่ปอแดง
เขียวจ้ำก่ำไหม้

จักเอาไม้คาน  อ่อนก้อมบ่อได้ เพราะหาบของไปมากนัก
ถ้าหาบบ่าหลายกลัวนายลูกฮัก  บ่อได้นุ่งหย้องกิ๋นดี
แม่อดทนตุ๊กบ่อห่วงสุขี  อดจรลีขายของบ่าด้าน

บ่าเกยหย้านกลัว   กาดมั่วไกลบ้าน  หนตางยาวนานก่อแล้ว
แม่ขออย่างเดียว  อย่าได้คลาดแก๊ว   ได้เลี้ยงลูกหน้อยญิง-จาย
ถึงแม่ได้ตุ๊ก  ก่อตุ๊กแต่กาย  ใจแม่สบายถึงกายหม่นเศร้า

เพราะแม่ทำงานก็เพราะลูกเต้า   บุตราธิดาลูกฮัก  น้ำเหงื่อแม่ไหล
เพื่อนายลูกฮัก  อนาคตก้าวไปดี   ถึงแม่จะตุ๊กแม่บ่อหน่ายหนี
ลูกเจ้าได้ดี  แม่หายเหนื่อยเสี้ยง   แม่หายเหนื่อยเสี้ยง				
28 ธันวาคม 2551 23:21 น.

กรรมพันธุ์หรือสิ่งแวดล้อม

กันนาเทวี

13479683gc3.jpg

ป้าลำดวนแกชอบกินเหล้าขาว โดยให้เหตุผลว่ากินแล้วเมาได้ไวกว่าเหล้าแดง
ไม่แพงด้วยพอเหมาะสมกะฐานะชาวบ้านทุ่งอย่างแก    แถมยังว่าคนกินเหล้าแดงกระแดะ    คนมีเงินเดือนเป็นจ้าวคนนายคนกิน
เหล้าแดงก็สมควร สรุปคือแกใช้เหล้าแบ่งฐานะของคน   

ป้าลำดวนแกมีสามีใจดี   ไม่หล่อ   แต่ขยัน  แกเล่าว่าแกเคยมีสามีมาก่อน  
คนนั้นแกรักมากจนอยู่ไม่มีความสุข   แต่คนนี้รักแกมากแกจึงมีความสุข  
จึงอยากจะสอนเด็กสาวๆว่าแต่งงานกะคนที่เขารักเราดีกว่าแต่งงาน
กะคนที่เรารัก  เห็นท่าจะเป็นจริงอย่างแกว่าจริงๆนะ   โดยมากการที่เรา
รักใครมากๆเรามักติดยึด และพยายามให้เขาเป็นอย่างที่เราคิด หรือกำหนด
กฏเกณฑ์ว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้  หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นมันเป็นที่น่า
รำคาญ  น่าเบื่อหน่ายทำให้รู้สึกอึดอัด  ขาดอิสระภาพ  

ป้าลำดวนแกเป็นคนประหยัดมัธยัถส์ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีเตาแก๊สแต่ไม่ค่อยชอบใช้เท่าไหร่  ชอบก่อเตาถ่านหรือเตาฟืนมากกว่า   เหตุผลคือเวลาตำน้ำพริกหนุ่ม
แกต้องจี่พริก  หากใช้เตาแก๊สจะปิ้งจะเผาอะไรก็ทำได้ไม่เหมือนเตาถ่าน
อีกอย่างนึ่งข้าวเหนียวใช้เวลานานเปลืองแก๊ส   นึ่งข้าวเสร็จประกอบอาหาร
ต่อเลยไม่ต้องก่ออีก  ด้วยความที่แกรู้จักใช้จ่ายเท่าที่หามาได้ที่เหลือ
ก็เก็บออมเอาไว้ใช้เวลาอับจนเช่น  เวลาเจ็บป่วย    หรือเวลาลงนา
ไม่มีเวลาทำงานรับจ้างก็จะใช้ส่วนที่เก็บเอาไว้ แกเป็นคนรอบคอบดีนะ

