17 พฤศจิกายน 2552 08:11 น.
กันนาเทวี
จุดด่างดำแปดเปื้อนลบเลือนยาก
ชีวิตหากพลาดผิดติดความหลัง
สกัดกั้นแรงใจไร้พลัง
หมดความหวังก้าวไปในชีวา
อนาคตมองไปไร้เข็มทิศ
ปล่อยชีวิตเซซังด้วยกังขา
รักชังชอบย้ายโยกโชคชะตา
คล้ายกับว่าฟ้าบันดาลพาลเป็นไป
มนุษย์นี้ดั่งมดแมงแฝงกายอยู่
ตามร่องรูกิ่งก้านบ้านอาศัย
ต้นไม้มีใบดกปกป้องภัย
ฝูงมดไซร้สามัคคีมีสุขพลัน
แบ่งหน้าที่กันทำนำพาสุข
ใครจะรุกเข้ามาอย่านึกฝัน
มดรุมกัดหากทำร้ายถึงรังมัน
ต่างสู้กันยิบตาน่าดูชม
มนุษย์ต่างจากมดรันทดแท้
เฝ้ารังแกทั้งทำลายไม่สุขสม
พวกเดียวกันเอาเปรียบเหยียบให้จม
แย่งอาจมกินกามเกียรติจึงเบียดเบียน
จึงโลกนี้ไร้ไมตรีมีศึกก่อ
เฝ้าตีต่อไร้สันติมิเคยเปลี่ยน
ทำร้ายกันรายวันอย่างวนเวียน
โลกเกือบเตียนยื้อยุดฉุดทำลาย
ธรรมชาติที่อาศัยไม่รักษา
กลับเอามาต่อรองครอบครองหมาย
ไร้สติปัญญาพาวอดวาย
โลกร้อนร้ายแตกดับใครรับกรรม..
14 พฤศจิกายน 2552 21:25 น.
กันนาเทวี
โศกร่ำกำสรวลหวนไห้
นรกใดใครเล่าสร้างสรรค์
มนุษย์ไหนทำโทษฉกรรจ์
ปลุกปั่นทำลายชาติชน
ปึกแผ่นแน่นแฟ้นแดนไทย
ทำลายย่อยยับสับสน
เนรคุณเชื้อชาติแห่งตน
ฤๅพ้นนรกอเวจี
ลุแก่อำนาจเงินตรา
ธรรมาดำมืดบอดสี
อวดเบ่งเก่งกล้าท้าตี
ชักชี้ชาวชนป่วนเมือง
ลอยหน้าท้ากฏจดจ้อง
ครรลองมิอาจเอาเรื่อง
เกรงใจวิบัติขัดเคือง
ยักเยื้องลีลาน่าเบื่อจัง
กรรมใดใครทำจำขาน
ยมบาลโกรธขึ้งขึงขัง
สินบนไร้ค่าน่าชัง
ยับยั้งซ่อนเร้นไว้ไป่มี
นรกยังรอหนอนั่น
พวกปั่นพวกปล่อยเปรตผี
ยุยงแตกซ่านสามัคคี
ยุคกลีผีนรกตกอบาย.....
13 พฤศจิกายน 2552 20:06 น.
กันนาเทวี
หนทางเดินสายนี้มีรักให้
อิ่มอุ่นไอใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
มิลวงหลอกบอกไว้เป็นสำคัญ
ทางสายนั้นมั่นคงจงมั่นใจ
หนทางนี้มีรักที่หนักแน่น
มิคลอนแคลนแบ่งปันอย่าหวั่นไหว
รักเพียงเธอคนเดียวตลอดไป
ด้วยสายใยผูกพันฉันเพื่อนเกลอ
ทั้งห่วงหวงอาวรณ์ตอนเช้าค่ำ
จะตรากตรำลำบากหากพลั้งเผลอ
ทุ่มกำลังแรงใจส่งให้เธอ
ยังละเมอรำพึงคิดถึงกัน
อยู่แห่งไหนอย่างไรเหนื่อยไหมหนอ
อยากเคล้าคลอชมชอบเฝ้าปลอบขวัญ
ลมหนาวล่องโรยรื่นชื่นชีวัน
ส่งใจฝันมอบรักและภัคดี
วันฟ้าใสใจคะนึงคิดถึงอยู่
คราคลอคู่เคียงใกล้ในสวนศรี
ชี้ชวนชมไม้งามตามพงพี
เพลินฤดีสุขสมภิรมย์ปอง
ทางสายนี้แค่เพียงเดินเคียงคู่
รักชื่นชูชิดเคียงเพียงเราสอง
หากเพียงเราเข้าใจในครรลอง
มิจำจองคู่ฝันนิรันดร์...
