10 พฤศจิกายน 2551 19:47 น.
กันนาเทวี
ยามราตรีมืดมนระคนหนาว
ฟ้าพร่างพราวดาวดับจะลับหาย
ค่อนดึกแล้วน้ำค้างหยดพร่างพราย
นวลจันทร์ฉายหมองมัวสลัวลาง
เธอดุจแสงตะวันอันอวลอุ่น
ทอละมุนส่องฟ้าครารุ่งสาง
เปล่งประกายฉายล้อกลุ่มหมอกบาง
ควันเจือจางเลือนหายคลายมืดมัว
ฉันเฉกเช่นดอกหญ้า ณ ริมทาง
รอสว่างอุ่นไอคลายสลัว
กลีบดอกบางคลี่คลายขยายตัว
บานข้างรั้วรับแสงแห่งตะวัน
หอมละมุนอุ่นเอื้อเมื่อแสงส่อง
คือโคมทองปองใจให้ใฝ่ฝัน
เป็นความงามไมตรีที่รู้กัน
เป็นสัมพันธ์มั่นรักประจักษ์ใจ
อันวาจาสุนทรีย์วจีหวาน
ในกลอนกานท์ผ่านแผ่วแว่วหวิวไหว
เพียงคารมชมชื่นรื่นรมย์ใน
ร้อยรัดไว้ให้หวงห่วงอาทร
อุ่นตะวันยอแสงแห่งความหวัง
คือพลังแห่งมิตรผลิตอักษร
ดวงดอกไม้เบ่งบานในลานกลอน
ขอเว้าวอนอ้อนคำอย่าร่ำลา...
กันนาเทวี
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
9 พฤศจิกายน 2551 15:44 น.
กันนาเทวี
จากดอกหญ้าคัดสรรพืชพันธุ์หนึ่ง
เป็นหญ้าซึ่งนำมาเป็นอาหาร
เลี้ยงชาวโลกอิ่มหนำมาแสนนาน
เป็นข้าวสุกในจานทานอิ่มเอม
มิได้เป็นพันธุ์ไม้อันสูงค่า
เป็นเพียงหญ้าพาสู่สุขเกษม
ประโยชน์ยิ่งพาคนให้ปรีดิ์เปรม
ข้าวคุมเกมชีวิตคนบนโลกา
ข้าวงอกงามทุกถิ่นที่มีหลายหลาก
ดั่งคนมากอำนาจวาสนา
แต่ต้นข้าวออกรวงตามเวลา
ยิ่งมีค่ายิ่งอ้อนค้อมน้อมรวงลง
คนยิ่งสูงมีเกียรติและลาภยศ
ก้องปรากฏเกริกไกรใจลุ่มหลง
คิดชูช่อขึ้นฟ้าอย่างทรนง
ย่อมไม่ส่งผลดีที่ตัวตน
คือสัจจะชีวิตคิดจากข้าว
คิดจะก้าวขึ้นสูงต้องฝึกฝน
เป็นคนอ่อนน้อมใจต่อผู้คน
ไม่พร่ำบ่นอวดดีจนเกินการ
คนยิ่งใหญ่ยิ่งอ่อนน้อมใจพร้อมรับ
เป็นเหมือนกับรวงทองมองอ่อนหวาน
แต่ส่งผลยิ่งใหญ่ให้เจือจาน
อภิบาลโลกกว้างอย่างมีธรรม
กันนาเทวี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ข้อคิดจากรวงข้าว
จาก....http://variety.teenee.com/foodforbrain/2565.html
8 พฤศจิกายน 2551 14:32 น.
