12 มกราคม 2552 18:34 น.
กันนาเทวี
กริ้วโกรธใครใจร้อนเป็นฟอนไฟ
เหตุเพราะไปยึดมั่นจนโมโห
ตามใจตนข้องขัดอัตตาโต
พาลพาโลก่อกวนชวนด่าตี
จิตลุกลนทนไม่ไหวให้คลุ้มคลั่ง
ทำตึงตังเอะอะว่าเสียดสี
เกิดวิวาทบาดหมางพรางราวี
สามัคคีแตกแล้วแก้วร้าวรอย
เพราะมัวเมาเขลาขลาดจึงพลาดผิด
เกิดวิกฤตพิษอารมณ์เกินข่มถอย
ยิ่งมืดมนหนทางปิดจิตเลื่อนลอย
เฝ้าแต่คอยตั้งแง่แพร่เชื้อไฟ
โกรธมากมายคายพิษคิดมุ่งโทษ
หฤโหดไร้เมตตาหาเรื่องใส่
เพิ่มขัดแย้งรุนแรงระแวงไว
ร้อนรุ่มใจอาละวาดขาดปัญญา
โกรธทำไมตรองดูรู้สาเหตุ
ดับกิเลสต้นตอแห่งปัญหา
โกรธคือโง่โธ่เอ๋ยเผยวาจา
โกรธเหมือนบ้าสติขาดอาจทุกข์ทน
ดับไฟร้อนแห่งโทสะจะสุขยิ่ง
ได้เอื้ออิงเมตตาน่าฉงน
ให้อภัยพลาดพลั้งยั้งกมล
คงผ่านพ้นพิษภัยในโลกา
กันนาเทวี
๑๒ มกราคม ๒๕๕๒
9 มกราคม 2552 08:34 น.
กันนาเทวี
เหนือทิวาราตรีมิรู้จบ
คราประสบพบเธอละเมอฝัน
เกินกล่าวถ้อยร้อยคำมาจำนรรจ์
เนิ่นนานวันนั่งนับกับการคอย
ความจริงใจมอบให้ในที่รัก
ย่อมประจักษ์ในกมลคนเหงาหงอย
ใจซื่อซื่อตามติดจิตเลื่อนลอย
รักฝังรอยซึ้งใจไม่เลือนลา
งามน้ำใจคนดีที่ตระหนัก
เชิญผ่อนพักอารมณ์ชมหรรษา
งานสร้างฝันมั่นคงตรงศรัทธา
คงแกร่งกล้าสู้งานวันต่อไป
เพียรแต่คิดสรรค์สร้างทางแห่งสุข
แม้จะทุกข์มิท้อหนทางไหน
จะแน่นหนักสัมพันธ์มั่นจริงใจ
รักมอบให้คนดีมิท้อเลย
จงสุขสมชมชื่นเริงรื่นจิต
เพียงแค่ชิดเพ้อพร่ำคำเปิดเผย
ว่าแสนรักปักใจใคร่ชื่นเชย
ขอเอื้อยเอ่ยปลอบขวัญวันคู่เคียง
เหนือคุ้งน้ำขอบฟ้านภาผ่อง
ลมเย็นล่องพัดคลื่นครืนครืนเสียง
ทะเลร่ำรักย้ำแว่วสำเนียง
คำร้อยเรียงส่งถึงซึ้งมิลืม...
กันนาเทวี
๙ มกราคม ๒๕๕๒
7 มกราคม 2552 03:06 น.
กันนาเทวี
ชีวิตไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
รสชาติของชีวิต คือ....
การได้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค
อุปสรรค คือ กำไร
บางครั้งดูเหมือนจะมืดมน ไร้ทิศทาง
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป.....
ทุกปัญหาที่ประสบก็คลี่คลาย
และหาทางออกจนได้.....
ดวงอาทิตย์ย่อมส่องแสง
เมื่ออรุณรุ่งเริ่มวันใหม่.....