ป้าลำดวนแม้จะชอบกินเหล้าก็แต่เฉพาะเวลามีงานเลี้ยงสังสันทน์หรือเวลา
เทศกาล  แกเป็นคนชอบสนุกสนานร่าเริง     ชอบพูดจาตลกขบขันเล่าเรื่อง
ต่างๆ ให้ฟัง  คนก็ชอบฟัง   เพราะแกชอบเปิดประเด็นคำถามแปลกๆ

วันหนึ่งในวงสุรายาบานท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติคจู่ๆแกก็ถามว่า

"ครู......ป้าอยากรู้จังว่าพฤติกรรมคนเราเกิดจากอะไรกันแน่   เด็กเกิด
มาเป็นพี่น้อง   หรือฝาแฝดแท้ๆ   ทำไมนิสัยแตกต่างกันแบบตรงกันข้าม
จะว่าพันธุกรรมจึงไม่น่าใช่นะ    หรือมันจะเป็นเพราะธรรมดาสิ่งแวดล้อม
นะ"

"  กัมมุนา  วัตติโลโก   สัตว์โลกจะเป็นไปตามกรรม  เราไม่สามารถระลึกชาติ
ได้  จึงไม่รู้ไม่เห็นอดีตว่าเรากรรมอะไรไว้บ้างแต่หากเราทำบุญดีก็เกิดเป็น
คน แต่หากทำชั่วก็ไปตามแต่กรรมละ  ที่แน่นอนทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว"

"  แต่ป้าเคยได้ยินมาว่า    ทำดีได้ดีมีที่ไหน    ทำชั่วได้ดีมีถมไปนะ และก็
เห็นคนส่วนมากก็ทำชั่ว  โกหกตอแหล   โกงกินสารพัดก็ยังได้ดี มีคนรัก
และนับหน้าถือตาอยู่นะ"

" อ๋อ........นั่นแสดงว่าเขากำลังเสวยบุญเก่าเขาอยู่นะ  แต่กรรมปัจจุบันก็
จะส่งผลให้เขาไปนรกในอนาคตจ้ะ"

" นรก  สวรรค์มีจริงนะครูกรรมเก่าก็มีจริง  ตายายป้าเขาเคยเล่าให้ฟัง
มันน่ากลัวนะ   แต่คนเราสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อกันหรอก"

" ก็อย่างนี้แหละป้า  คนเรามักจะติดยึดว่าการร่ำรวยมีเงินทองมากๆจะ
เนรมิตได้ทุกอย่าง  คือเขากะซื้อนรกสวรรค์ติดสินบนยมทูตว่างั้นเถอะ
แต่กฏแห่งกรรมเป็นกฏเหล็กนะป้า  ทำดีได้ดีคือสบายใจ คนเราใจสบาย
ร่างกายก็สบาย  แต่คนทำชั่วนะได้ทุกข์แน่คืออย่างน้อยก็หลงตนละ
การหลงตนทำให้ติดร่างแหแห่งวังวน  ของทุกข์   เขาจะมีอนาคตที่มืดมนต่อไป"

" ฟังเข้าใจยากนะ   แต่ก็เห็นตัวอย่างอยู่บ้างคนรวยนะทำอะไร
ไม่ได้ดังใจเครียดแล้วเป็นลมความดันขึ้น  เบาหวานขึ้น  หรือช็อค
หัวใจล้มเหลวง่ายๆนะ  ไม่เหมือนเราจนแล้วไม่เครียด ไม่ต้องคิดอะไรมาก
ชีวิตเราก็เท่านี้   ร่างกายยาววาหนาคืบ   ไม่นานก็ลาลับโลก"

" นั่นแหละป้าคิดถูกต้องแล้ว  คนเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้
ข้าวของเงินทอง อำนาจวาสนา บารมี  บริวารใหญ่น้อย  ไม่มีใครตาม
ไปห้อมล้อมอีกนะ"

" แหม......ครูนี้รู้ไปหมดเลย   ฉลาดสมกะเป็นครูจริงๆ   ฮ่ะๆๆๆ"

"  ครับขอบคุณครับ  ลาก่อนนะครับป้า  หุ  หุ."