กันนาเทวี
ข้าวคอยเคียวเรียวทองมองสดสวย
ลมหนาวช่วยโชยพัดสะบัดไหว
เป็นเกลียวคลื่นเขียวทองมองชื่นใจ
เพิ่มแรงให้ชาวนาฝ่าแดดลม
แม้ร้อนแรงแห่งแสงตะวันกล้า
มวลชาวนามิหวั่นวันสุขสม
วันเกี่ยวข้าวรวงงามด้วยเคียวคม
เพลินอารมณ์เพลงเกี่ยวดังฟังแว่วมา
นับรอวันเริ่มหว่านตระการผล
อย่างอดทนรอคอยผ่านพรรษา
รวงข้าวงามสมใจได้เพลินตา
ท้องทุ่งนาแดนทองของบ้านเรา
รวมพี่น้องผองเพื่อนเหมือนญาติมิตร
ที่ใกล้ชิดร่วมแรงใจไม่หงอยเหงา
เกี่ยวรวงทองปองสุขใจใต้ร่มเงา
พ่อหลวงไทยคุ้มเกล้าเหล่าชาวนา
ธ ทรงเป็นแรงใจให้ไทยผอง
ทรงปกป้องน้ำดินถิ่นรักษา
ต่างซึ้งในน้ำพระทัยกรุณา
ทรงค้นคว้าวิจัยให้สร้างงาน
ทรงย้ำเตือนพอเพียงใช่เสี่ยงโชค
ต่อไปโลกขาดพืชพรรณภักษาหาร
ไม่ต้องรวยเป็นเสือเพื่อสำราญ
เพียงมีบ้านมีข้าวเราสุขพอ.......
กันนาเทวี
๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
6 พฤศจิกายน 2551 00:38 น.
กันนาเทวี
ฝากเพลงรักลอยลมห่มใจเหงา
กล่อมคนเศร้าอ่อนไหวใจโศกหมอง
ไร้เหตุผลทนฝืนยืนประคอง
น้ำตาต้องรินทรวงร่วงในใจ
ขอเป็นเพื่อนปลอบใจในวันนี้
หากคนดีสับสนทนหวั่นไหว
บางครั้งท้อชีวิตที่เป็นไป
ไม่เป็นไรสู้ต่ออย่าท้อเลย
ใช่โดดเดี่ยวเดียวดายสุดปลายฟ้า
เดือนดาราพราวพร่างกระจ่างเผย
คือสายตาของฉันห่วงเช่นเคย
ที่รักเอ๋ยพักก่อนผ่อนเอาแรง
นอนหลับตาหนุนแขนแทนต่างหมอน
อย่าอาวรณ์งานหนักจักกล้าแกร่ง
หากอ่อนล้าเพลียนักพักแสดง
รอให้แสงรุ่งรางค่อยสร้างงาน
ส่งแรงใจปลอบขวัญตะวันกล้า
ฟื้นกายาเดินต่อก่อสืบสาน
ถากถางพงทุกข์ยากลำบากนาน
หวังตระการผลงามความรุ่งเรือง
ขอให้รักเป็นแรงแห่งใจมุ่ง
ขอบเรียวรุ้งรวงพราวข้าวสีเหลือง
หอบความฝันมาไกลจากในเมือง
หวังประเทืองทุ่งทองผ่องอำไพ
กันนาเทวี
๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
4 พฤศจิกายน 2551 08:23 น.
กันนาเทวี
อดีต คือบทเรียนให้เพียรสู้
ให้เรารู้แก้ไขใช่ปัญหา
ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา
มาเยียวยาแล้วก้าวใหม่ให้มั่นคง
การเดินทางหลงทิศไม่ผิดแปลก
รู้จักแยกปัญญาอย่าลุ่มหลง
อย่าโยนกองโทษใครโดยเจาะจง
ความแค้นส่งผลกรรมนำสู่เลว
ยิ่งอาฆาตมาดร้ายหมายเข่นฆ่า
ยิ่งนำพาตัวตนให้ตกเหว
โกรธชิงชังมุ่งร้ายดังไฟเปลว
ผลล้มเหลวไฟลุกลามห้ามอย่างไร
องคุลีมาลสันดานโจรแสนร้าย
ยังกลับกลายเป็นพระที่ผ่องใส
คนเราผิดรู้ตัวคิดกลับใจ
ปัญหาใหญ่ดับพลันหันสู่ธรรม
คือ ทางแก้ทางเอกทางเสกสันติ์
มุ่งโรมรันนับวันพลันถลำ
ใช้พุทธวาจามาน้อมนำ
คงเลิศล้ำผลดีที่ต้องการ
เชิญสว่างสะอาดสงบก่อน
จะขอวอนใช้ธรรมเชื่อมประสาน
โปรดละวางลดรามาเจือจาน
เพื่อให้บ้านเมืองเราเข้าที่ทาง...
กันนาเทวี
๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