9 พฤศจิกายน 2552 22:30 น.
กันนาเทวี
ณ ปลายทางที่เปล่าว่าง
ยิ้มจางจางกับใจที่ไร้หวัง
เหงาเศร้าสร้อยอยู่แต่เพียงลำพัง
ชีพแม้ยังแค่หายใจไปวันวัน
มิตั้งใจจ่อมจมระทมเศร้า
เคยขัดเกลาฝึกฝืนยืนสู้ฝัน
ผ่านแบบฝึกใจกล้าสารพัน
ด้วยบากบั่นฟันฝ่ากว่าหยัดยืน
เหมือนจะรักเข้าใจในความเหงา
รอยหม่นเศร้าถูกลบพบความชื่น
ดั่งน้ำทิพย์ชะโลมใจให้ฟื้นคืน
ที่กล้ำกลืนฝังกลบจนลบเลือน
เริงระรื่นชื่นรักเกินจักกล่าว
ฟื้นความสาวคืนใจหาใดเหมือน
สุขหัวใจเมื่อรักมาเยี่ยมเยือน
เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่สุดที่รัก
ที่แท้จริงใจเราคว้าเงาไว้
ภาพหลอนใจกว่าซึ้งจึงประจักษ์
ไม่มีใครจริงใจให้เรานัก
ก็แค่พักหายเหงาเขาก็ไป
ณ ปลายทางที่เปล่าว่าง
ค่อยค่อยวางใจลงปลงสงสัย
เขาเหยียบย่ำรอยช้ำจนฉ่ำใจ
เหลือสิ่งใดก็ใจเหงาเศร้าอย่างเดิม...
6 พฤศจิกายน 2552 07:18 น.
กันนาเทวี
ค่ำคืนแม้มืดมนทนเหน็บหนาว
กับเรื่องราวมากมายในปัญหา
รักลาร้างห่างหายคลายสัญญา
ยังโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกาว้าเหว่ใจ
ฟ้าดินแกล้งแปลงใจใครเป็นอื่น
ไปเริงรื่นเย้าหยอกบอกรักใหม่
ที่เคยชื่นชมชิดสนิทใน
ลืมเลยไปหันเหียนใจเปลี่ยนแปร
ยังทนฝืนยืนสู้กอบกู้ศักดิ์
แม้สุดรักช้ำในใจเป็นแผล
ถูกกระหน่ำรักลวงหลอนดวงแด
รักเชือนแชเมินเฉยเลยลืมกัน
ดาวพร่างฟ้าแสนอาลัยใจเหน็บหนาว
หมอกสกาวมัวหม่นคนเหหัน
ทุ่งสีทองงามแท้ต้องตะวัน
เคยร่วมฝันบัดนี้พี่ละเลย
ลอยกระทงคงมีคู่อยู่เคียงข้าง
จึงเมินหมางห่างไร้ไม่เปิดเผย
อดทนรอที่เก่าเศร้าอย่างเคย
สุดจะเอ่ยกลั้นน้ำตาที่พร่าพราย
แม้หมดรักหมดห่วงควงเขาอื่น
มิขัดขืนสัญญาอย่าห่างหาย
จะปลอบขวัญให้ชื่นมิคืนคลาย
แม้สุดท้ายตะวันรุ่งยังมุ่งรอ....