ผมรีบลากลับบ้านขืนอยู่ต่อไปมีหวังเสียรู้ให้ป้าแกด่าต่ออีกหนอยแน่ะที่แท้
ที่ผ่านมาแกมองเราโง่มาตลอดเพิ่งมารู้ว่าฉลาดวันนี้เอง    อิอิ............				
25 สิงหาคม 2551 07:20 น.

พัฒนาตน อบจนเปื่อย

กันนาเทวี

นักสู้ครูไทย (อบจนเปื่อย)

ย้อนอดีต

วันที่ 7 กุมภาพันธุ์ 2550 ขณะกำลังยุ่งกับงานศพมารดาที่

เคารพรัก ก็ได้รับโทรศัพท์ด่วนจากเพื่อนนักสู้ครูไทยเจ้า

เดิมแจ้งว่าทางกระทรวง เปิดโอกาสให้คนที่เคยส่งผลงาน

อาจารย์สามเชิงประจักษ์ไปให้เขาตรวจถ้าคนไหนที่ตรวจ

แล้วไม่ได้รับการอนุมัติ หรือคนที่ไม่ได้ตรวจสักที ขี้เกียจ

จะรอ รอ รอ อีกต่อไป ก็ให้บันทึกเสนอยกเลิกผลงานอัน

เก่าแล้ว สมัครเข้ารับการอบรมพัฒนาตนเอง เราอยู่ในข่าย

ที่ 2 งานนอนรอคนตรวจมาห้าปีแล้ว เพราะเด็กนักเรียนที่

ทดลองใช้แผนที่ทำขึ้นตอนนั้นอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 

ตอนนี้จะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว เป็นอันว่าเราตัดสินใจ

สมัคร ก็เป็นไปตามขบวนการขั้นตอน สมัครใจยกเลิกให้

เขาอ่านมิใช่ไม่มั่นใจในผลงานนะ แต่ว่านั่นมันผ่านมาตั้ง

นานแล้ว จนเดี๋ยวนี้หลักสูตรเปลี่ยนไปงานเกษตรที่ทำ

หนังสือเด็ก ปลูกผัก ปุ๋ยหมัก ผักพื้นบ้าน 3 เล่มนั้น ไม่เอื้อ

กะหลักสูตรแล้ว อย่ากะนั้นเลยสมัครเข้าอบรมใหม่เปลี่ยน

แผนเป็นครูผู้ชำนาญการด้านภาษาไทยดีกว่า 13 วัน แห่ง

การอบรม เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก ถึงแม้จะผ่าน

หรือไม่ผ่านสำหรับคะแนน แต่ได้รับอะไรดีดี มากมายคง

หาดูหาชมได้ยากมากในการอบรมแบบนี้ ทุกคนยอมสละ

แล้วทุกอย่างมาร่วมอบรมและตั้งใจทำกันสุดฤทธิ์สุดเดช 

จนบางคนแทบเป็นลมเป็นแล้ง คลื่นเหียนอาเจียนเวียนหัว 

มีสารพัดที่สนุกสนานกว่านั้น เราทดสอบฝึกสอนกันเอง 

ทั้งๆที่เป็นครูมายี่สิบ สามสิบปีบางคนสั่นจนสอนไม่ได้ 

ออกอาการกันเกือบทุกคน วันสุดท้ายเรามานั่งสอบเหมือน

จะเข้าบรรจุครูอีกครั้งสอบความรู้ทั่วไปและวิชาเอกที่ตน

ถนัด นี่เหมือนสอบโอเนต เอเนต จนผ่านพ้น

ไป 13 วันเพื่อเป็นบทพิสูจน์ความอดทน ความเข้มแข็ง

พร้อมที่จะสู้กับงานหนักแห่งการเป็นครูผู้ให้ต่อไป คงไม่มี

คำตอบที่พอใจให้กับครูทุกคนที่เข้ารับการอบรมแน่ แต่เรา

ก็มั่นใจว่า กองทัพ นักสู้ครูไทยเรานี้พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ

ไปแม้จะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายอย่างไรก็ตาม 

เพราะแต่ละคนได้รับการอบจนเปื่อยแล้ว เหอๆๆๆ				
24 มิถุนายน 2551 07:06 น.

