18 พฤศจิกายน 2551 20:03 น.
กันนาเทวี
สุดขอบฟ้ากว้างไกลใฝ่ใจถึง
ฟากฟ้าหนึ่งซึ้งฝันมั่นใจหมาย
อยู่แสนห่างลาร้างจางจากกาย
รักมิคลายซึ้งอยู่คู่คืนวัน
ดอกหญ้าไหวงามละออล้อลมเล่น
ยามลมเย็นพริ้วมาพาใจฝัน
ใบไม้เหลืองปลิดขั้วร่วงเร็วพลัน
ฤๅเหหันปันใจไม่หวนคืน
พยับหมอกระลอกแดดที่แผดเผา
จะบางเบาเหงาลงคงสุดฝืน
จำหักห้ามใจเราเฝ้าหยัดยืน
เขาเป็นอื่นคงช้ำระกำใจ
อยากมีปีกแข็งแรงบินแข่งนก
จะโผนผกสู่ฟ้าพราวสดใส
ตามลมเหนือเหินหาวหนีหนาวไกล
สู่อ้อมใจคนดีที่รอคอย
แม้มิอาจบินไปไกลดังฝัน
ร้อยจำนรรจ์ถักทอไม่ท้อถอย
พลังใจแห่งฝันอันเลิศลอย
เพียรเรียงถ้อยน้ำคำพร่ำวจี
ฝากเพลงกลอนจากใจไปห่มรัก
ให้ประจักษ์รักเกิดประเสริฐศรี
คำเว้าวอนอ่อนอ้อนกลอนพาที
มิตรไมตรีอุ่นไอน้ำใจงาม....
กันนาเทวี
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
17 พฤศจิกายน 2551 01:21 น.
กันนาเทวี
แลทุ่งทองท้องนายามหน้าเกี่ยว
จะแลเหลียวทางไหนใจสุขแสน
งามวิไลข้าวไทยทั่วเขตแดน
ดุจเมืองแมนอันอุดมเลิศสมบูรณ์
งามแมกไม้ฟากฟ้าพาใจชื่น
ลืมขมขื่นตรากตรำความเหนื่อยสูญ
ภาคภูมิใจมองไปลานคูณพูน
ฟ้าเกื้อกูลเม็ดข้าวแก่ชาวนา
จากหยาดเหงื่อน้ำแรงที่ไหลริน
มิสูญสิ้นท้อแท้แม้หนักหนา
มิทิ้งถิ่นทำกินไปไกลตา
แม้เหนื่อยล้าเพียงไรใจอดทน
กราบพระแม่โพสพเคารพข้าว
ทุกคำคราวเคี้ยวกลืนทุกเม็ดผล
ข้าวคือคุณอุดหนุนชีพทุกคน
บันดาลดลให้พลังยังชีวี
ท่ามกลางเปลวแดดเผาเขาเก็บเกี่ยว
รวงข้าวเรียวเคียวคมชมน้องพี่
สาวชาวนาหน้าคล้ำน้ำใจดี
รักศักดิ์ศรีชาวนาฝ่าแดดลม
หอมกรุ่นกลิ่นน้ำใจไอข้าวหอม
ได้ดมดอมเริงรื่นชื่นสุขสม
โอ้กระไรใครหนอจักชอบชม
มานิยมข้าวไทยใฝ่เสรี......
กันนาเทวี
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
13 พฤศจิกายน 2551 11:11 น.
กันนาเทวี
ขอดวงพระวิญญาณพระองค์แก้ว
ลาลับแล้วเสด็จห้วงสรวงสวรรค์
พระมหากรุณาอเนกอนันต์
ยังจำมั่นพระเมตตาประชาไทย
ฟ้านิราศบรรจบพบเสกสรรค์
รวิวรรณอัญมณีนิรัติศัย
สถิตทิพพิมานนิรันดร์ไป
น้ำพระทัยเมตตาข้าปวงชน
ขอเป็นข้าใต้เบื้องยุคลบาท
แห่งพระราชกรณียกิจทุกแห่งหน
สถิตมั่นในใจไทยทุกคน
ด้วยกมลเปี่ยมล้ำธรรมบูชา
ลาลับแล้วดวงแก้วพริ้งแพรวใส
เสด็จสู่แดนเทพไทไกลหนักหนา
ปวงประชาต่างสะอื้นกลืนน้ำตา
พระมาลาจากข้าไทไปนิรันดร์
น้อมอาลัยพระองค์พระทรงศรี
ต่อจากนี้ไม่มีแล้วดวงแก้วขวัญ
เคยปลดทุกข์บำรุงสุขไทยทั่วกัน
โอ้มิ่งขวัญลาลับแล้วดวงแก้วไทย
ขอพระองค์ทรงสถิตวิมานแก้ว
งามเพริศแพร้วเจิดจ้า ณ ภพใหม่
ขอพระองค์ทรงนิทราทั้งกายใจ
บรรเจิดในแดนสรวงข่วงพิมาน.........
