27 กุมภาพันธ์ 2549 06:56 น.
กะเรกะร่อน
ลางลิงลิงลอดเลี้ยว.............ลางลิง
แลลูกลิงลงชิง...................หลักยื้อ
ลิงวอกไล่ลมพิง.................พันรอบ เพื่อนแฮ
แลฝูงลิงชิงชื่อ...................ชักเลี้ยวรวมลิง
เหล่าลิงโลดไล่ไล้.............. ลองกล
เล่นพรรคลงพวกพล.........พี่น้อง
ลมพัดหลักล้ม,ตน.............วุ่นวิ่ง หนีเฮย
หมายใหม่ลิงไล่จ้อง...........จกจ้วงรังลิง
วานรมินอนใจ
เข้าโลดไล่ยื้อหลักพัน
ลอดเลี้ยวชิงลมกัน
ชักรวมชื่อเพื่อซื้อชัย
ลางลิงลิงลอดเลี้ยว
กางเล็บเขี้ยวโรมประลัย
ย้ายพรรคเพื่อโยกภัย
จ้องจกจ้วงลวงเพื่อนหลอน
ขุนพลหล่นจากพรรค
ลูกลิงรักยักองค์อร
ปลดเกียรติเปลื้องอาวรณ์
ย้ายหลักฝัง หารังตาย.
26 กุมภาพันธ์ 2549 02:44 น.
กะเรกะร่อน
นายว่า :
หอมกะลา มันกะโหลก
แลชะโงกเมื่อค่ำงาย
เดือนดาวก็วาวพราย
ลัคน์สว่างไสวหน
เขตแดนดุจกว้าง
อรัญหว่างกระแสชล
โน่นฟ้าครามคำรณ
ตะวันฉายชิงช่วงแสง
หอมกะลา เข้มพลัง
วิญญาณหวังทะยานแรง
ฟ้าต่ำ ดินจำแลง
ที่เหยียบย่ำ คือ โคลนเขียว
ตมปลัก ว่า สีทันดร
ครองนครอยู่ดายเดียว
อย่าหมายไล่ล้มเชียว
อำนาจข้า ข้าแหนหวง
สิบแสนนอกระบบ
ฤา จะครบประชาปวง
กฎหมู่จ้องจาบจ้วง
ละเลงป้ายภาพใส่สี
จากเขียวจะเข้มดำ
กายจะคล้ำคราวกุลี
นายกบอย่างฮานี้
ฤ จะร่วงกะกราวหรือ ?
จักรวาลอันคลุมครอบ
สิ้นเขตขอบประชาลือ
ฤทธิ์เงินที่ยึดถือ
ระเบ่งเบิกและบานสวย
กะลาหอม กะโหลกกลวง
ที่ออกรวงคือทรัพย์รวย
ผู้ใดไม่เห็นด้วย
จับใส่ลังลงถังมัด
ใครเตะกะลาโคลง
คือคนโกงตระบัดสัตย์
หมายล้มและไล่ฟัด
ด้วยวิถีอธรรมร้าย
ขี้ข้าครวญ :
เราหรือคือคนบาป
เพราะกำซาบซดกลิ่นอาย-
ลมหอม นอกปลักนาย
และ ริชื่นเสรีชม
เขากลัวกะลาคว่ำ
จึงหยุดย้ำที่พองลม
"ยุบ" ตนในท้องตม
เพื่อสุขสมหลังวรรคไฟ
กะลาจะสิ้นหอม
พุธจะอ้อมเข้าล้อมใหม่
ลัคน์มืด, กบจืดชัย
ประชาหมายเปิดกะลา
ฟ้าใหม่หลังฝนล้าง
สิโรจน์รางหรือไร้ค่า
กลกบในกะลา
จะกลับมา ฤ ลาลับ
สองมือเราเปิดฟ้า
สร้างรถาขึ้นร่วมขับ
รพีไล่พยับ
เราจะขับกบพยศ.
24 กุมภาพันธ์ 2549 07:09 น.
กะเรกะร่อน
หยิบกาแฟแก้วใหม่เมื่อใกล้เช้า
กลั่นไอควบชิดเข้าเพื่อหยดขุ่น
หมอกพุ่งพวยไล่ล้อมหอมละมุน
จึงตื่นตามาอิ่มอุ่นแต่รุ่งเช้า
กระจัดกระจายลิ้นชักตักคำเขียน
จังหวะเวียน หยิบเสื้อใหม่ ใส่หมวกเก่า
กระวีกระวาดกวาดคำขยำเคล้า
ลงแสงเงา เป่าเส้น ให้เป็นเพลง
ซดกาแฟแก้วใหม่ไปพร่องฟ้า
น้ำตาลเปรอะครึ่งหน้า ---- เข้าท่า ! เจ๋ง!