มโนธรรมสำนึก

กันนาเทวี

ลิซซี่ไม่อยากเป็นนางเอกเพราะนางเอกหนังไทยส่วนมากสวยแต่อ่อนปวกเปียก

โดนเขารังแกเอาเปรียบสารพัด  ดังนั้นลิซซี่จึงคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมเป็นนางเอก

แบบนั้น  ขอเป็นนางมารร้ายหรือนางอิจฉามากกว่า  เรื่องอะไรคนเราเกิดมาบน

โลกทุกคนต่างมีสิทธิพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน  3  ประการไม่ใช่

หรือ  คือหนึ่ง  สิทธิที่จะอยู่บนโลกใบนี้   สองสิทธิที่จะมีความปลอดภัย  สามสิทธิที่

จะพัฒนาตนเองโดยการศึกษาเรียนรู้หาประสบการณ์ ลิซซี่คิดว่าหากทำตัวแบบ

นางเอกหนังไทยนะ มีหวังหมดสิทธิ์ทั้งสามประการเห็นมีแต่โดนโขกสับ  ใส่ร้าย

ป้ายสีสารพัด ต้องทุกข์ระทมขมขื่นเป็นที่สุด  กว่าจะได้ดีตอนสุดท้ายกว่าพระเอก

จะยอมรับว่ารักและขอแต่งงานก็น่วมพอดีเกือบเอาตัวไม่รอด   บางเรื่องแต่งงาน

แล้วยังโดนใส่ร้ายให้พระเอกเข้าใจผิดอีก  แม่พระเอกพิสูจน์ความรัก ความเป็น

กุลสตรีอีกกว่าท่านจะหันมาเมตตาก็ต้องอดทนๆๆ  เอาความดีชนะนี่มันยาก

หลาย ดังนั้น ลิซซี่ขอสละตำแหน่ง  ขอเป็นผู้ช่วยนางเอกจอมแก่นหรือเป็นนาง

ร้ายดีกว่าจะได้รักษาสิทธิมนุษยชนของตนเอง  มิให้ใครมาทำร้ายรังแกได้

       วัฒนาชอบลิซซี่เพราะเธอเป็นหญิงกล้า ท้าทาย รู้จักปกป้องสิทธิของตนเอง

ไม่อ่อนปวกเปียก  เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้  แต่เขาต้องปวดหัวเพราะแม่เขา

ไม่ชอบลิซซี่เลย  ลิซซี่ก็ไม่ยอมก้มหัวให้แม่ของเขาแน่เขาคนกลางคงย่อยยับ

แน่  ฝ่ายหนึ่งก็มารดาผู้มีพระคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้  อีกฝ่ายหนึ่งก็หญิงอันเป็น

ที่รักดังดวงใจ  เรื่องชักจะยุ่งเสียแล้วสิ

เรื่องจริงของสังคมปัจจุบัน  มักเป็นเช่นนี้  ชีวิตคนจึงมีปัญหา มโนธรรมสำนึก

เท่านั้นที่จะช่วยคลี่คลายปมปัญหา  คนเราต้องอยู่ร่วมกันในสังคมหากรู้จัก

ปรับเข้าหากัน  ใช้มโนธรรมในการแก้ไขปัญหา   เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ทุกอย่างก็สงบไม่เดือดร้อน   หวังว่าลิซซี่และคุณแม่ของวัฒนาจะมีจิตสำนึก

แห่งมโนธรรม   และเสียสละบางอย่างเพื่อบุคคลที่ตนรัก ความรัก ความเมตตา

และการให้อภัยแก่กันเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสงบและสันติภาพ  เริ่ม  ใน

ครอบครัวก่อน  แล้วแผ่ขยายวงกว้างสู่สังคมมนุษยชาติต่อไป

สวัสดีจ้า....ลิซซี่ที่รัก   ขอให้เธอโชคดีมีความสุขนะจ้ะ    

กันนาเทวี    24   มิถุนายน  2551				
ไม่มีข้อความส่งถึงกันนาเทวี