เฉกเช่นเดียวกับชีวิต.....
เมื่อผ่านความมืดแห่งราตรีกาลแล้ว
ย่อมเจอแสงสว่างทางชีวิต
เมื่อชีวิตยังคงอยู่..........
จงกล้าหาญและอดทน
ก้าวไปช้าๆอย่างมั่นคง.........
อย่าท้อแท้ยอมแพ้อุปสรรค
สักวันหนึ่ง........
ความสำเร็จจะเป็นของเรา
อย่างภาคภูมิใจ.....
กันนาเทวี
๗ มกราคม ๒๕๕๒
5 มกราคม 2552 04:00 น.
กันนาเทวี
อันมนุษย์นี่หนอพอแยกได้
มีร่างไซร้ธาตุสี่มาผสม
ดั่งจับปั้นดินน้ำและไฟลม
ต่างเกลียวกลมเป็นรูปร่างอย่างพอดี
มีแต่ร่างยังหาใช่มนุษย์ไม่
ส่วนจิตใจวิญญานขานชื่อผี
ต้องสิงสู่ในร่างจึงจะมี
ชีวิตที่เรียกว่าคนใช่กลไก
จะดีงามทรามชั่วตัวตนสร้าง
แต่ผู้วางแผนการนั้นรู้ไหม
คือวิญญานรับรู้หรือจิตใจ
นำชี้ให้ทำตามความคิดตน
จิตนำกายว่ายวนในสังสาร
ทรมานแหวกว่ายด้วยสับสน
ช่างลำบากจริงแท้เกิดเป็นคน
จำทุกข์ทนเดินทางอย่างเอกา
แม้รักชอบชิงชังดังที่เห็น
นั่นเพราะเป็นเหตุต้นผลกรรมหนา
เพราะต่างคนวนเวียนเกิดตายมา
ไม่รู้ว่าเกาะเกี่ยวกันเป็นฉันใด
เราคนเดียวโลดแล่นในแผ่นพื้น
ทุกวันคืนระวังอย่าหวั่นไหว
ชีวิตคนที่เห็นและเป็นไป
เพราะปล่อยใจตามเหตุกิเลสมาร.
กันนาเทวี
๕ มกราคม ๒๕๕๒
3 มกราคม 2552 19:40 น.
กันนาเทวี
มวลบุปผามาลัยในสวนขวัญ
มอบกำนัลด้วยไมตรีที่เฉิดฉาย
แด่ผองชนญาติสนิทมิตรหญิงชาย
สุดฟ้าปลายรับขวัญอันจริงใจ
หวังสิ่งใดในหล้าพาสุขสม
ดั่งนิยมดอกผลิบานตระการไหว
ส่งกลิ่นหอมอบอวลทวนลมไกล
มอบมาลัยเป็นพลังสร้างความดี
ดวงตะวันทอแสงอันแรงกล้า
ส่องฉายมาอุ่นไอให้สุขี
เป็นเปลวไฟไหม้นานขานไมตรี
สามัคคีผูกใจไหลรวมกัน
รินน้ำไหลสายธารอันชุ่มชื่น
เย็นระรื่นธารน้ำใจเสกสร้างสรรค์
แผ่นฟ้าใสงามสดสีวิลาวัณย์
เป็นหวังอันสดใสในชีวา
ขอมอบมวลดอกไม้ในสวนนี้
มอบความดีจากใจที่ใฝ่หา
ความหม่นหมองหลั่งรินสิ้นน้ำตา
กลับกลายมาสดชื่นยิ้มรื่นรมย์
กำลังใจให้คุณหนุนนำเนื่อง
ให้รุ่งเรืองก้าวไกลใจสุขสม
ดั่งธารน้ำไหลล่องมองชื่นชม
ล้อมรักห่มกำลังใจส่งให้คุณ..
กันนาเทวี
๓ มกราคม ๒๕๕๒