ส่งวรรค รับลูกล้อ ต่อบรรเลง
ประชันเสียงประชดเพลงกระทบฟ้า
ละอองกวีหอมทะเลเห่ขุนเขา
ขับลำนำค่ำเช้า, เมาคำป่า
จิบกาแฟไล่วรรค - พักน้ำตา
แล้วจัดคำ เข้าหน้า ทำนองนวล
เมื่อตาตื่นอิ่มคำก่อนค่ำหาย
ฟ้าแทรกพรายส้ม-ขาว, กาแฟหวน
ตวัดถ้อย ประมวลคิด ปิดกระบวน
แล้วกรองคำ ขับสำนวน เคล้าละออง-
กวี, ซากกาแฟเก่าขอดก้นแก้ว
ค่ำแล้ว คืนแล้ว , ย้ำหยดหมอง
หอมกวีหวนหาย คลายคะนอง
วรรคสุดท้าย จางทอง....ลับท้องลึก.
22 กุมภาพันธ์ 2549 18:02 น.
กะเรกะร่อน
สายฝนล้นหลากจากฟากฟ้า
หยาดพราวพรูมาจากฝ้าหม่น
ร้อยสายไหลหลากจะกรากล้น
ชื่นชลเชี่ยวล้ออย่างลึกล้ำ
ตะวันแรแสงทับดับจันทร์เลือด
หน้าผู้คนซีดเผือดจะชื่นฉ่ำ
จะฮึกเสียงโหมหาดประกาศคำ
นทีโยนคลื่นย้ำกระแสชน
ลมจะล้อลูบเย็นอย่างเป็นมิตร
ฟ้าผ่องแผ้วยามพิศทางทิศหม่น
ฝนรินชื่นโชลมพร่างกลางโกมล
ธรรมจะโรจน์เริงล้นระยับแดน
เราจะสู้ด้วยเสียงบริสุทธิ์
ปลุกธุลีขึ้นยุทธอีกเรือนแสน
เจ้าพระยาร้องไห้...ไทยร้าวแทน
ธารประชาจะโลดแล่นเพื่อชิงชัย
แดดจะคืนแสงทองส่องฝ้าฟ้า
อธิปไตยจะแตกกล้าเพื่อหวังใหม่
ชนชลา......อย่าหลากมาเพื่อลับไป
จงเคารพ...ธำรงไท....ไล่คนคด.
4 กุมภาพันธ์ 2549 04:31 น.
กะเรกะร่อน
อรุณสวัสดิ์ พิราบขาว
เริ่มเที่ยวบินปวดร้าวแต่เช้าฉาย
เห็นขอบฟ้าขลิบทองผ่องเรืองราย
เจ้าหมายแตะปีกปลายเพลิงอำพัน
เจ้าท่องฟ้าตามหาสันติภาพ
กลางกระแสลมบาปโหมบุกบั่น
กลางกระสุนทะลวงกราดรุกฟาดฟัน
อันสาดโยนจากชนชั้นกระสันไฟ
โลดถลาเตลิดลีบเข้ากลีบเมฆ
มือใดเสกเลือดนภามาขับไล่
กระเจิงขวัญ กระจายสิ้น เสรีไท
จะร่อนลงแหล่งใด....ล้วนเถือกทา
มิคสัญญีสุดขอบฟ้าฝั่งสวรรค์
แดนสายัณห์ขื่นขรมระบมบ้า
ฤา แสงทองทาบเลื่อมรุ้ง คือ มายา?
เที่ยวบินเดี่ยวแปลค่า เขตอนันต์
ราตรีสวัสดิ์ พิราบขาว
อาบแสงดาวคืนหม่นอันมืดฝัน
ทุกหยับปีกทบหวาดช้ำทุกค่ำวัน
ทุกเปลวทองทาบขวัญ...ต้องเดินทาง !
..........................................................
( เมื่ออรุณสวัสดิ์ พิราบขาว
เริ่มเที่ยวบินปวดร้าวแต่รุ่งสาง
เห็นขอบฟ้าขลิบทองผ่องโรจน์ราง
เจ้าหมายจรดปีกหว่าง สันติภพ)
........................................
เปิดข่าวในบ้าน.....ในบ้านก็วุ่นวายเสรีภาพภายในบ้าน
เปิดข่าวนอกบ้าน.......ระหว่างหมู่บ้านก็ทะเลาะกันโดยอ้างเสรีภาพ
รู้สึกเหมือนว่า......ไม่ว่านิวาสถานแห่งไหน ของใคร
ก็ดูร้อนรุกไปหมด
ติสตู คิดแผนห้ามทัพศึกพ่อ โดยการปลูกดอกไม้
ติสตูปลูกดอกไม้ในบ้าน แล้วปลูกในสวน แล้วปลุกในหมู่บ้าน
ติสตูปลูกดอกไม้ในคุก ปลูกดอกไม้ให้คนในหมู่บ้านเดียวกัน
ติสตูตามไปปลูกดอกไม้ในกองทัพ ในอาวุธ
เมื่อสมเด็จพ่อพระราชาสั่งยิงปืนใหญ่
"ดอกไม้ ดอกไม้ และดอกไม้ เข้าประหัตประหาร ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้"
เพราะเป็นดอกไม้....สิ่งที่หลงเหลือจึงปรากฏเป็น ดอกไม้สว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าและแผ่นดิน
ติสตู เจ้าชายของดอกไม้
คิดถึงหนังสือของ Maurice Druon
ติสตูนักปลูกต้นไม้