ขอพระองค์ เสด็จสู่สวรรคาลัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา
กันนาเทวี
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
10 พฤศจิกายน 2551 19:47 น.
กันนาเทวี
ยามราตรีมืดมนระคนหนาว
ฟ้าพร่างพราวดาวดับจะลับหาย
ค่อนดึกแล้วน้ำค้างหยดพร่างพราย
นวลจันทร์ฉายหมองมัวสลัวลาง
เธอดุจแสงตะวันอันอวลอุ่น
ทอละมุนส่องฟ้าครารุ่งสาง
เปล่งประกายฉายล้อกลุ่มหมอกบาง
ควันเจือจางเลือนหายคลายมืดมัว
ฉันเฉกเช่นดอกหญ้า ณ ริมทาง
รอสว่างอุ่นไอคลายสลัว
กลีบดอกบางคลี่คลายขยายตัว
บานข้างรั้วรับแสงแห่งตะวัน
หอมละมุนอุ่นเอื้อเมื่อแสงส่อง
คือโคมทองปองใจให้ใฝ่ฝัน
เป็นความงามไมตรีที่รู้กัน
เป็นสัมพันธ์มั่นรักประจักษ์ใจ
อันวาจาสุนทรีย์วจีหวาน
ในกลอนกานท์ผ่านแผ่วแว่วหวิวไหว
เพียงคารมชมชื่นรื่นรมย์ใน
ร้อยรัดไว้ให้หวงห่วงอาทร
อุ่นตะวันยอแสงแห่งความหวัง
คือพลังแห่งมิตรผลิตอักษร
ดวงดอกไม้เบ่งบานในลานกลอน
ขอเว้าวอนอ้อนคำอย่าร่ำลา...
กันนาเทวี
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
9 พฤศจิกายน 2551 15:44 น.
กันนาเทวี
จากดอกหญ้าคัดสรรพืชพันธุ์หนึ่ง
เป็นหญ้าซึ่งนำมาเป็นอาหาร
เลี้ยงชาวโลกอิ่มหนำมาแสนนาน
เป็นข้าวสุกในจานทานอิ่มเอม
มิได้เป็นพันธุ์ไม้อันสูงค่า
เป็นเพียงหญ้าพาสู่สุขเกษม
ประโยชน์ยิ่งพาคนให้ปรีดิ์เปรม
ข้าวคุมเกมชีวิตคนบนโลกา
ข้าวงอกงามทุกถิ่นที่มีหลายหลาก
ดั่งคนมากอำนาจวาสนา
แต่ต้นข้าวออกรวงตามเวลา
ยิ่งมีค่ายิ่งอ้อนค้อมน้อมรวงลง
คนยิ่งสูงมีเกียรติและลาภยศ
ก้องปรากฏเกริกไกรใจลุ่มหลง
คิดชูช่อขึ้นฟ้าอย่างทรนง
ย่อมไม่ส่งผลดีที่ตัวตน
คือสัจจะชีวิตคิดจากข้าว
คิดจะก้าวขึ้นสูงต้องฝึกฝน
เป็นคนอ่อนน้อมใจต่อผู้คน
ไม่พร่ำบ่นอวดดีจนเกินการ
คนยิ่งใหญ่ยิ่งอ่อนน้อมใจพร้อมรับ
เป็นเหมือนกับรวงทองมองอ่อนหวาน
แต่ส่งผลยิ่งใหญ่ให้เจือจาน
อภิบาลโลกกว้างอย่างมีธรรม
กันนาเทวี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ข้อคิดจากรวงข้าว
จาก....http://variety.teenee.com/foodforbrain/2565.html